เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่10: ของกำนัลมากมาย ความสงสัยเริ่มเกิดขึ้น!
ตอนที่10: ของกำนัลมากมาย ความสงสัยเริ่มเกิดขึ้น!
พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง
นี่มิได้เป็นเช่นวันทั่วไปของงเมืองต้าหยาน
ด้านนอกกำแพงที่ใหญ่โตและมีอายุยืนยาวของเมือง เริ่มปรากฏกลุ่มเมฆหลากสีขึ้นที่ขอบฟ้าไกลๆ
กลุ่มทะเลหมอกเรืองแสง พลังวิญญาณลึกลับพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ขับไล่ก้อนเมฆให้แหวกเป็นทาง! ใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาร่างเงามากมายเริ่มมีมาให้เห็นชัดถนัดตา บ้างก็ขับรถศึก บ้างขี่กระบี่บิน ทั้งหมดล้วนเร่งรีบมุ่งหน้ามาทางเมืองต้าหยาน!
แต่ละคนที่กำลังตรงเข้ามาเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่สามารถสั่นสะเทือนเมืองใหญ่ให้ตกอยู่ในความวุ่นวายได้ทั้งสิ้น!
ตูม!
ครืน!
มังกรพายุเขายาวหกตัวกำลังเลื้อยอยู่บนก้อนเมฆ ร่างกายมังกรนี้ดูคล้ายเหล็กกล้าแฝงไปด้วยไอดิบเถื่อนทระนง อย่าได้กล่าวถึงมังกรหกตัว เพียงหนึ่งก็นับได้ว่าทรงพลังอย่างยิ่ง แลดูน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยสายฟ้าเส้นเล็กๆวิ่งวนอยู่รอบตัว
ด้านหลังของฝูงมังกร มีรถลากสีทองคันใหญ่เชื่อมระหว่างมังกรแต่ละตัวกับรถนั้นด้วยโซ่ทองคำอร่ามตา
“เทพเจ้าทรงโปรด! นั่นมันนิกายภูผาหมอก! นับพันปีแล้วที่ไม่มีใครได้พบเห็นรถลากมังกรคันนี้! ไม่คาดคิดเลยว่าข้าจะมีบุญพอได้พบเห็นมันวันนี้!” ด้านล่าง เหล่าผู้บ่มเพาะในต้าหยานมองขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ!
“ช้าก่อน ดูตรงนั้น นั่นมันอสูรซวนหนีในตำนาน!” เมื่อมองไกลออกไป ผู้คนล้วนนิ่งค้างกับสิ่งที่เห็น
ปลายฟ้าที่ห่างไกลออกไปปรากฏร่างของอสูรสีแดงตัวใหญ่สูงนับร้อยจั้ง มีเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งอยู่บนหน้าผากอสูรตัวนี้ เพียงพริบตาก็เคลื่อนที่เข้ามาใก้ลกำแพงเมือง
“อสูรซวนหนีของตระกูลหวังแห่งเมืองเทียนไท่หยาง สวรรค์! ตรงหน้าผากของอสูรนั่นใช่ผู้นำตระกูลหวังมาเองเลยหรือนี่?”
“ผู้นำตระกูลหวัง ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน ดูเหมือนว่าเจ้าอสูรน้อยตัวนี้จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ”
เสียงลึกลับดังขึ้นมาจากขอบฟ้าด้านหนึ่ง หญิงสาวในชุดคลุมยาวสีดำหมึกก้าวย่างอยู่บนอากาศด้วยท่าทางไม่รีบร้อนปรากฏตัวขึ้น
นางก้าวเดินเหมือนเหยียบอยู่บนดอกบัว รูปร่างสะโอดสะอง ใบหน้างดงามราวสวรรค์ปั้นแต่ง ดวงตาล่อลวงผู้คน รอยยิ้มสั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ คล้ายกับอยู่ในดงต้นท้อ
“นานแล้วสินะจากครั้งสุดท้ายที่เจอท่าน ได้ข่าวมาว่านิกายที่นับถือของท่านได้รับแก่นปิศาจมาจากดินแดนต้องห้ามไม่นานมานี้ เทียบกับเจ้าอสูรน้อยของข้าจะนับเป็นสิ่งใดได้?” ชายฉกรรจ์ผมยาวในชุดสีขาวผู้ยืนอยู่ที่หน้าผากอสูรยักษ์ทำเพียงยิ้มรับคำพูดของหญิงสาวผู้นั้นอย่างสุภาพ
“ผู้นำตระกูล ท่านช่างอ่อนน้อมยิ่งนับ” หญิงสาวยิ้มตอบเขาด้วยเช่นกัน ราวกับว่ามันเวทมนต์บางอย่างในกายของนาง เพียงชั่วขณะที่จ้องมองหญิงสาวผู้นี้ เลือดในกายของเหล่าผู้บ่มเพาะราวกับกลายเป็นน้ำเดือด!
ทำได้เพียงเบือนหน้าหนี หากแต่บางคนกลับมีสีหน้าตกตะลึงปรากฏขึ้น
“ท่านผู้นั้น? นิกายปิศาจ? ปิศาจสาวแห่งนิกายปิศาจถึงกับมาที่ด้วยตนเอง? สกุลหลินมีสายสัมพันธ์กันนิกายปิศาจด้วยหรือนี่!”
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างเงามากมายขี่เมฆปรากฏขึ้นพร้อมแสงศักดิ์สิทธิ์!
“ดูนั่น แม่นางคนนั้นที่ยืนอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆและปกปิดใบหน้าไว้ มิใช่ว่าคือแม่ชีแห่งแสงของดินแดนแสงศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ?”
“ช่างเป็นอสูรทะเลตัวมโหฬาร! ถึงกับใหญ่เพียงพอที่จะแบกกำแพงเมืองของพวกเราไว้บนหลัง! นั่นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลซวนจากเมืองตงไห่มิใช่หรือ?”
“สมาคมการค้าเมฆเคลื่อนคล้อยช่างยิ่งใหญ่! ดูสิ่งของที่พวกเขานำมาเป็นของขวัญสิ มากมายยิ่งนัก!”
ผู้คนมากมายล้วนปรากฏตัวขึ้น บ้างก็กำลังสนทนากับกลุ่มของตน บ้างก็มาด้วยตัวคนเดียว เพียงมาถึงกำแพงเมืองต้าหยาน กลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินลงมาจากความสูงเทียมเมฆ เพื่อเข้าเมืองอย่างคนธรรมดา ไม่ใช่เพราะความกลัว หากแต่มาจากความเคารพที่มอบให้สกุลหลิน!
เมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังมากมายที่มาที่นี่เพื่อพบเจอตระกูลหลิน และเพื่อไว้หน้าบุคคลเหล่านี้ สกุลหลินส่งเหล่าผู้มีตำแหน่งใหญ่ของตนมาเพื่อต้อนรับตั้งแต่หน้าประตู
“ฮ่าๆๆ! ยินดีต้อนรับท่านผู้อาวุโสสูงสุดสกุลซวน ท่านช่างมาได้ถูกเวลายิ่งนัก!”
ชายชราในชุดคลุมสีฟ้าและดวงตาสีเดียวกันยิ้มออกมา “พวกเราสกุลหลินและซวนล้วนเป็นมิตรต่อกันมาเนิ่นนาน บัดนี้บรรพบุรุษหลินได้เลื่อนขั้นแล้ว ข้าย่อมต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง”
“ยินดีด้วย!”
“โอ้ ไม่ได้พบเจอกันนาน พี่หลินถึงกับบรรลุขั้นถัดไปแล้ว? น่ายินดียิ่ง!”
“ไหนลองบอกข้ามา ท่านหลินผู้นั้นได้ก้าวผ่านมันไปแล้วใช่หรือไม่?”
“ฮะฮ่า! ตอนนี้ ตระกูลหลินนับว่าไร้ผู้ต้านแล้วในอาณาจักรฉีซานแห่งนี้ ต่อให้นับในอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะต้านทานพวกท่านได้!” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งเดินมาพลางหัวเราะไปพลาง
คนสกุลหลินที่มาต้อนรับพวกเขาทำเพียงยิ้มรับหากแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด เขาเพียงเชื้อเชิญเหล่าแขกผู้มีเกียรติให้เข้าไปยังห้องรับรองเท่านั้น ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ล้วนเป็นกองกำลังที่อยู่ในอาณาจักรฉีซานแทบทั้งสิ้น
ทวีปแผ่นฟ้าแห่งนี้ยังมีอาณาเขตแบ่งแยกย่อยออกไปอีกหลายที่ อาณาเขตเหนือครามแห่งนี้คือที่ตั้งของอาณาจักรฉีซาน และอีกเจ็ดอาณาจักรที่เหลือ เพียงการกำเนิดของเซียนตัวน้อยสกุลหลิน อีกไม่นานทั้งตระกูลจะสามารถแผ่ขยายอิทธิพลของตนไปยังส่วนที่เหลือของทวีป และก้าวเดินออกจากอาณาจักรฉีซาน อาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ไปได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อย่างไรก็ตาม แม้ตระกูลหลินจะกลายเป็นตัวตนสูงส่งไร้เทียมทาน แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก
ในตอนนี้ ผู้คนในสกุลหลินไม่รู้ว่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่มาเยี่ยมเยือนนั้นยังไม่ได้ตระหนักถึงการเกิดของหลินซวน และยังคงคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหลายเกิดมาเพราะการก้าวข้ามผ่านชั้นลมปราณของบรรพบุรุษสกุลหลินเพียงเท่านั้น
.....
ในความคิดของเหล่ายอดยุทธทั้งหลายที่มาเยี่ยมเยือนสกุลหลินนั้นมีเพียงการเลื่อนขั้นของบรรพบุรุษในตระกูล ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้งหมดล้วนเกิดเพราะทารกน้อยที่กำลังค่อยๆซึมซับลมปราณอย่างเงียบๆ ระหว่างการหายใจอย่างช้า ปราณม่วงก็ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย ทั้งที่ยังคงบ่มเพาะพลังอยู่ หลินซวนกลับคิดว่านี่มันออกจะช้าไปสักหน่อยสำหรับเขา
จากทักษะลมหายใจปราณม่วงปฐมกาลที่เขาได้รับมา เขาควรจะสามารถดูดซับพลังได้ในทุกลมหายใจเข้าออก แต่เพราะเขากักเก็บปราณม่วงเอาไว้มากเกินไปก่อนหน้านี้ ต่อให้มีทักษะนี้ เขาก็ยังต้องใช้เวลาร่วมครึ่งเดือนเพื่อจะได้รับพลังทั้งหมดจากปราณที่เขากักไว้ในกาย
ก่อนหน้านี้ หลินซวนไม่ได้เคลื่อนไหวมาโดยตลอด และในระหว่างที่เขากำลังรวบรวมลมปราณร่างกายของเขาบริสุทธิ์ดุจดั่งน้ำค้างยามเช้า เมื่อได้รับปราณม่วงเข้ามา การเคลื่อนที่ไหลเวียนของพลังปราณในการก็ไปเป็นโดยดีไม่มีการติดขัดใดๆ และยังส่งผลให้เขาไม่ได้รู้สึกถึงความหิวใดๆ
“หลินเฮ่า ข้าสบายดี ท่านไปต้อนรับแขกเถิด เป็นถึงเจ้าเมืองของต้าหยาน จะโดดงานมิได้หรอกนะ” บนเตียง ซวนยู่ที่กอดหลินซวนอยู่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล
หลินเฮ่าทำได้เพียงถอนหายใจออกมาน้อยๆ เขาวางน้ำแกงบำรุงกายในเมืองลง หวีผมให้ซวนยู่อย่างอ่อนโยน แล้วก้มลงจูบหน้าผากนาง
“อายู่ อยู่นี่กับซวนเอ๋อสักพักนะ หลังงานเลี้ยงต้องรับเสร็จสิ้นข้าจะกลับมาโดยไว”
“แน่นอนเจ้าค่ะ”
หลินเฮ่าทำได้เพียงรีบร้อนเดินออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน ซวนยู่กลับไอออกมาเบาๆ
เพียงได้ยินเสียงไอนี้ หลินซวนที่กำลังบ่มเพาะอยู่ก็ขมวดคิ้วอย่างสับสน
‘มีบางอย่างผิดปกติเกิดกับท่านแม่?’