ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 36 ข้อเสนอทั้งสอง ของไนน์เดมอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 38 การประท้วงของแรงงาน

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 37 การต่อสู้กับกลุ่มโจร ไนน์เดมอน 1


ตอนที่ 37 การต่อสู้กับกลุ่มโจร ไนน์เดมอน 1

ฉวบ!

ฉวบ!

ฉวบ!

ฝนธนูจากบนกำแพงของเหล่าพลธนูโปรยลงไปด้านล่างอย่างต่อเนื้องตามคำสั่ง ภายในเวลาไม่นานแนวหน้าของกลุ่มโจรไนน์เดมอนก็ลดลงไปกว่าครึ่ง เลือดสีแดงไหลนองทั่วพื้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื้อง เสียงร้องขอพวกโจรที่ดังออกมามันทำให้พวกคนงานที่อยู่หลังกำแพงแสดงใบหน้าหวาดกลัวออกมากันได้เลย คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายกำเสียงของพวกมัน

ตอนนี้มันไม่ใช่การต่อสู้แล้ว แต่มันเป็นการฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ทางไนน์เดมอนมันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย มันกำลังยืนปักดาบลงพื้นแล้วกอดอกมองมาทางผมด้วยแววตาที่สงบราวกับว่าการที่พวกลูกน้องมันตายไม่ได้อยู่ในสายตาของมัน รอบตัวของมันก็มีโจรอีกสิบคนที่ออกมากับมันในช่วงเจรจาป้องกันเอาไว้อยู่จากศรธนูที่พุ่งไปหา

แต่เป็นแบบนี้มันก็ไม่แปลกหรอก ระดับพลังของพวกมันไม่มีทางโดนธนูของอัศวินที่ระดับบ่มเพาะต่ำกว่าถึงสองระดับจัดการหรอก ช่องว่างระหว่างขั้นยังพอว่า แต่ระดับมันต่างกันเหมือนกับฟ้าและเหว ส่วนเหตุผลที่มันยังไม่ทำอะไรก็แน่นอนมันลองทำลายกำแพงของผมแล้วแต่มันไม่สามารถทำลายได้ ในตอนนี้มันเลยได้แต่ยืนมองผมแบบทำอะไรไม่ได้ ….จารึก! ที่ข้าลงไป ถ้าไม่ใช่ระดับพระเจ้าก็คงทำลายไม่ได้หรอก หึ!

ยืนได้ไม่นาน ไนน์เดมอน ก็ดึงดาบขึ้นจากพื้นแล้วชี้มาทางผม

“ข้าไม่คิดเลยว่าแกนด์ดยุคแห่งจักรวรรดิจะขี้ขลาดแบบนี้!!!”

เสียงตะโกนของมันดังลั่นไปทั่วสนามรบ เสียงกรีดร้องเมื่อครู่เมื่อโดนเสียงคนระดับพลังจักรพรรดิตะโกนออกมามันก็เหมือนกับหายไปทันที

“เหอ! ข้านะเหรอขี้ขลาด แบบนี้เขาเรียกว่าใช่สมองและความสามารถใจการรบต่างหาก”

ผมตอบด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม ระหว่างตอบก็กวาดสายตามองด้านล่างที่เป็นศพจำนวนมากไปด้วย

“พวกเจ้าเองไม่ใช่หรือไงที่โง่เข้ามามานี้ ทั้งๆที่เห็นว่าเป็นกำแพงแท้ๆ อีกอย่าง ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในสนามรบไม่ใช่สนามประลองสักหน่อย นี่เจ้ากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่าคิดว่าตัวเองกำลังสู้อยู่ในสนามประลองของชนชั้นสูงอยู่หรือไง”

“แก…. อย่าได้พูดอะไรอีกเลย!!!”

มันพูดจบ ดาบขนาดใหญ่ในมือของมันก็พุ่งตรงมาทางผม ดาบที่กำลังพุ่งตรงมาไม่ใช่เพียงแค่ดาบธรรมดาเท่านั้น แต่มันเป็นดาบที่อัดไปด้วยพลังลมปราณมหาศาลแถมยังตรงมาทางผมแบบแม่นยำอีกด้วย แต่ว่า

เพล้ง!!!

“ถ้าข้ายังอยู่เจ้าอย่าได้คิดว่าจะแตะต้องท่านแกนด์ดยุคได้”

ไคเซอร์ใช้ดาบของเขาป้องกันเอาไว้แล้วสวนกลับไปด้วยคำพูด ระหว่างพูดเขาก็ปล่อยไอพลังออกมาด้วยทำให้โจรที่อยู่หน้ากำแพงเกิดอาการหวาดกลัวอย่าเห็นได้ชัด ดาบของไนน์เดมอนที่พุ่งเข้ามาเมื่อกี้เอาตรงๆ ต่อให้ผมอยู่ในระดับสูงกว่าหนึ่งหรือสองระดับก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับมือได้ไหม ช่างเป็นดาบลมปราณที่รุนแรงจริงๆ… ระหว่างกำลังคิดผมก็หันไปทางดาบที่ลอยขึ้นมาเมื่อครู่ นะ นั้นมัน… ดาบจากแร่สวรรค์!!!

ถึงตัวดาบจะมีแร่สวรรค์ผสมอยู่เพียงประมาณ 10 – 20 % แต่สีดำที่เป็นเอกลักษณ์ของมันไม่สามารถปิดได้ ตัวดาบขนาดใหญ่และมีแร่สวรรค์แบบนี้มันมีโอกาสได้มากที่มันเป็นเรื่องบังเอิญในการเจือปนเข้ามา แต่ยังไงก็ต้องลองถามมันให้แน่ใจก่อน เวลานี้มันไม่น่าใช้เวลาปรากฏตัวของชนเผ่าลึกลับที่มาพร้อมกับวิธีตีพวกมันสักหน่อย

“หลบไปก่อนไคเซอร์”

“ครับท่าน”

ผมหยิบดาบขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วหันปลายมันไปทางไนน์เดมอน และถามไปว่า

“เจ้าไปเอาดาบนี่มาจากไหน?”

“ของแบบนั้นข้าได้มาตอนปล้นเมื่อไม่นานมานี้ มันไม่ได้สำคัญอะไรกับข้าเลย”

“หึ! โกหกได้ไม่เนียลเลยจริงๆ เจ้าคงได้มันมาจากทหารของสหราชอาณาจักรสินะ!!”

“เอ่ะ?!?!?!”

เมื่อผมพูดสิ่งที่น่าจะเป็นออกไป ไนน์เดมอนก็แสดงท่าทางออกมาเป็นการยืนยันทันที ใบหน้าหยิ่งผยองของมันเต็มไปด้วยความตกใจอีกครั้ง ในเวลาปกติแล้วมันไม่ใครคิดกันหรอกว่าโจรจะร่วมมือกับประเทศขนาดใหญ่เช่น สหราชอาณาจักร แต่ว่า เมื่ออ้างอิงจากการปรากฏตัวของเจ้านั่นเมื่อสามวันก่อน ผมก็เดาได้ไม่ยากเย็นอะไรนักหรอก อาวุธในมือของผมตอนนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีส่วนเรื่องแร่สวรรค์มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญอะไรแน่ๆ ตามความทรงจำของผม ประเทศที่ได้รับการตีแร่สวรรค์ประเทศแรกคือสหราชอาณาจักรสะด้วยสิ

….อยู่ๆ ก็อยากไปเยือนพวกมันด้วยกำลังทหารสักล้านคนสะแล้วสิ หึหึ!

“เจ้าไปยอมรับก็ไม่เป็นไรเพราะยังไงข้าก็วางแผนเดินทางไปที่นั่นอยู่แล้ว เอาไว้ตามถามเจ้าคนที่เจ้าร่วมมือด้วยที่หนีไปเมื่อสามวันก่อนเอาก็ได้”

ตุ๊บ!!!

“แก!!”

ไนน์เดมอน ใช้เท้าขวาทุบลงพื้นพร้อมปล่อยไอพลังมหาศาลออกมา ด้วยการทำแบบนี้ของมันทำให้ผมและไคเซอร์ที่ยืนข้างๆ ฉีกยิ้มกับพลังที่มันปล่อยออกมา ระดับจักรพรรดิ ขั้นที่ 2 หึ!. ระดับพลังมันน้อยกว่าที่คิดเอาไว้สะอีก ไม่คิดเลยว่ามันจะโง่เปิดไพ่บนมือออกมาทั้งหมดขนาดนี้

การตรวจสอบพลังแบบที่นิยมใช้กันมันแค่พอเดาเท่านั้นว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นไหน ส่วนเรื่องระดับสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อมันปล่อยออร่าพลังออกมาแบบนี้แปลว่ามันทำให้ศัตรูยืนยันพลังของตัวเองได้ชัดๆ ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไรอีก

“มันอ่อนแอกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้จริงๆ”

“ครับท่าน! แบบนี้ข้ามั่นใจใจมากว่าสามารถจัดการกับมันได้แน่นอน”

ไคเซอร์ ตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ระหว่างตอบก็ไม่ได้มองมาทางผม แต่เขายังมองไปทางไนน์เดมอนอยู่ด้วยใบหน้าฉีกยิ้มเหมือนตัวร้าย

“อ่า เป็นแบบนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก”

ปรี้ด!!!!

ขณะที่ผมกับไคเซอร์กำลังคุยกันอยู่เสียงเป่าสัญญาจากกองโจรก็ดังขึ้น ส่วนไนน์เดมอนมันก็ถอยกลับไปก่อนที่สัญญาณจะดังขึ้นแล้ว เสียงที่ดังขึ้นมาก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นสัญญาณในการถอนทัพของพวกมัน คงเพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เลยถอนทัพไปแทน แต่ ไนน์เดมอน มันถอนทัพได้แบบไม่มีปัญหาเพราะโจรคนอื่นๆ หลีกทางให้ แม้แต่โจรที่ล้มอยู่ตรงการกองทัพยังหลีกทางให้เพราะความหวาดกลัว ส่วนพวกแนวหน้าที่พยามหนีตอนนี้มันนะไม่ทันแล้ว หึ! ถ้าพวกมันกล้าหันหลังให้กับลูกศรนับพันบนกำแพง ก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่กำลังรอพวกมันอยู่

“ท่านแกนด์ดยุค ตอนนี้เหมาะกับเป็นช่วงกว้าดล้างถ้างั้นขะ-”

“ยังๆ”

ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ไคเซอร์กำลังจะเสนอออกมา ช่วงเวลาถอนทัพของศัตรูแบบนี้ตามกลยุทธ์สงครามแล้วคือช่วงเวลาแห่งการกว้างล้างอย่างแท้จริง แต่ว่า เป้าหมายของผมมันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย พวกมันอยากหนีก็หนีไปเถอะ ยังไงสะถ้าผมมีเวลาบ่มเพาะพวกอัศวินและตัวเองระดับพลังต้องเพิ่มขึ้นมากจนพวกมันทำอะไรไม่ได้แน่นอน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเอาทหารไปเสี่ยงชีวิต และเอาคะแนนจากระบบไปเสี่ยงหรอก

“ปล่อยพวกมันหนีไปแบบนั้นแหละ เจ้าจำไม่ได้หรือไงว่าเป้าหมายของพวกเราในตอนนี้มันของเราคืออะไร เรื่องกวาดล้างพวกมันเพื่อเปิดเส้นทางมันก็สำคัญแต่ตอนนี้ข้าคงไม่ต้องบอกอะไรสำคัญกว่า ถ้าเจ้าเอาอัศวินออกไปตอนนี้และกวาดล้างพวกมันได้ก็จริง แต่เราก็อาจจะเสียอัศวินของเราไปด้วยไม่ใช่หรือไง ปล่อยพวกมันไปก่อนยังไงพวกมันก็ต้องเข้ามาหาพวกเราอีกแน่”

ไคเซอร์ ทำหน้าอึ้งมองมาทางผมแบบดวงตาไม่กระพริบ ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าหมอนี่กำลังคิดว่าผมเป็นคนดีที่ไม่อยากให้เอาชีวิตอัศวินของตัวเองไปเสี่ยง หรือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นี่แหละเป็นวิธีที่ผมใช้ทำสงครามในรูปแบบตั้งรับกับพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจในยุคหายะนะของมนุษย์ อีกอย่าง ตอนนี้ด้านล่างก็มีโจรตายไปหลายร้อยคนไปแล้ว จำนวนเท่านั้นก็พบดูดซับสำหรับเคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณแล้วด้วย หึหึ!

“ข้าเข้าใจแล้วครับ ข้าจะไปบอกพวกอัศวินตามท่านกล่าวมา”

“อ่า! บอกเหล่าอัศวินด้วยว่าอย่าลดการป้องกันลงเด็ดขาด พวกมันอาจจะมาตอนไหนอีกก็ไม่รู้”

“ครับท่าน”

ไคเซอร์ เดินออกไปทันทีหลังเริ่มรับคำสั่ง ช่วงเวลาหลังชัยชนะนี่แหละที่เป็นตัวทำลายความระวัง ในยุคสมัยหายะนะของมนุษย์มาถึง หลายประเทศก็ล่มสลายเพราะชัยชนะชั่ววูบแบบนี้ ตามปกติแล้วเวลาชนะผู้คนจะคิดว่าตัวเองปลอดภัยจากศัตรู ทว่า นั่นมันเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของมนุษย์คิดกันเท่านั้น ถึงตอนนี้พวกเราจะไม่ได้สู้กับเผ่าเทพและเผ่าปีศาจอยู่ก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องทำให้อัศวินพวกนี้ปรับตัวเอาไว้

หลังจากไคเซอร์ออกไปไม่นาน ผมก็เตรียมใช้เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณเพื่อเอาลมปราณจากพวกที่ตายไป แต่ระหว่างนั้นข้อความของระบบมันก็ขึ้นมา และมีเขียนเอาไว้ว่า

[ จำนวนการเสียชีวิต ]

[ ศัตรู : 234 คน ]

[ พันธมิตร : 0 คน ]

พันธมิตรที่ระบบรายงานออกมาคงเป็นคนฝั่งของผม ซึ่งการต่อสู้เมื่อกี้มันก็ไม่ได้เสียใครไปจริงๆ เหอๆ แบบนี้ไม่ต้องรอรายงานเรื่องความเสียหายเลยสินะ ตอนแรกคิดว่าระบบมันจะรอให้การต่อสู้จบแล้วรวบยอดมาให้ครั้งเดียวสะอีก บอกมาเป็นรอบๆ และให้คะแนนครั้งเดียวเมื่อการต่อสู้จบสะอีก แบบนี้มันก็ดีขึ้นเยอะเพราะสามารถยืนยันการตายของพวกมันได้อย่างชัดเจน หึหึ!

ม้วนอยู่กับข้อความที่ขึ้นมาสักพักผมก็ปล่อยให้มันผ่านไป จากนั้นก็เริ่มสิ่งที่ตัวเองต้องทำ

…เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณ!!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด