การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 24 ชายคลั่งผู้ลึกลับ
ตอนที่ 24 ชายคลั่งผู้ลึกลับ
ณ ลานประลองใต้ดิน
ออกเดินจากตลาดได้สักพักก็มาถึงลานประลองใต้ดินจนได้ ด้านหลังของผมก็มีไคเซอร์และเหล่าอัศวินติดตามมาด้วย และด้วยการปลอมตัวของพวกเราเลยไม่ได้ใช้รถม้าเดินทางมาที่แห่งนี้
บรรยากาศภายในสนามก็เป็นแบบที่คิดเอาไว้ ชาติก่อนผมเองก็ไม่เคยมาที่แบบนี้เหมือนกันเพราะคิดว่ามันเป็นการทรมานมนุษย์และไร้ศีลธรรม ในจักรวรรดิไม่มีใครไม่รู้จักที่เช่นนี้ หรือแม้แต่ประเทศนอกจักรวรรดิก็เหมือนกันไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของมันว่าโหดร้ายขนาดไหน แต่ถึงจะรู้ว่าโหดก็ไม่มีใครทำอะไรเพราะเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติของยุคกลาง แล้วที่นี่มีอีกชื่อ ก็คือ จุดจบพวกต่อต้านจักรวรรดิ!
ส่วนมากแล้วที่แห่งนี้จะเอาตัวนักรบจากประเทศที่แพ้สงครามหรือเผ่าขนาดเล็กขึ้นมาประลองเพื่อความสนุกและการพนันในรูปแบบต่างๆ หรือในบางครั้งแต่ละตระกูลก็จะให้คนของตัวเองเข้าประลองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในด้านต่างๆ เช่น การต่อสู้เพื่อแย้งชิงอำนาจธุรกิจ! การต่อสู้แย้งชิงอำนาจในตระกูล!
เพราะการต่อสู้แบบตรงๆ มันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเสียหายโดยไม่จำเป็น ตระกูลต่างๆ เลยใช้ที่แบบนี้ในการตัดสินกันแทน ….เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้เจอเองหรอกแต่เพียงได้ยินมาเท่านั้น แต่ว่า ดูจากผู้คนที่เดินเข้ามารอบตัวของผมเรื่องที่คนระดับสูงเข้ามาที่นี่จำนวนมากมันก็เป็นความจริง แล้วเหตุผลที่ผมเลือกที่นี่เพิ่มพลังบ่มเพราะก็เพราะว่า ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ผิด!
คนของจักรวรรดิสามารถขึ้นสู้กับนักโทษที่จักรวรรดิจับตัวมาได้ตามต้องการ แล้วไอ้พวกที่จับตัวมาได้ต่างก็เป็นศัตรูหรือพวกที่เคยฆ่าทหารของจักรวรรดิกันทั้งนั้น การฆ่าพวกมันเพื่อเพิ่มพลังมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดหรือไม่ดีอะไร หึหึ! ใจจริงก็อยากฆ่าพวกมันให้หมดเลยด้วยซ้ำ…
“ไคเซอร์”
“ครับท่าน”
เนื้องจากตอนี้กำลังปลอมตัวอยู่ ผมเลยให้ไคเซอร์เปลี่ยนคำเรียกนิดหน่อย
“เอาเงินทั้งหมดไปเดิมพันกับจุดรับพนัน ข้าจะลงแข่งสิบครั้งติด”
“ทะ ท่านครับแบบนั้นมัน…”
การลงแข่งก็เป็นแบบมี่ผมบอกไป ลงแข่งสิบครั้งติดแบบนี้ก็สามารถทำได้เพราะมันคือความสมัครใจของผมเอง ส่วนเรื่องระดับพลังก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตามกฎ ลานประลองจะจัดขั้นพลังไม่เกิน 2 ขั้น ในการต่อสู้กับผู้ท้าชิง ระดับของผมตอนนี้ก็คงจะเจอเพียงแค่ ลมปราณแท้จริง ระดับ 2
แต่ ถ้าเป็นคนปกติเวลาต่อสู้พลังปราณก็จะลดลงตามการต่อสู้ ยิ่งสู้มากยิ่งอ่อนแอลงไป ทว่า สำหรับผมมันไม่ใช่แบบนั้น เมื่อมีเคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณก็ไม่ต้องกลัวลมปราณหมดแบบนักสู้คนอื่นๆ ไคเซอร์ ไม่รู้เรื่องเคล็ดวิชาของผมเลยแสดงท่าทางเป็นห่วงออกมาแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ เรื่องแบบนี้คนยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเท่านั้น
“เรื่องการต่อสู้ไม่ต้องห่วง ถ้ามีปัญหาอะไรข้าก็ใช้ตำแหน่งของข้าหยุดการต่อสู้ได้ แถมถ้าสามารถชนะได้พวกเราก็จะได้เงินจำนวนมากจากสนามประลองไม่ใช่หรือไง?”
“มันก็จริงครับ…”
“เมื่อรู้แล้วก็เอาเงินของตระกูลลงไปให้หมดเลย มีเท่าไหร่ลงไปให้หมดและไปจัดการเรื่องการต่อสู้ให้ข้าด้วย”
“…ครับท่าน”
การเดิมพันตอนแรกผมก็ไม่สนใจมันหรอก แต่ว่า ระหว่างเดินเข้ามาห่างตามันเห็นตารางเดิมพันเข้านะสิ 1:4 , 1:5 , 1:7 ส่วนมากพวกที่เป็นลองจะเป็นคนของจักรวรรดิกันด้วย โอกาสทำงานมารอตรงหน้าแบบนี้ใครจะไม่สนมันกันละ หึหึ!
อีกอย่าง ตามข่าวทีได้รับจากเซบาสก่อนออกมาที่นี่ หมอนี่รายงานมาว่าตระกูล มอแกน มีหุ้นจำนวนมหาศาลอยู่ในที่แบบนี้ด้วย ครั้งนี้จะเอาให้พวกมันจมไปเลย
….
หลังจากผ่านไปไม่นาน ไคเซอร์ก็เดินกลับมาพร้อมชายสวมชุดพนักงานจองสนามประลอง
“ท่านคือคนลงแข่งสินะครับ”
พนักงานพูดพร้อมใบหน้าปั้นยิ้มอย่างเกรงๆ ระหว่างพูดก็เหมือนจะตรวจสอบผมอยู่ด้วย
แต่มันก็แน่ละ คนมีระดับพลังจักรพรรดิไปลงสมัครให้ผมแบบนั้น ถ้าผมเป็นพนักงานในลานประลองแห่งนี้ก็ตกใจเหมือนกันเพราะคนระดับพลังขนาดนี้ในจักรวรรดิมีไม่ถึง 100 คน ด้วยซ้ำ ผมหันมองไปทางไคเซอร์เล็กน้อยก่อนจะมาตอบพนักงานไปว่า
“ใช่! ข้าต้องการสู้สิบคนติดต่อกัน”
“คือว่า…. ข้าคิดว่าท่านมาเป็นครั้งแรกน่าจะลองหนึ่งหรือสองคนก่อนนะครับ ถึงพวกมันจะโดนจับตัวมา แต่พวกเคล็ดวิชาหรือฝีมือการต่อสู้ก็แทบไม่ลดลงกันเลย” ^_^
“หึ! สรุปเจ้าจะให้ข้าลงแข่งไหม!! ถ้าไม่ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปประกาศให้ทั่วจักรวรรดิว่าลานประลองใต้ดินมีกฎห้ามสู้ติดต่อกันแบบสิบครั้งรวด เมื่อนั้นผู้คนที่เข้ามาดูการประลองคงผิดหวังเอามากๆ ”
“คือเรื่องนั้นมัน…”
พนักงานทำหน้าหนักใจอย่างชัดเจน ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าหมอนี่กำลังหวังดีกับผมเพราะการสู้ติดต่อกันแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตไปทิ้ง แถมคนติดตามของผมยังมีคนระดับพลังจักรพรรดิอยู่ด้วย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาลานประลองแห่งนี้อาจจะเจอปัญหาใหญ่ แต่ว่า ผมไม่มีเวลามาสู้แบบหนึ่งหรือสองครั้งอย่างที่โดนแนะนำหรอก เพราะหลังจากลงแข่งไปหนึ่งครั้งและแสดงวิชามาณออกไปให้เห็น ลานประลองคงไม่กล้าให้ผมลงแข่งอีกแน่
ตามจริงก็อยากขอสู้ 100 คน ติดเพื่อจะเพิ่มพลังมหาศาลไปเลย แต่การทำแบบนั้นร่างกายของผมจะรับภาระหนักเกินไปอีก ยังไงสะตอนนี้ผมก็มีระดับพลังเพียง ลมปราณแท้จริง!
“เฮ้อ~ เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ว่า เรื่องการเดิมพันข้าสามารถรับเดิมพันจากท่านได้เพียง 1 แสนเหรียญทองเท่านั้นนะครับ เพราะถ้าท่าชนะทั้งหมดสิบคนก็จะได้ 3 ล้านเหรียญทอง นั่นเป็นระดับการเดิมพันที่พวกเราสามารถรับเดิมพันจากท่านได้ครับ”
เหอๆ สรุปที่มาเพราะเงินไม่พอจะให้ ถ้าเกิดเราชนะนี่เอง ถึงจะรู้สึกไม่ดีที่จะทำเงินได้เพียงแค่สามล้าน แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงสะตอนนี้ตระกูล วอเตอร์ ก็ไม่ได้ยากจนและขาดแคนเงินแบบเมื่อสมัยก่อนอีกแล้ว
“ตกลง!”
“ครับ เช่นนั้นข้าจะรีบดำเนินการให้ทันที ส่วนเรื่องกฎท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ลานประลองใต้ดินเป็นลานประลองเป็นตายถ้าตายขึ้นมาท่านจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากพวกเราได้ และเรื่องระดับพลังท่านจะได้เจอกับผู้บ่มเพราะที่มีระดับพลังเกินท่านไม่เกิน 2 ขั้น ท่านตกลงใช่ไหม?”
“อ่า ไม่มีปัญหา”
“ครับ เช่นนั้นข้ากับผู้ติดตามของท่านขอตัวไปเซนสัญญากันก่อน เนื้องจากนี้เป็นการประลองที่มีเงินเดิมพันมหาศาลข้าเลยต้องมีสัญญาเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องยืนยัน ส่วนเรื่องเงินท่านก็ไม่ต้องห่วง ถ้าท่านสามารถเอาชนะสิบคนได้ตามที่ท้าประลองมากับทางเรา เงินทั้งหมดจะถูกจัดส่งให้ท่านในทันที”
หึ! แกก็แค่อยากได้สัญญาเพราะถ้าฉันตายจะได้ไม่ผิดหรือไง พูดออมาสะดูดีเลยนะ…
หลังได้ฟังพนักงานพูดมา ผมก็หันไปทางไคเซอร์และพยักหน้าขึ้นลงเป็นสัญญาณ
“ครับท่าน”
…..
หลังจากการเซนสัญญาระหว่างไคเซอร์และสนามประลองสิ้นสุดลง ข่าวเรื่องการต่อสู้ในลานประลองใต้ดินแบบสิบครั้งติดก็ดังขึ้นในทันทีภายในสนามลานประลองใต้ดิน โดยค่าต่อรองระหว่างชายคลั่งที่เอาตัวเองมาฆ่าตัวตายและนักสู้อีกสิบคนอยู่มี่ 0.1:20
ชายคลั่ง 20 [เต็มวงเงินเดิมพัน]
นักสู้สิบคน 0.1
ด้วยค่าต่อรองแบบนี้ทำให้หลายคนไม่พอใจลานประลองที่เอาเรทราคาแบบนี้ออกมา แถมฝ่ายชายคลั่งที่ถูกเขียนเอาไว้ยังห้ามเดิมพันเพราะเดิมพันเต็มเรียบร้อยไปแล้วอีก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร ข้าจำได้เวลาราคาเดิมพันสู้สุดมัน 3 ล้าน ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมชายบ้าถึงได้ถูกลงเดิมพันเต็มไปแบบนั้นละ ใครมันบ้ากล้าลงเดิมพันเงินมากมายกับคนบ้าแบบนั้นกัน”
“ข้าเองก็คิดเหมือนกัน 1 ต่อ 10 นั่นมันการต่อสู้เอาตัวเองไปตายชัดๆ ยังไงชายคลั่งก็ไม่สามารเอาชนะนักสู้ที่พลังใกล้เคียงกันได้ขนาดนั้นหรอก อย่าว่าแต่ลมปราณแท้จริงเลย จำนวนขนาดนั้นต่อให้เป็นราชานักรบก็ไม่สามารถเอาชนะสิบคนต่อกันได้แน่ๆ คลั่งหรือบ้ากันแน่นะ เหอๆ”
“นั่นสิ! คงคลั่งสมชื่อจริงๆ นั่นแหละ ฮาฮาฮาฮา”
ผู้คนที่เห็นเรทราคาประลองต่างก็พูดจาเยาะเย้ยกับชายคลั่งที่กล้าท้าสู้สิบคนติดต่อกัน ในประวัติศาสตร์ของลานประลองใต้ดินเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมากก่อน อย่างมากๆ ก็จะมีเพียงคนท้าสู้แค่ 3 คนติดต่อกันเท่านั้น สิบคนแบบนี้ถือว่าสร้างความตื่นเต้นให้ผู้คนจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ลานประลองใต้ดินในวันนี้ก็ขายตั๋วเข้าชมได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน ปกติที่นี่จะขายได้เพียง 1000 ใบ หรือ 2000 ใบ ต่อวันเท่านั้น ทว่า วันนี้กลับขายได้เป็นหมื่นใบเพราะการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการประลอง