ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 30 กลุ่มโจร ไนน์เดมอน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 32 ทำ ดีกว่า พูด

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 31 เส้นทะเลลมปราณ


ตอนที่ 31  เส้นทะเลลมปราณ

“นะ นี่มันสะ เส้นทะเลลมปราณจริงๆ…”

ไคเซอร์ ด้านข้างของผมเหมือนจะเป็นอีกคนนอกจากผมที่รู้ว่าที่แห่งนี้มันคืออะไร หมอนี่คงเคยเข้าไปฝึกในเส้นทะเลลมปราณของราชวงศ์มาก่อนแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่รู้ได้ทันทีแบบนี้ ใบหน้าของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยความตกใจมองไปด้านหน้าแบบไม่เห็นผมอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

และนี่แหละปัญหาของเส้นทะเลวิญญาณอีกอีกย่าง ที่มันปรากฏออกมาน้อยมากก็เพราะมีเงื่อนไขในการหาเจอได้ยาก ในทวีปของมนุษย์แห่งนี้มีเส้นทะเลลมปราณไม่ถึง 100 ที่ ด้วยซ้ำ ขนาดจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังมีน้อยนิด และพื้นที่อันน้อยนิดพวกนั้นก็โดนราชวงศ์ยึดครองเอาไว้หมดแล้ว ขี่โกงจริงๆ…. แต่ก็ไม่ว่าไม่ได้หรอกเพราะตั้งแต่อดีตความแข็งแกร่งคือที่สุด ราชวงศ์คือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด การได้ครอบครองพวกมันเอาไว้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

แต่ว่า ถ้ากล้ามายุ่งกับเส้นทะเลสมปราณของผมคงต้องจบไม่สวยกันแน่ จักรพรรดิสวรรค์ คงไม่เท่าไหร่หรอกเพราะผมสามารถคุยได้ ทว่า องค์หญิง องค์ชาย องค์ราชินี องค์จักรพรรดินี พวกนี่สิ คนเหล่านั้นคงมองว่าผมเป็นเหยื่อที่ต้องพยามเอาไปเป็นพวกให้ได้แน่ๆ เฮ้อ~ ถึงจะสร้างความสัมพันธ์เอาไว้กับองค์รัชทายาท ซิคฟรีส เอาไว้แล้วก็เถอะ แต่ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไปต่อให้เป็นองค์ชาย ซิคฟรีส ก็คงหยุดพวกมันนั้นเอาไว้ไม่ได้หรอก

“ท่านแกนด์ดยุค มันมีจริงๆ ด้วยครับ…”

แกจะมาพูอดอะไรตอนนี้อีกละไคเซอร์ ก็ก่อนจะมาถึงฉันก็บอกไปแล้วไง

“มันแน่อยู่แล้ว และจากที่ดูเราคงสามารถเอาคน 1,000 คน เข้ามาฝึกพร้อมกันได้สบายๆ”

“ห่ะ!?!?!!?”

เสียงอุทานตกใจของไคเซอรทำให้เหล่าคนงานทีกำลังทำงานอยู่หันมามองพวกเราสองคน คนงานที่กำลังทำงานอยู่คงกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ บางคนก็พยามฟังผมกับไคเซอร์คุยกัน แต่บางคนก็ไม่สนใจและทำงานต่อไปตามหน้าที่ ทว่า คนงานส่วนมากให้ความสนใจกันมากกว่า หลังจากเสียงอุทานของไคเซอร์ที่ดังขึ้นไปเลยได้รับความสนใจอย่างสุดๆ ในทันที

ตามจริงผมก็ว่าจะประกาศบอกหลังจากนี้นั้นแหละ เพราะยังไงสะเดี๋ยวอีกไม่นานข่าวเรื่องการค้นพบก็กระจายตัวออกไปอยู่ดี ถึงจะไว้ใจพวกอัศวินได้ แต่คนงานที่เอามาทำงานด้วยนั้นไม่ใช่ถ้าพวกนั้นโดนเอาเงินยัดนิดหน่อยก็จะเอ่ยปากบอกกันไปเอง การเก็บเอาไว้เป็นความลับจึงเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่

อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไปเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถ้ามีข่าวว่า ‘ตระกูล วอเตอร์ แห่งจักรวรรดิมีเส้นทะเลลมปราณที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์’ บวกกับการที่คนเล่าเรื่องที่ฮาฟเตอร์จ้างไปเล่าเรื่องกระจายข่างเรื่องการรับคนของตระกูล วอตเอร์ จำนวนคนที่ไหลเข้ามาก็ต้องมีจำนวนมากแน่นอน หึหึ! เพียงรอเวลาเท่านั้นผมก็จะสามารถสร้างกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้

ชักอยากเห็นใบหน้าพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจแล้วสิ ถ้าพวกมันมาถึงแล้วพบกับระดับพลังที่เทียบเท่าหรือมากกว่าพวกมัน พวกมันจะแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา

“หลังจากนี้เจ้าก็ประกาศเรื่องของมันให้ทุกคนรับรู้ จากนั้นก็ส่งข่าวกลับไปหาไกอาให้เอาข่าวเรื่องนี้ไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิสวรรค์ด้วย”

“ครับ??? ถ้าทำแบบนั้น…”

“ไม่ต้องห่วงไป ยังไงเรื่องของที่นี่คงกระจายออกไปทั่วอยู่แล้วหลังจากพวกช่างฝีมือกลับไป ถ้าบอกไปก่อนเรื่องรับมือหรือแผนป้องกันก็จะสามารถรับมือได้ง่ายขึ้น ยิ่งเรื่องนี้ไปถึงหูจักรพรรดิสวรรค์พวกตระกูลต่างๆ ก็ไม่มีทางลงมือแบบสุ่มสี่สุ่มห้ากับพวกเราแน่นอน”

ระหว่างพูดผมก็หันไปทางคนงานที่ทำงานอยู่ บางคนก็เริ่มแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาบ้างแล้ว ผมคิดว่าบางคนคงคิดได้แล้วว่านี่เป็นของมีค่าขนาดไหน ซึ่ง ปกติแล้วถ้าตระกูลขนาดใหญ่อย่างเช่นตระกูลของผมเจอของที่มีค่าหรือสถานที่ที่มีค่า ตระกูลใหญ่ก็จะทำให้เรื่องเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และก็แน่นอนวิธีปิดเรื่องให้เงียบที่สุด ไม่ใช่การให้ทอง! ไม่ใช่การให้รางวัล! ของที่ให้เป็นรางวัลมันปิดปากได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทางที่ดี่สุดที่จะเก็บความลับคือการปิดปาก ปิดไม่ให้พูดอะไรได้อีกต่อไปได้อีกตลอดชีวิต ถึงการทำแบบนั้นจะทำให้ความน่าเชื่อถือของตระกูลลดลงไปมาในหมู่ผู้คน แต่ยังไงสะก็ดีกว่าการเปิดเผยความลับของตระกูล

พวกคนงานก็เข้าใจเรื่องการฆ่าปิดปากกันดี เพราะงั้นเลยแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

“แล้วเจ้าก็ไปบอกพวกคนงานด้วยว่าตระกูล วอเตอร์ จะไม่ฆ่าใคร ทุกคนจะสามารถเดินทางกลับได้แล้วเอาข่าวเรื่องเส้นทะเลลมปราณไปพูดต่อได้”

ไคเซอร์ มองไปทางคนงานเล็กน้อยแล้วถอนหายใจแบบเหนื่อยใจ

“….เข้าใจแล้วครับ ข้าจะไปจัดการให้”

“อีกอย่าง!! ไปเรียกหัวหน้าคนงานมาหาข้าด้วย ข้ามีเรื่องบางอย่างให้พวกนั้นเร่งทำ”

“ครับท่านแกนด์ดยุค”

ไคเซอร์เดินออกไปทันทีหลังได้รับคำสั่ง ภายในเวลาไม่นานใบหน้าของเหล่าคนงานก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จังหวะการทำงานเองก็เร่งเร็วขึ้นเหมือนกัน แต่มันก็แน่อยู่แล้ว ในระหว่างที่กำลังกังวลว่าชีวิตตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายใครมันจะไปตั้งใจทำงานได้กันละ เหอๆ หลังจากรู้ว่าปลอดภัยแน่นอนงานมันก็ต้องเดินเร็วขึ้นอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ในเวลาไม่นานไคเซอร์ก็นำคนที่ผมให้ไปตามมาเดินเข้ามาหาผม เขาเป็นชายแก่ดูอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 60 ปี ทว่า ร่างกายยังกำยำเหมือนทหารหนุ่มไม่มีผิด ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเหมือนคนเถื่อนที่ผมเคยสู้ในลานประลองใต้ดินเมื่อไม่นานมานี้

“ท่านแกนด์ดยุค ข้ามีชื่อว่า โกลด์ เป็นหัวหน้าคนงานครับ ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ไม่ฆ่าพวกเราเพื่อปิดเรื่องเส้นทะเลลมปราณแบบนี้”

โกลด์? ….ชื่อนี้มันคุ้น แต่เป็นใครกันนะ??? บางทีผมอาจจะจำผิดก็ได้เพราะในชาติก่อนรู้จักคนเยอะจริงๆ แค่ชื่อก็จำไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าหรอกชายคนนี้อาจจะเป็นคนมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้อีก 10 ปีที่จะถึง แต่ดูจากอายุขนาดนนี้แล้วก็คง…

ช่างเถอะเรื่องแบบนั้น ชายคนนี้จะมีความสามารถจริงไหมเอาไว้ดูหลังจากนี้ก็พอ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณขนาดนั้น มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ข้าจะไม่ฆ่าคนงานของข้า”

“ครับ”

ระหว่างกำลังคุยผมก็เอาม้วนกระดาษออกมาจากชุดเกราะ กระดาษนี่เป็นกระดาษที่ผมเขียนแบบร่างของกำแพงที่ผมคิดขึ้นมาจากความรู้โลกเก่าเอาไว้ ในอนาคตช่วงที่ผมเป็นจอมพลคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิมันเป็นกำแพงที่มนุษย์ต้องสร้างเป็นทุกคนที่มีหน้าที่ในงานก่อสร้าง แต่ตอนนี้มันยังไม่เป็นอะไรแบบนั้น

“ข้าต้องการสร้างสิ่งนี้”

โกลด์ รับกระดาษไปแล้วเริ่มเปิดอ่าน ระหว่างกำลังอ่านแววตาเกรงๆ ของเขาก็เริ่มเป็นประกายขึ้นมาทีละน้อยๆ ในหัวของหมอนั่นคงกำลังคิดอยู่นั่นแหละว่ากำแพงนี้มันอะไร ทำไมถึงได้มีระบบเช่นนี้ หรือ ท่านแกนด์ดยุคไปเอาของแบบนี้มาจากไหน เหอๆ ใบหน้าที่แสดงออกมาบอกได้ชัดเจน

ผ่านไปได้ไม่นาน โกลด์ ก็เก็บม้วนกระดาษแล้วมองมาทางผม

“7 วัน!! ตามแบบที่ท่านเขียนเอาไว้คงเป็นกำแพงขนาด 5 กิโลเมตร ตามแนวป้องกันของเหล่าอัศวินที่กำลังตั้งแนวป้องกันอยู่ ภายใน 7 วัน ข้าสามารถสร้างเสร็จแน่นอนครับ”

สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ รู้สึกว่าไคเซอร์ตะเตรียมคนที่มีฝีมือมาให้ด้วยสินะ ไม่คิดเลยว่าแค่มองโครงสร้างภายในเวลาไม่นานจะรู้พื้นที่ที่ผมต้องการสร้างได้เร็วขนาดนี้

5 กิโลเมตร!

นับจากจุดที่ผมอยู่เป็นศูนย์กลาง นี่เป็นอาณาเขตที่ผมกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก ส่วนเหตุผลก็แน่นอนเพื่อลดพื้นที่ที่ต้องรักษาเอาไว้ ตามจริงอาณาเขตของเส้นทะเลลมปราณมันมีประมาณ 10 – 20 กิโลเมตร เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กำลังทหารผมยังไม่นาดนั้น แถมป่าแถบนี้ผมก็ซื้อเอาไว้หมดแล้วด้วย หลังจากมีกำลังทหารและอำนาจเพิ่มขึ้นค่อยกลับมาสร้างใหม่ก็ไม่เสียหาย แต่ เวลาห้าวันมันมากเกินไป ถ้ารอขนาดนั้นมีหวังโดนพวกโจรบุกเข้ามาโจมตีก่อนกันแน่

“ข้าให้ได้เพียง 2 วัน”

โกลด์ หน้าเสียทันทีหลังผมบอกไป

“คือ….”

“เจ้าน่าจะรู้เรื่องดีว่าที่แทบนี้เต็มไปด้วยพวกโจรมากมาย ถ้าใช้เวลามากเกินไปในการสร้างแนวป้องกันมันจะเป็นผลเสียขนาดไหน เพราะเรื่องแบบนั้น ยังไงก็ต้องสร้างแนวป้องกันให้เรียบร้อยในสองวัน”

“เรื่องนั้นข้าเข้าใจครับ แต่ระยะเวลาเพียงเท่านี้ต่อให้คนงานทั้งหมดไม่หลับไม่นอนแล้วทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน มันก็คงไม่พอ…”

“เรื่องนั้นมันก็จริง ขนาดแบบนั้นมันใหญ่เกินไปแถมระบบการสร้างยังซับซ้อนกว่าปกติ ถ้าเช่นนั้นจ้าเคยได้ยินกำแพงเมืองของประเทศ ทอนต้า ไหม?”

ประเทศ ทอนต้า ประเทศนี่เป็นอีกประเทศในทวีปของมนุษย์ที่มีกำแพงเมืองเป็นเลิศด้านการป้องกัน แถมประเทศนั้นยังตั้งอยู่ติดกับสหราชอาณาจักร แต่สหราชอาณาจักรที่เป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่ยิ่งใหญ่ของทวีปก็ไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองพวกนั้นได้เลยสักครั้งตั้งแต่เริ่มการต่อสู้กันมา

ในช่วงยุคหายะนะแห่งมวลมนุษย์ก็เหมือนกัน เพราะได้วิทยาการของพวกนี้เลยทำให้กำแพงเมืองภายในทวีปแข็งแกร่งขึ้น ไม่เช่นนั้นคงโดนเผ่าเทพและเผ่าปีศาจกวาดล้างได้ง่ายๆ ซึ่ง วิทยาการของพวกนั้นก็อยู่ในหัวของผมทั้งหมดแล้ว

หึหึ! กำแพงแห่งสุดท้ายของมวลมนุษย์! ในตอนนั้นผมแค่เอ่ยปากประเทศ ทอนต้า ก็บอกวิทยาการทั้งหมดออกมาแล้ว และช่วงเวลานั้นวิทยาการของประเทศ ทอนต้า พัฒนามากกว่าตอนนี้หลายเท่าเพราะสงครามที่ลำบากอันยาวนาน หรือจะพูดง่ายๆ วิทยากรที่ผมรู้ตอนนี้ ดีกว่าความรู้ของประเทศ ทอนต้า ในปัจจุบันสะอีก…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด