ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 17 ระดับเพิ่มขึ้น?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 19 วิวัฒนาการอย่างแท้จริง

MDB ตอนที่ 18 หลู่เสี่ยวหยุน


กำลังโหลดไฟล์

“ดอกแอชราคาแพงขนาดนี้เชียวหรือ? ลดราคาให้ข้าสักหน่อยได้มั้ย?”

“ข้าเป็นผู้ประเมินทางการนะ ข้าจะให้ส่วนลดเจ้าในครั้งต่อไปที่เจ้ามาที่สมาคมเพื่อประเมินสัตว์วิเศษ ดังนั้นหญ้าแสงอรุณทั้งหกต้นนี้ด้วย เจ้าช่วยลดกว่านี้ได้ได้มั้ย?”

หลังจากช่วงบ่ายของการวิ่งไปซื้อของกับพ่อค้าแม่ค้า ในที่สุด หลิน จินก็รวบรวมวัสดุเกือบทั้งหมดที่เขาต้องการสำหรับเม็ดยาวิญญาณสุริยาทั้ง 6 ลูก แค่ส่วนผสมทางยาเพียงอย่างเดียวก็ต้องใช้ 12 อย่างที่แตกต่างกัน โดยแต่ละชนิดมีราคาสูงมาก หลินจินไม่คาดคิดว่าวัสดุเหล่านี้จะทำให้กระเป๋าสตางค์ของเขาแห้งกรอบ

เงินกว่าร้อยเหรียญก็หายไปเกือบหมด หลังจากคลำหาในกระเป๋าของเขา เขาพบว่ามีเหรียญเหลืออยู่สองสามเหรียญ

การวิวัฒนาการของสัตว์วิเศษเป็นเหมือนหลุมดำ มันจะดูดทุกอย่างเข้าไปโดยไม่มีอะไรกลับออกมา นี่เป็นเพียงการส่งเสริมระดับหนึ่งถึงระดับสองและมีราคาแพงมากแล้ว ถ้าพวกมันจะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ดังนั้น การเปรียบเปรยว่าหลุมดำนั้นจึงไม่กล่าวเกินจริงเลย

หลินจินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และให้ความมั่นใจกับตัวเองว่า 'เมื่อเสี่ยวฮั่วพัฒนาขึ้นความแข็งแกร่งของฉันจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยและตอนนั้นฉันก็จะได้รับเงินคืน ถ้าขาดเงินอีก ฉันก็จะปลอมตัวอีกครั้งเพื่อหลอกเอาเงินให้มากขึ้น!!’

ขณะที่ส่วนผสมยาพร้อมแล้ว ในการกลั่นเม็ดยาวิญญาณสุริยา ยังมีวัตถุดิบที่สำคัญซึ่งขาดอยู่หนึ่งชิ้น

นั่นก็คือ วิญญาณอสูร

หากเม็ดยาที่ขาดวิญญาณอสูรไป มันจะทำให้ฤทธิ์ยาลดลงไปมาก อย่างไรก็ตาม ของชิ้นนี้ไม่มีขายในร้านขายยาใด ๆ แต่ทางสมาคมประเมินสัตว์วิเศษมีพวกมันแต่มันจะต้องใช้เงินมหาศาลและความพยายามเพื่อให้ได้มันมา

แม้ว่าเขาจะออกล่าเพื่อค้นหามันแต่วิญญาณอสูรที่เขาจะได้รับนั้นส่วนใหญ่เป็น ระดับหนึ่งขั้นต่ำซึ่งไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อที่จะใช้งานได้ วิญญาณอสูรต้องได้รับการหล่อเลี้ยงให้เป็น ระดับหนึ่งขั้นสูงเท่านั้น

นอกจากนั้น เสี่ยวฮั่วเป็นธาตุไฟ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องค้นหาวิญญาณอสูรที่มีคุณสมบัติไฟด้วย คุณลักษณะอื่น ๆ ไม่สามารถใช้ได้

ตัวเขาไม่มีเวลาออกล่าสัตว์ป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอันตราย หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ทางเลือกเดียวของหลินจินก็คือขอความช่วยเหลือจากสมาคม ขณะที่เขาเริ่มนับนิ้ว หลินจินก็ตระหนักว่าคนเดียวที่เขารู้จักมีเพียง จ้าวหยิง เท่านั้น

ผู้ประเมินทางการนั้นหายากในสมาคมประเมินสัตว์วิเศษของเมืองเมเปิ้ล แต่ผู้ฝึกหัดกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง มีอย่างน้อย 80 คน

ในขณะนั้น จ้าวหยิงกำลังคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอซึ่งบังเอิญเป็นผู้ประเมินฝึกหัดด้วยกัน

“หยิงหยิงหยุดล้อเล่นได้แล้ว ใคร ๆ หลินจินโชคดีที่ได้รับการรับรองจากทางการ” เด็กฝึกงานหญิงสาวยืนพิงกับเสาไม้ขณะยืดตัว แขนเรียวของเธอยืดสูงขึ้น เผยให้เห็นร่างที่อ่อนโยนและอ่อนนุ่ม ดึงดูดให้เด็กฝึกหัดมองเธอ

จ้าวหยิงเริ่มกังวล “เสี่ยวหยุน ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าเองก็เคยคิดแบบเดียวกัน แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับผู้ประเมินหลินจริง ๆ ข้าก็พบว่าเขามีความสามารถจริง ๆ ข่าวลือเหล่านั้นเป็นเพียงคำโกหกพกลมทั้งนั้น

เมืองเมเปิ้ลเป็นเมืองขนาดเล็กและภายในสมาคมมีผู้ประเมินทางการเพียงสามคนเท่านั้นรวมถึงหัวหน้าหวัง หากเด็กฝึกงานอย่างเราต้องการก้าวหน้าต่อไป เราต้องพึ่งพาผู้ประเมินทางการ เราจะต้องศึกษาเรียนรู้ภายใต้หัวหน้าหวังหรือผู้ประเมินเกา ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจติดตามผู้ประเมินหลินและได้รับการชี้แนะภายใต้เขา”

"เจ้าบ้าไปแล้ว!" หลู่เสี่ยวหยุนอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ

"ข้าไม่ได้บ้า สัตว์เลี้ยงของข้าพัฒนาขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษของผู้ประเมินหลิน อย่าลืมว่าตอนที่ข้าพาเข้าไปขอคำแนะนำจากผู้ประเมินเกา เขามั่นใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์เลี้ยงของข้าจะมีวิวัฒนาการภายในปีนี้ เพียงแค่จุดนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าผู้ประเมินหลินมีความสามารถมากกว่าผู้ประเมินเกามาก”

หลังจากที่จ้าวหยิงพูดแบบนั้น หลู่เสี่ยวหยุนก็หงุดหงิดทันที

ผู้ประเมินเกาเป็นต้นแบบของเธอ!

“หยิงหยิง บางทีผู้ประเมินเกาได้ช่วยสัตว์เลี้ยงของเจ้าควบคุมการไหลของพลังงานหลังจากตรวจสอบ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มันมีโอกาสพัฒนา หลินจินบังเอิญช่วยยกระดับมันได้พอดีและมาอ้างสิทธิ์ในจุดนี้!” หลู่เสี่ยวหยุนเงยหน้าขึ้นและอธิบาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับเธอ ผู้ประเมินเกานั้นดีที่สุดและหลินจินเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น

จ้าวหยิงก็หงุดหงิดเช่นกัน ขณะที่เธออ้าปากจะเถียง เธอเห็นใครบางคนและดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น เธอลุกขึ้นและรีบไป

“ผู้ประเมินหลิน!”

คนที่เธอไปหาคือหลินจิน

เขาค้นหาจ้าวหยิงมาพักใหญ่ หลังจากการสอบถามมากมาย เขาก็มาที่แห่งนี้ สวนที่เงียบสงบด้านหลังสมาคมพร้อมทิวทัศน์อันตระการตา มีสะพานเล็ก ๆ ที่ทอดยาวข้ามลำธารเล็ก ๆ เข้าไปในศาลาไม้ นี่เป็นจุดพักที่เหมาะสำหรับผู้คนจำนวนมากในบริเวณนี้

เมื่อหลู่เสี่ยวหยุนเจอหลินจิน ความคิดก็ผุดขึ้นมาในทันที ประกายแวววาวฉายขึ้นมาในดวงตาและเธอก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปด้วย

“จ้าวหยิง ข้าตามหาเจ้าทุกที่เลย ข้าขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” หลินจินถามจ้าวหยิงว่าเธอมีวิธีใดในการรับวิญญาณอสูรเพื่อให้เขาทำการกลั่นเม็ดยา

“วิญญาณอสูร? ข้าไม่มีแต่…”

เมื่อสังเกตเห็นความลังเลที่จะพูดของจ้าวหยิง หลินจินกล่าวเสริมอย่างรวดเร็วว่า “จ้าวหยิงนี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นเจ้าพูดความคิดของเจ้าออกมาโดยเร็ว อย่าได้รีรอเลย”

จ้าวหยิงกล่าวว่า “ข้ามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งมีพี่ชายเป็นนักบวชที่มีชื่อเสียงในเมือง ถ้าเธอช่วย เราจะได้วิญญาณอสูรแน่นอน แต่…”

"แต่อะไร?" หลินจินถามอย่างกังวล

“แต่ข้าไม่ช่วยขยะอย่างเจ้าแน่นอน!” เสียงที่คมชัดแสดงความคิดเห็นและหลู่เสี่ยวหยุนก็เข้ามาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

“เสี่ยวหยุน ระวังปากของเจ้าด้วย!” จ้าวหยิงตื่นตระหนกแต่หลู่เสี่ยวหยุนดึงเธอไปด้านข้างและพูดว่า

“หยิงหยิง อย่าถูกผู้ชายคนนี้หลอก คนอย่างเขาไม่มีความสามารถใด ๆ และเขาคงทำได้แค่พูดโกหกเท่านั้น ข้าไม่สนใจว่าเขาหลอกลวงคนอื่นอย่างไรแต่เจ้าเป็นเพื่อนของข้า ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เขามาหลอกลวงเจ้า!”

จากนั้นเธอก็หันไปหาหลินจิน “หยิงหยิงบอกว่าเจ้าช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเธอวิวัฒนาการได้อย่างง่ายดาย ถ้าอย่างนั้นก็ดูสัตว์เลี้ยงของข้าด้วยสิ มาดูว่าเจ้าสามารถช่วยเพิ่มระดับของมันได้หรือไม่?”

ทันใดนั้น จิ้งจอกแดงก็กระโดดออกมาจากด้านหลังเธอ จิ้งจอกตัวนี้มีร่างกายสีแดงสดและเคลื่อนไหวว่องไว เพียงแค่มองแว่บก็สามารถบอกได้ว่าสัตว์วิเศษตัวนี้เป็นสายพันธุ์หายากอย่างไม่มีที่ติ

"ข้ายุ่งอยู่ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ!” หลินจินไม่อยากเสียเวลากับเธอ

แม้ว่าหญิงสาวจะดูน่าสนใจแต่เมื่อเปรียบเทียบกับจ้าวหยิงแล้ว เธอได้ดูหมิ่นหลินจิน ผู้ประเมินทางการอย่างเปิดเผย แล้วเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างดีได้อย่างไร?

'คุณต้องการให้ฉันประเมินสัตว์เลี้ยงของคุณเพียงเพราะฉันดูไร้สามารถสำหรับคุณอย่างงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!'

“หมายความว่าอย่างไรที่เจ้าบอกว่างานยุ่ง? เจ้าคงกลัวสินะ หยิงหยิงถึงเจ้าจะไม่เชื่อที่ข้าพูดแต่ข้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่คนอื่นพูดถึงตัวเขานั้นเป็นเรื่องจริง!”

หลู่เสี่ยวหยุนยิ้มอย่างท้าทาย ขณะที่ จ้าวหยิงกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธเคืองแต่หลินจินยังคงพยายามรักษาความเยือกเย็นของเขาไว้

“ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเด็กสาวอย่างเจ้าหรอก!”

ช่างเป็นเรื่องตลก! หลินจินผ่านมาสองชีวิต ดังนั้นเขาจะถูกเด็กสาวยั่วยุได้ง่าย ๆ ได้อย่างไร?

จ้าวหยิงดึงหลู่เสี่ยวหยุนกลับมา “เสี่ยวหยุนพอได้แล้ว หากเจ้ายังไม่หยุดล่ะก็ ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป”

สิ่งนี้ทำให้หลู่เสี่ยวหยุนหงุดหงิดมากขึ้น ดังนั้นเธอจึงตะโกนใส่หลินจินว่า

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต้องการวิญญาณอสูร เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าไหม หากเจ้าสามารถทำให้สัตว์เลี้ยงของข้ามีวิวัฒนาการได้ ข้าจะมอบวิญญาณอสูรตามที่เจ้าต้องการให้”

จ้าวหยิงต้องการเกลี้ยกล่อมเธอ แต่เมื่ออารมณ์ของหลู่เสี่ยงหยุนขึ้นแล้วยากจะเอาลง ความดื้อรั้นของเธอก็หนักหนาพอกัน เธอจะตามรังควาญหลินจินตลอดเวลาไม่รู้จบ

“แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าต้องหยุดยุ่งกับหยิงหยิงของข้า มิฉะนั้นอย่าโทษข้าที่ประกาศวิธีกลโกงของเจ้าไปทั่วโลก”

หลินจินมองไปที่หลู่เสี่ยวหยุน เธอน่าจะเป็นเพื่อนที่จ้าวหยิงพูดถึงผู้ที่มีวิญญาณอสูร

วิญญาณอสูรมีความสำคัญมาก ถ้าเขาได้รับมามันก็เยี่ยมมากแต่การช่วยให้สัตว์วิเศษวิวัฒนาการก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ก่อนหน้านี้ สัตว์เลี้ยงของจ้าวหยิงวิวัฒนาการได้เพราะมันมีข้อกำหนดเบื้องต้นเพียงพอ หลินจินเพียงต้องการใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยให้กระแสที่ติดขัดไหลไป

ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ สัตว์เลี้ยงที่ไม่มีเงื่อนไขที่จำเป็นจะไม่สามารถพัฒนาได้

อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่ใช่คนธรรมดา เขามีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ในมุมมองของคนอื่น เสี่ยวฮั่วไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการวิวัฒนาการ แต่บนแผ่นหินของพิพิธภัณฑ์ มันมีมากกว่าหนึ่งวิธีสำหรับเสี่ยวฮั่วในการบรรลุวิวัฒนาการ

สรุปได้ว่า ตัวตนของหลินจินนั้นน่าทึ่งมาก

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด