การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 41 ข่าวร้ายจากเมืองหลวง
ตอนที่ 41 ข่าวร้ายจากเมืองหลวง
2 เดือนต่อมา
อีดนิดเดียว! อีกนิดเดียวก็จะสามารถทะลวงระดับเข้าราชาแท้จริงได้แล้ว แค่อีกนะ-
“ท่านแกนด์ดยุค เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ!!!”
ชิ! กำลังจะทะลวงระดับแล้วแท้ๆ ไคเซอร์ มันมาทำอะไรตอนนี้ หลังจากดูดซับลมปราณและฝึกมาร่วมเดือนผมกำลังจะทะลวงระดับไประดับราชาแท้จริงแล้วแท้ๆ การมารบกวนการทะลวงรบดับแบบนี้มันไม่อันตรายก็จริ งแต่มันทำให้ผมอารมณ์เสียเอามากๆ ต้องมาเริ่มขั้นตอนยุ่งยากในการทะลวงระดับใหม่หมดเลย
อารมณ์เสียสักพักผมก็หายใจเข้าออกเพื่อสงบสติของตัวเอง เสียงไคเซอร์เมื่อกี้ฟังเหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะหมอนั่นไม่เคยทำเสียงตกใจขนาดนั้นมาก่อนเลยสักครั้ง ตั้งแต่การต่อสู้กับพวกโจรไนน์เดมอนจบลงไปมันไม่มีเรื่องอะไรแล้วแท้ๆ ทำไมถึงได้มามีเรื่องช่วงเข้าได้เข้าเข็มแบบนี้กันนะ เฮ้อ~
. “เข้ามา!!”
ไคเซอร์ เข้ามาด้วยหน้าตาตื่นตกใจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดมันจะถูกต้องคงมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแน่
“เกิดอะไรขึ้น ถ้าเสียงของเจ้ามันไม่ดังขึ้นมา ข้าก็จะทะลวงระดับได้แล้วแท้ๆ”
“ขะ ขออภัยครับ แต่ข่าวจากไกอาข้าต้องรีบมาบอกท่านจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าไม่มารบกวนท่านแบบนะ-”
“พอ!! รีบพูดมาว่าไกอาส่งอะไรมาให้”
ไคเซอร์ ไม่ได้ตอบอะไรแล้วเดินเข้ามาหาผมพร้อมแผ่นกระดาษ 1 แผ่น ในแผ่นกระดาษมีตราประจำตระกูลประทับเอาไว้อย่างชัดเจน แถมยังประทับลงสามตาซึ่งแปลว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก สำหรับขุนนางของจักรวรรดิแล้วการประทับตราตระกูลถึงสามตาแบบนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่จะทำให้ตระกูลล่มสลายได้เลย แต่ถ้าเกิดว่าจะมีปัญหาตอนนี้มันก็คงเป็นน้ำตาลนั่นแหละ เพราะมันก็ผ่านมาน่าจะสามเดิอนได้แล้ว หลังจากผมเริ่มกว้านซื้อพวกมัน แต่แค่ปัญหาน้ำตาลไกอาคงแก้ไขได้ไม่ยากอะไร นี่มันเรื่องอะไรกันแน่???
ผมเริ่มอ่านทันที หลังได้รับกระดาษมาในมือ
นี่…. เพียงอ่านข้อความด้านบนผมก็เข้าใจแล้วว่ามันเรื่องร้ายแรงขนาดไหน ชิ! ไอ้พวกนั้น!!!!
ตุ๊บ!!!!
ผมใช้มือต่อยผนังด้านข้างพร้อมระบายความโกรธออกไป ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกล้าเคลื่อนไหวแบบรวมหัวกันแบบนี้ กรมทหาร! กรมบริหาร! และตระกุล มอแกน พร้อมกับตระกูลขุนนางกว่าอีก 100 ตระกูล ในรายงานที่ได้รับจากไกอา พวกนี้มันรวมหัวกันฟ้องตระกูล วอเตอร์
กรมทหาร! ฟ้องร้องข้อหาการถอนกำลังทหารออกมากะทันหันทางชายแดนอาณาเขตทางเหนือของจักรวรรดิ ผลจากคำสั่งการถอนกำลังออกกะทันหันทำให้หมู่บ้าน 100 แห่ง และอาณาเขตหลายส่วนโดนเผ่าขนาดเล็ก และพวกประเทศขนาดเล็กยึดไป
มันจะบ้ากันหรือไง!!! หน้าที่ปกป้องอาณาเขตมันเป็นหน้าที่ของขุนนางอยู่แล้วแท้ๆ แถมหมู่บ้านจำนวนมากที่โดนยึดไปข้าก็สั่งให้ผู้คนก็เดินทางออกมาจากกันหมดแล้วแท้ๆ แล้วจำนวนหมูบ้าน 100 หมู่บ้านนี่มันอะไรกัน ชิ! รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกขุนนางทางเหนือด้วยสินะ พวกมันคงปล่อยให้หมู่บ้านโดนโจมตีและร่วมมือกับกรมทหารในการฟ้องร้องในครั้งนี้ …ช่างมีความกล้าสะจริงๆ
กรมบริหาร! พวกมันฟ้องร้องผมในข้อหากว้านซื้อน้ำตาลจนน้ำตาลภายในประเทศขาดแขน และขายน้ำตาลเกินราคาปกติเป็น 10 เท่า
เหอ! ถึงเรื่องนี้มันน่าฟ้องร้องก็เถอะ แต่ผมเองก็คิดข้อแก้ตัวในเรื่องนี้เอาไว้แล้วเหมือนกันแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะฟ้องร้องให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าอำนาจกรมบริหารอย่างเดียวมันคงไม่กล้ากับตระกูล แกนด์ดยุค แบบนี้กันหรอก กรมทหารผมยังพอยอมรับได้เพราะพวกนั้นมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งหนุนหลังเอาไว้ แต่ว่า กรมบริหารมันไม่ได้มีดีอะไรขนาดนั้น
การที่พวกมันกล้าฟ้องผมเรื่องน้ำตาลคงเป็นเพราะ 100 ตระกูล ที่สนับสนุนพวกมันและยืนฟ้องผมในข้อหาการ ผูกขาดการค้า! และแน่นอนพอมีจำนวนการฟ้องร้องขนาดนี้กรมยุติธรรมคงไม่กล้าทำอะไร เรื่องมันเลยไปถึงหูองค์จักรพรรดิสวรรค์ และเรียกผมเข้าเฝ้าแบบนี้
หึ! ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันที่พวกมันกล้าทำกันขนาดนี้ แบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากการประกาศสงครามกับตระกูล วอเตอร์ เลยชัด ๆ ก็ดี! ในเมื่อพวกมันกล้าหาเรื่องจนกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ทางนี้เองก็ไม่ต้องกังวลวิธีที่จะจัดการพวกมันแล้ว คิดได้ผมก็ถามไคเซอร์ที่อยู่ด้านหน้าไปว่า
“ตอนนี้กำลังรบจากอาณาเขตทางเหนือเดินทางมาถึงหรือยัง?”
“ถึงแล้วครับ!! จำนวนที่เดินทางมาคือกองทัพตระกูล วอเตอร์ กว่า 80% จำนวนมีทั้งหมด 200,000 คน”
กำลังคนทั้ง 200,000 คน ที่กำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้แบ่งเป็นอัศวินประมาณ 20% ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงทหารจากสามัญชนที่มีพลังแค่ ลมปราณแท้จริง ขั้นที่ 1 – 5 กันเท่านั้น กำลังรบพวกนี้เคยไปประจำการมากกว่าหน้าที่ของตัวเองมาตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่กำลังรบของตระกูล วอเตอร์ จะต่ำกว่าตระกูล แกนด์ดยุค อีกสามตระกูลอย่างมหาศาล แต่หลังจากวันนี้มันจะไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว จะไม่ใช่ทั้งความแข็งแกร่งและจำนวน หึ! ตระกูล วอเตอร์ จะไม่เป็นรองใครในจักรวรรดิ… ไม่สิ! ต้องเรียกว่าในทวีปมนุษย์ถึงจะถูก!!
“แล้วหน่วยอัศวินหลักของตระกูลละ?”
หน่วยอัศวินหลัก! เป็นชื่อหน่วยที่ผมตั้งขึ้นมาหลังจบการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี่ จะเรียกพวกนั้นว่าอัศวิน 1000 คน ตลอดไปไม่ได้ ผมเลยตั้งชื่อให้จะได้มีชื่อเวลาชื่อเสียงพวกนี้โดงดังด้วย ซึ่งชื่อแบบเต็มๆ ของพวกนั้นก็คือ หน่วยอัศวินหลักแห่งตระกูล วอเตอร์
“พวกนั้นได้ฝึกตามท่านสั่งเอาไว้ครับ เวลานี้คนที่มีระดับพลังต่ำที่สุดในหน่วยคือ ระดับราชานักรบ ส่วนคนที่มีพลังมากที่สุดก็อยู่ ระดับราชาแท้จริง ขั้นที่ 2”
“ดี!! งั้นไปบอกพวกนั้นเตรียมตัวออกเดินทางได้ พวกเราจะเดินทางกลับเมืองหลวงทันทีเมื่อพร้อม ส่วนพวกที่มาใหม่เจ้าก็ตั้งคนควยคุมขึ้นมา แล้วให้คนเข้ามาฝึกในเส้นทะเลลมปราณทีละ 1000 คน พอใครถึงระดับราชานักรบก็ให้ออกไปและเอาคนอื่นเข้ามาฝึกแทน …ให้สิทธิ์พวกอัศวินเข้ามาก่อน พวกทหารเข้ามาทีหลัง”
“ครับท่าน”
“ทำให้เสร็จให้ไวที่สุด ข้าต้องการเดินทางให้ถึงเมืองหลวงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ครับ!!”
ก่อนที่ไคเซอร์จะเดินออกจาห้องไป ผมก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ! แล้วพวกคนงานที่ต้องการเดินทางกลับวันนั้นละ พวกนั้นกลับไปหรือยัง?”
“คือ….”
“อะไรอีก? นี่หรือว่าเจ้าแก้ปัญหาพวกนั้นไม่ได้”
ไคเซอร์ ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่หลังจากท่านจัดการโจรได้พวกนั้นก็บอกว่าจะกลับหลังงานเสร็จ แล้วเวลานั้นสภาพในค่ายก็โดนทำลายไปเยอะ ข้าเลยให้ทำต่อ…”
เหอ! ที่จริงพวกนั้นมันก็แค่อยากอยู่ในเส้นทะเลลมปราณกันเท่านั้นแหละ แรงงานในการทำงานแบบพวกนั้นคงไม่มีโอกาศแบบนี้อีกง่ายๆ แต่ช่างเถอะ ถ้างานมันเดินเร็วขึ้นก็มีผลดีต่อตระกูล วอเตอร์ ในการสร้างเมืองหลังจากนี้อยู่ดี …แต่ตอนนี้ให้กลับคงกลับกันทันที เพราะตอนนี้พวกนั้นไม่น่าจะทำงานในเส้นทะเลลมปราณกันแล้ว เหอๆ
“ช่างมันแล้วกัน หลังออกไปเจ้าไปบอกเหล่าแรงงานด้วยว่าข้าจะเดินทางกลับ ถ้าใครอยากกลับก็ให้กลับได้ แต่ถ้าไม่กลับก็คงอีกหลายเดือนกว่าจะได้กลับ”
“ครับท่าน”
ตอนนี้เมืองน่าจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้วนั่นแหละ จากที่ผมสั่งโกดล์เอาไว้คือขยายค่ายให้มีขนาดใหญ่จนครอบคลุมเส้นทะเลลมปราณทั้งหมด จากนั้นก็สร้างเมืองล้อมรอบเอาไว้เพื่อทำธุรกิจในด้านการขนส่งสินค้า ผ่านมานานขนาดนี้เมืองคงเสร็จไปแล้วกว่า 50%
ส่วนเรื่องหน่วยอัศวินหลักแห่งตระกูล วอเตอร์ ก็เป็นไปตามคาด ตอนนี้ระดับพลังของพวกนั้นเทียบเท่ากับกองอัศวินหลวงไปแล้ว ดีไม่ดีอาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำเพราะพวกนี้มีประสบการณ์เรื่องการต่อสู้มากกว่า ถ้าเอามาสู้กันจริงๆ กองอัศวินหลวงคงเอาชนะไม่ได้ การเดินทางกลับของผมพร้อมกับอัศวินในครั้งนี้ คงสร้างแรงกดดันให้เหล่าตระกูล ทั้ง 100 ตระกูล ที่ยืนฟ้องกันแน่
เท่ากับว่า ศัตรูจริงๆ ในการฟ้องผมครั้งนี้มีเพียงสามตัวหลักๆ
1. กรมทหาร
2. กรมบริหาร
3. ตระกูล มอแกน
1 กับ 2 ไม่เท่าไหร่เพราะถึงจะจัดการไปก็ถอนรากถอนโคลนพวกมันไม่ได้ แต่ถ้าจัดการไปได้พวกนี้คงไม่กล้ามาหาเรื่องผมอีกในอนาคต ส่วน 3 ไอพวกตระกูล มอแกน พวกมันช่างสร้างปัญหาให้กับผมจริงๆ เรื่องม้าศึกที่พวกมันส่งให้โจรยังไม่เคลียร์กันเลย แต่ครั้งนี้พวกมันกลับมารวมตระกูล 100 ตระกูล แล้วมาฟ้องผมเรื่องการผูกขาดน้ำตาลอีก
เหอ! ตอนแรกก็กะว่าจะเลี้ยงพวกมันเอาไว้ให้ยัยร่ารมีความหวังสักหน่อย แล้วพอทำลายประเทศ เมเบอร์ เรียบร้อยแล้วว่าจัดการพวกมันต่อทันที ทำแบบนั้นยัยร่านก็จะรู้สึกว่าทุกอย่างที่มีอยู่พังทลายไปหมด ไม่เหลือที่ให้พึ่ง ไม่เหลือทางให้หนี ทว่า เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องรอเวลาแล้วละ
….อยากโดนกันนักใช่ไหม เดี๋ยวจะจัดให้อย่างเต็มที่เลยละ หึหึ!