การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 35 สามวันแห่งความสงสัย
ตอนที่ 35 สามวันแห่งความสงสัย
3 วันต่อมาหลังจากข่าวในเมืองหลวง
ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปสามวันทำให้ตอนนี้ภายในค่ายขนาดเล็กที่ผมสั่งสร้างเอาไว้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก กำแพงเองก็เสร็จไปแล้วราว 90% และเมื่อคืนผมก็แอบไปลงจารึกในกำแพงที่เสร็จเรียบร้อยส่วนใหญ่เอาไว้แล้ว เหตุผลที่ต้องแอบไปลงจารึกก็เพราะต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้คนที่รู้ว่าผมมีความสามารถในการใช้เคล็ดวิชา จารึก! ก็มีเพียงไคเซอร์และโกลด์เท่านั้น
และเมื่อพิจารณาจากนิสัยทั้งสอง เรื่องเก็บความลับมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ถึงจะไม่ค่อยไว้ใจโกลด์เท่าไหร่แต่ผมก็ให้ไคเซอร์เลือกอัศวินที่ไว้ใจได้คอยดูหมอนั่นเอาไว้แล้ว
แต่มันก็มีเรื่องที่ผมสงสัยอยู่ เรื่องกลุ่มโจรไนน์เดมอน ถึงเจ้านั่นจะหนีไปแล้วแต่ไนน์เดมอนมันก็น่าจะบุกเข้ามาได้แล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันเข้าไปแล้ว เรื่องรวมอำนาจสำหรับมันคงไม่ยากเย็นอะไรขนาดนั้น อย่างที่ผมเคยบอกไป ไนน์เดมอนถึงมันจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้มีสมองอะไรขนาดนั้น คงไม่มีทางคิดเรื่องวางแผนอะไรได้ขนาดนั้นหรอก
มันยังไงกันนะ….?
ระหว่างกำลังใช้ความคิดอยู่ ไคเซอร์ก็เดินเข้ามาหาผม ใบหน้าของหมอนั่นเหมือนกับกำลังกังวลอะไรบางอย่าง ท่าทางแบบนั้นมองยังไงก็ต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ ทว่า มันก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก เวลาขนาดนี้พวกกลุ่มโจรไนน์เดมอนมันสมควรเคลื่อนไหวได้แล้ว ….คงถึงเวลาแล้วละ!
เมื่อไคเซอร์หยุดลง ผมก็ถามออกไปทันที
“พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วสินะ”
“ครับท่าน”
แบบที่คิดเอาไว้ ตอนนี้พวกมันคงเข้ามาใกล้มากๆ เพราะผมสั่งไคเซอร์เอาไว้ว่าห้ามออกจากอาณาเขต 5 กิโลเมตร ที่ตั้งแนวป้องกันเอาไว้ ด้วยคำสั่งแบบนั้นทำให้ข่าวสารเรื่องข้อมูลเลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ในเรื่องของความปลอดภัยถือว่าดีเลยทีเดียว เพราะในตลอดสามวันที่ผ่านมาไม่มีใครตายเลยสักคน
“คือว่า…”
“มีอะไร?”
ผมถามไคเซอร์กลับทันที ท่าทางหมอนี่เหมือนกับบอกอะไรผมไม่หมดยังไงไม่รู้ แล้วยังสีหน้าไม่สู้ดีแบบนั้นอีก เหอๆ คงได้มีปัญหาเพิ่มอีกแล้วแน่
“…พวกโจรที่ล้อมพวกเราอยู่ตอนนี้มันมีม้าด้วยครับ แถมมีจำนวนคนพวกมันก็มีประมาณ 2,000 คน และพวกมันกว่า 80% ก็มีม้าศึกมากันด้วย…”
“ห่ะ?!?!?!”
ผมอุทานเสียงตกใจกลับไปหลังได้ยิน เรื่องแบบบนี้มันบ้าไปแล้วหรือไงมันไม่น่าจะเป็นไปได้ โจรพวกนี้มีม้ามันก็แปลกมากแล้ว พวกมันจะมามีม้าศึกที่ใช้ในการสงครามได้ยังไง
“รีบพาข้าไปดู ข้าต้องการยืนยัน”
…..
ชิ! …มันเป็นเรื่องจริง
เมื่อมาถึงกำแพงค่ายผมก็เห็นจำนวนประมาณแบบที่ไคเซอร์รายงานเอาไว้ จำนวน 2,000 คน มันก็อยู่ในการคำนวนของผมนั่นแหละเพราะยังไงสะที่ป่าแห่งนี้ก็เป็นแหล่งของค่ายโจรมาเป็นสิบๆ ปี จำนวนขนาดนี้มันไม่ได้แปลกอะไร แต่ว่า เรื่องม้าศึกมันไม่น่าจะมีเยอะขนาดนี้ได้
ม้าศึกกับม้าธรรมดามันต่างกัน ม้าธรรมดาส่วนมากเอาไปใช้งานในการขนส่งหรือขบวนพ่อค้าใช้ในการเดินทางในการค้าขาย รวมไปถึงชาวบ้านธรรมดาที่พอมีฐานะก็ใช้งานพวกมันในการเดินทาง ส่วนม้าศึกมันต่างออกไป ม้าศึกมันโดนผสมพันธ์ขึ้นมาเพื่อการทหารและการต่อสู้เท่านั้น พวกมันไม่มีทางจะโดนขายให้พวกโจรได้ใช้แบบนี้แน่นแน …ถ้าไม่มีคนสนับสนุนพวกมัน
ถ้าม้าธรรมดา 100 – 200 ตัว ผมก็พอยอมรับได้อยู่หรอก แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว พวกมันไม่มีทางหาม้าศึกขนาดนี้มาได้แน่ๆ ชิ! ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกล้ากันขนาดนี้
“ท่านครับ ม้าศึกพวกนั้นตระกูลเล็กๆ จัดหามาไม่ได้แน่นอน”
เสียงไคเซอร์พูดขึ้น
หลังจากได้ยินผมก็กำมือแน่น แล้วตอบกลับไปว่า
“เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ตระกูลที่สามารถจัดหาม้าศึกจำนวนมากขนาดนั้นได้ในเวลาเพียงสามวันมันก็มีเพียงตระกูลไม่กี่ตระกูลในจักรวรรดิเท่านั้น… ไอพวกตระกูล มอแกน!!!”
ตระกูล มอแกน เป็นเพียงตระกูลเดียวที่มีอำนาจใจการจัดการม้าศึกได้เร็วขนาดนี้ เท่าที่ผมคิดออกก็มีแค่พวกมันนี่แหละ ตามจริงก็น่าสงสัยตระกูลแกนด์ดยุคอีกสามตระกูลที่เหลืออยู่หรอก แต่พวกนั้นไม่น่าจะแกว่งเท้าห้าเสี้ยนกันหรอก ถ้าพวกนั้นโดนจับได้ว่ามีส่วนในการตายของผมชื่อเสียงของพวกนั้นจะพังกันเปล่าๆ เพราะงั้นตอนนี้ตระกูลที่น่าจะให้การสนับสนุนกลุ่มโจร ไนน์เดมอน มันก็เหลือเพียงตระกูลเดียวเท่านั้น ตระกูล มอแกน!!!
ตอนแรกก็ว่าจะพยามทำใจแล้วปล่อยพวกมันไปสักหน่อย แต่ในเมื่อพวกมันกล้ายืนมือเข้ามายุ่งแบบนี้คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หึ! นี่สินะที่เรียกว่า [ ตีงูต้องตีให้ตาย ]
“ทะ ท่านเองคิดเหมือนข้าสินะครับ”
“ใช่! ตระกูลที่มีความสามารถในการจัดหาม้าขนาดนี้ได้เจ้าคิดว่าจะมีพวกไหนอีก ถึงตระกูลแกนด์ดยุคทั้งสามตระกูลจะน่าสงสัย แต่พวกนั้นคงไม่หาเรื่องใส่ตัวกันแบบสุ่มสสี่สุ่มห้ากันหรอก ถ้าจักรพรรดิสวรรค์รู้ว่าพวกนั้นแทรกแซงเข้ามาขนาดนี้คงไม่ยอมง่ายๆ ตอนนี้ตระกูลที่น่าจะสนับสนุนพวกโจรก็เหลือเพียงแค่ตระกูล มอแกน เท่านั้น!!”
“ใช่ครับ”
ไคเซอร์ พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูดไป และระหว่างที่ผมกำลังคุยกับไคเซอร์อยู่นั้นหนึ่งในอัศวินที่ยืนอยู่บนกำแพงก็ชี้นิ้วออกไปด้านหน้า แล้วเสียงตะโกนก็ดังขึ้น
“มีคนออกมาจากกลุ่มพวกมันครับ!!!”
ผมรีบหันไปทันที คนที่เดินออกมันเป็นคนที่ผมรู้จักดี ไนน์เดมอน! มันควบม้าออกม้าด้านหน้าของพวกโจรทั้งหมดพร้อมใบหน้าแสยะยิ้มมั่นใจราวกับว่าตัวมันชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ไปแล้ว อีกอย่าง โจรที่ออกมาพร้อมกับมัน 10 คน ระดับพลังยังอยู่ระดับนักรบแท้จริง ขั้นที่ 7 – 9 กันทั้งนั้น
ระดับพลังของพวกมันแต่ละคนเรียกได้ว่าเกือบจะเข้าระดับจักรพรรดิกันแล้ว เมื่อเอามาเทียบกับอัศวินของผม พกวมันได้เปรียบกันมากๆ ในการต่อสู้ครั้งนี้ทั้งเรื่องจำนวนและระดับพลัง แต่ว่า ถ้าระดับพลังอย่างเดียวมันสามารถชนะสงครามได้ผมคงไม่ได้รับชื่อ กำแพงสุดท้ายแห่งมวลมนุษย์ มาหรอก ถึงจะผิดแผนไปบ้างที่พวกมันมีม้าศึกมาแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผมขนาดนั้น
หึหึ! ท่าทางการออกมาของมันคงต้องการเจรจาการต่อสู้สินะ …ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหน
และในระหว่างที่ผมกำลังฉีกยิ้มรอดูว่ามันจะมาไม้ไหนอยู่นั้น ไนน์เดมอนมันก็ตะโกนขึ้น
“ท่านแกนด์ดยุค ท่านออกมาคุยกับข้าก่อนดีไหม!!!”
“เหอ! ….คิดว่าเจ้าเป็นใครข้าถึงต้องไปคุยด้วยแบบนั้น แค่สถานะของเราสองคนมันก็ต่างกันแล้ว โจร! ขุนนางระดับสูง! …ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข้าต้องไปเจรจาหรือคุยกับคนเช่นเจ้า”
ใบหน้าไนน์เดมอนบิดเบี้ยวทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ ต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดในนี้ก็คงจะมองออกว่ามันโกรธมากขนาดไหน แต่โดนแค่นี่แล้วโมโหก็สมกับเป็นมันนั่นแหละ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจริงๆ…
แต่สิ่งที่ผมพูดออกไปผมก็ไม่ได้คิดว่าเกินจริงอะไรเลย มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องลดตัวลงไปเจรจากับโจรแบบมัน ถึงตอนนี้กำลังรบของมันเหมือนะจะเหนือกว่าเพราะมีผู้บ่มเพาะระดับสูงกว่าอัศวินของผม แต่ถึงยังไงโจรส่วนมากก็ยังระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าอัศวินของผมอยู่ดี
แต่ในด้านการต่อสู้แล้วผมก็ยังได้เปรียบเพราะมีกำแพงป้องกันเอาไว้อยู่ อาจจะพูดได้ว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ที่พวกมันรอม้าจากตระกูล มอแกน เลยใช้เวลาไปตั้งสามวันกว่าจะบุกมาแบบนี้ หึ! ด้วยระยะเวลาขนาดนั้นมันก็ทำให้กำแพงเกือบสร้างเสร็จไปแล้ว
“ไคล์ วอเตอร์!!! เจ้ามันจะมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่จะเสนอทางเลือกให้เจ้าเท่านั้น”
“หึ! ทางเลือก!! ทางเลือกสินะ~ เช่นนั้นก็บอกมาหน่อยว่าโจรแบบเจ้ามีอะไรที่จะมาเสนอให้แกนด์ดยุคแบบข้าได้บ้าง ข้าหวังว่าตระกูล มอแกน คงไม่คิดอะไรโง่ๆ เช่นให้ข้ามอบเส้นทะเลลมปราณให้กับพวกมันหรอกใช่ไหม”
“อึก….”
ไนน์เดมอน ทำหน้าตกใจทันทีหลังผมพูดชื่อตระกูลที่สนับสนุนมันไป แล้วทจากท่าทางการตอบรับของมันเรื่องที่ผมคิดเอาไว้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว หึ! พวกตระกูล มอแกน คงไม่ได้สืบเรื่องไอหมอนี่มาแน่ๆ ถึงได้ให้การสนับสนุนโดยที่ไม่รู้ว่าหมอนี่มันเก็บความลับไม่ได้ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงเรื่องครั้งนี้พวกมันคงทำลายหลักฐานเรื่องม้าศึกไปหมดแล้วคงเอาไปจัดการไม่ได้ แต่ว่า ถ้าข้ากลับไปเมืองหลวงเมื่อไหร่ตระกูลของพวกแกได้โดนลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิกันแน่!!!
“จะ เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรออกมา ขะ ข้าไม่รู้จักคนจากตระกูลมะ-”
“พอแล้ว!!! เรื่องตระกูลที่ให้การสนับสนุนม้าศึกพวกเจ้าข้าไปหาเองได้ ตอนนี้เจ้าควรบอกข้อเสนอของเจ้าออกมาได้แล้ว หรือถ้าไม่อยากพูดก็บุกเข้ามาเลย อัศวินของข้ารอพวกเจ้ามาสามวันแล้ว”
“เจ้า….”
ไนน์เดมอน กัดฟันแน่น พร้อมแววตาไม่พอใจที่มากกว่าเดิมมองมาทางผม แต่ไม่นานมันก็สามารถระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้ แล้วชู้นิ้วมือข้างขวาขึ้นมาสองนิ้ว พร้อมใบหน้าแสยะยิ้ม
“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! แต่เจ้าต้องก็ทำตามข้อเรียกร้องของข้าสองอย่างเช่นกัน!”