40
วันนี้ลง 8 ตอน 40-47
Ep.40
กริ๊ก!
เสียงดังฟังชัดดังขึ้น รอยร้าวปรากฏบนโล่พลังงาน
แล้วช่างบังเอิญ! ใบมีดที่พุ่งทะลุผ่านรอยร้าวนั้นมาได้ มันตรงมายังทิศทางที่ฉู่เซวียนนั่งอยู่พอดี!
“แย่ล่ะสิ!”
เห็นภาพนี้ ซ่งหงที่อยู่หลังเวทีรู้สึกว่าไม่ได้การ
วินาทีถัดมา ทั้งคนทั้งร่างเขาหายวับไปจากสถานที่เดิม ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็มาอยู่เหนือโล่พลังงานแล้ว
เขาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ร่างผอมบางที่เหมือนจะอ่อนแอ เวลานี้คุกรุ่นไปด้วยแรงกดดัน ราวกับเต็มไปด้วยพลังงานอันไร้ที่สิ้นสุด
แรงกดดันที่มองไม่เห็นกวาดฮือไปทั่วสนามประลอง หยุดเสียงโวยวายของผู้ชม คลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงแพร่กระจายออกจากร่างเขา
“จงหยุด!!” ซ่งหงตะโกน แสงสีขาวสดใสเปล่งประกายออกจากฝ่ามือเขา ปกคลุมลงไปยังด้านล่าง
เมื่อโล่พลังงานสัมผัสกับแสงสีขาว ในที่สุดมันก็เริ่มกลับมาเสถียรอีกครั้ง ทว่าใบมีดที่หลุดออกมา เขาห้ามไม่ทัน มันได้พุ่งประชิดเข้ามาอยู่ห่างจากเบื้องหน้าฉู่เซวียนเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
เห็นเจ้าสิ่งนี้ ฉู่เซวียนแค่นเสียงเย็นชา ภูมิคุ้มกันทางจิตเปิดใช้งานทันที
การโจมตีทางจิตจะแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้างๆ
หนึ่งคือการโจมตีใส่จิตวิญญาณของคู่ต่อสู้โดยตรง อีกอย่างคือการโจมตีโดยควบคุมวัตถุ
และเห็นได้ชัดว่าซ่งจื่อจินผู้นี้เป็นอย่างหลัง
ในทางกลับกัน ภูมิคุ้มกันทางจิตของฉู่เซวียนมีประสิทธิภาพครอบคลุมต่อการโจมตีทางจิตทั้งสองประเภท
ช่วงเวลาที่ภูมิคุ้มกันทางจิตของฉู่เซวียนเปิดใช้งาน พลังจิตที่ควบคุมอยู่บนใบมีดของซ่งจื่อจินก็สลายหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงใบมีดที่สูญเสียการควบคุมพุ่งตรงมาข้างหน้า
ฉู่เซวียนยกแขนขึ้น เหยียดมือออก จากนั้นกางสองนิ้วคีบมัน หยุดไว้ได้อย่างง่ายดาย
นับแต่เกิดเรื่องจนจบ เขาไม่ได้ขยับส่วนอื่นๆของร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะเดียวกัน การต่อสู้ระหว่างเจิ้งสุ่ยกับซ่งจื่อจินสิ้นสุดลงแล้ว ผลการต่อสู้เป็นที่ประจักษ์
มุมปากของเจิ้งสุ่ยมีหยดเลือดย้อยลงมา
กระบี่แห่งชีวิตปรากฏรอยแตกร้าว ซึ่งส่งผลให้เจิ้งสุ่ยเชื่อมต่อจิตวิญญาณกับมันได้รับผลกระทบ
กระบี่ทองคำบินคดเคี้ยวกลับมาหาเจิ้งสุ่ย เขาอ้าปากกลืนมันลงไปในคำเดียว จากนั้นเดินโซซัดโซเซลงจากเวที
ในเวลาเดียวกัน ซ่งจื่อจินที่ยังยืนอยู่บนเวที ขณะนี้ตรงหน้าอกเขา ปรากฏรูเลือดโปร่งใสที่สามารถมองทะลุจากข้างหน้าไปข้างหลังได้ ลมหายใจจากทั้งคนทั้งร่างเหือดหายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ร่างไร้วิญญาณของเขาค่อยๆทรุดลง
“พลังรบของสหายฉู่เซวียนแข็งแกร่งจริงๆ” ชายหนุ่มเห็นว่า ฉู่เซวียนสามารถสกัดกั้นใบมีดได้อย่างง่ายดาย ดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันใด กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
“ขอแนะนำตัวหน่อยนะ ฉันชื่อเสิ่นอี้ มาจากกองทัพ”
“นี่นายรู้จักฉันอยู่ก่อนแล้ว?” ฉู่เซวียนได้ยินแบบนั้น สองคิ้วเขาขมวดเข้าหากันทันที น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
ตัวเขาไม่เคยบอกชื่อให้แก่ชายหนุ่มคนนี้ แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยชื่อเขาออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาจริงๆฉันจับตาดูนายตั้งแต่นายเข้ามายังฐานเทียนหัวแล้ว เพราะมีคนไม่มากนักหรอกที่ใจกว้างแบบนั้น” เสิ้นอี้ยิ้ม เขากำลังพูดถึงเรื่องที่ฉู่เซวียนให้บุหรี่ทั้งซองกับทหารยาม “แล้วอีกอย่าง ตามปกติแล้ว มนุษย์ในฐานเทียนหัวจะไม่ฆ่ากันเอง นายไม่สงสัยเลยหรอว่าทำไมหลังสี่คนนั้นตายถึงไม่มีปัญหาตามมา?”
ฉู่เซวียนได้ยินคำนี้ เขาพยักหน้าว่าพอเข้าใจแล้ว
ทั่วฐานเทียนหัวอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายจะทราบข้อมูลของเขา
“ถ้างั้นคงต้องขอบคุณพี่เสิ่นที่ช่วยแก้ปัญหาให้แล้ว” ฉู่เซวียนกล่าวเบาๆ
“เฮ้ เฮ้ ไม่ต้องรีบร้อนขอบคุณฉัน เรื่องนี้จัดการได้ง่ายๆขอแค่ฉันเอ่ยปากคำเดียว แต่สุดท้ายข่าวนี้ยังไงก็ต้องรั่วไหล ถ้ามันไปถึงกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งเมื่อไหร่ล่ะก็ นายจะเป็นยังไงคงขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้ว” เสิ่นอี้กล่าว
ฉู่เซวียนยิ้ม “เรื่องนี้พี่เสิ่นไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการมันเอง”
แต่ในตอนนี้ เอาจริงๆในใจ ฉู่เซวียนเริ่มตะหงิดๆแล้ว ว่าทำไมกันนะ ทำไมเสิ่นอี้ถึงเอาแต่พูดกับเขาอยู่นั่นแหละ? เห็นได้ชัดว่าต้องมีเจตนาแฝงแน่ๆ
“หวังเทียนป่าคือผู้ใช้พลังเลเวล 4 นะ สหายฉู่คิดว่าจะสู้เขาได้หรอ?” ทันใดนั้นน้ำเสียงของเสิ่นอี้ก็เปลี่ยนไป เอ่ยถามว่า “นายสนใจจะเข้าร่วมกับทางกองทัพของเราไหม? ถ้านายรับราชการทหาร ต่อให้หวังเทียนป่าจะบ้าบิ่นแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางกล้าโจมตีนาย”