เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่9: การบ่มเพาะควรเริ่มตั้งแต่ยังเป็นทารก!
ตอนที่9: การบ่มเพาะควรเริ่มตั้งแต่ยังเป็นทารก!
เพียงไม่นาน ข่าวการเลื่อนขั้นของบรรพบุรุษสกุลหลินที่ทำให้ปราณม่วงจากทางตะวันออกกว่าแสนลี้พร้อมเสียงแห่งเต๋าที่สั่นสะเทือนไปทั่วปรากฏขึ้นก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองต้าหยาน และเมืองใหญ่ใกล้เคียงอื่นๆ หลังจากได้รับรู้เรื่องนี้ ผู้นำตระกูลอื่น รวมทั้งเหล่าพ่อค้าใหญ่ของสมาคมการค้าต่างๆล้วนแต่ตกใจจนกรามแทบจะหล่นลงไปแทบเท้า!
......
ในพระราชวังที่วิจิตรงดงามและดูสูงส่งพร้อมทั้งมีกลิ่นจางๆปนอยู่ในอากาศ ไข่มุกราตรีถึงเก้าร้อยคู่คอยส่องแสงเพื่อให้ความสว่างในท้องพระโรงดูราวกับผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
สมบัตินับพันที่มีค่ามากพอให้เหล่าผู้บ่มเพาะใดก็ตามที่ได้เจอพร้อมแย่งชิงกันจนตายเพื่อให้ได้มา กลับตั้งอยู่เป็นเพียงของประดับทั้งซ้ายและขวาของโถงทางเดิน
“ดื่ม!” บุรุษในชุดแพงระยับจำนวนหนึ่งหัวเราะเฮฮาและกอดคอกันเมามาย เบื้องหน้าพวกเขามีหญิงสาวนับร้อยที่แลดูสวยงามและยั่วยวนยืนอยู่ เสียงดื่มกินและพวกคุยของพวกเขาดังก้องไปทั้งราชวังแห่งนี้
“ทุกท่าน เพราะข้อตกลงที่ทำร่วมกันในวันนี้ สมาคมการค้าเมฆเคลื่อนคล้อยจะต้อนรับท่านเป็นอย่างดีแน่นอน!” ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มคนเหล่านี้พูดขึ้นพลางยกจอกสุราในมือขึ้นแล้วยิ้มให้คนอื่นรอบๆ
ทุกคนล้วนยิ้มแล้วชูจอกเหล้ารับ แต่แล้วก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วกระซิบบางอย่างข้างหูของหัวหน้าคนเหล่านี้
ชายคนนั้นพยักหน้ารับ สีหน้ายังคงเดิมหากแต่กลับลุกขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าต้องขออภัย มีเหตุการณ์เล็กน้อยที่ข้าจำเป็นต้องไปจัดการ เนื่องจากข้าเองก็มิค่อยได้มายืนที่อาณาจักรฉีซานแห่งนี้บ่อยนัก ขอให้ทุกท่านสำราญกับงานเลี้ยงที่พวกเราได้เตรียมไว้รองรับ และหวังว่าสมาคมการค้าเมฆเคลื่อนคล้อยของเราจะได้มีโอกาสรับใช้ทุกท่านในเร็ววัน”
คนที่เหลือเพียงยิ้มรับพร้อมจอกเหล้าในมือ
ชายคนนั้นเดินออกไป สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นตื่นตกใจอย่างมาก
“เจ้าบอกว่าบรรพบุรุษแซ่หลินผู้นั้นกลับเลื่อนขั้นได้แล้วงั้นหรือ? เมื่อใดกัน?”
“เพียงไม่กี่ชั่วยามมานี้เองนายท่าน” สาวใช้คนนั้นตอบกลับเขาด้วยความเคารพ
“ในท่านผู้นั้นจริงๆหรือ เจ้ามิใช่ได้ข่าวผิดพลาดมาหรอกใช่หรือไม่?”
“ข้ามั่นใจ ก่อนหน้านั้น มีเหตุการณ์พิเศษบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองต้าหยานเช่นกัน”
“ปราณม่วงจากทางตะวันออก และสำเนียงสวรรค์แห่งเต๋า..”
“ฮ่า!”
“เยี่ยม ยอดเยี่ยม!”
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ชายผู้นั้นหันหลังในกับสถานที่ที่เขาเพิ่งจากมา ในดวงตาเต็มด้วยประกายบางอย่างพร้อมความคิดแล่นพล่านอยู่ในสมอง
“เอาล่ะ” เขาปรบมือแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเรายังมีของสิ่งนั้นจากอาณาเขตลึกลับทางตะวันตกอยู่สินะ นำมันออกมา แล้วพาไปพร้อมข้าพรุ่งนี้ ข้าจะมอบมันให้แก่บรรพบุรุษสกุลหลิน”
สาวใช้เบิกตากว้างด้วยความตะลึง “ของสิ่งนั้นจากอาณาเขตลึกลับทางตะวันตก? มูลค่าของมัน...”
ก่อนที่นางจะได้กล่าวจบ ชายผู้เป็นนายก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมมองไปยังที่ไกลๆ “ทำตามคำสั่งข้า เจ้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน คงยังมิสามารถเข้าใจได้ถึงสิ่งที่กำลังจะตามมา”
“เจ้าคงไม่เข้าใจความหมายแท้จริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการก้าวผ่านขั้นลมปราณนี้ของตระกูลหลิน”
....
สิ่งนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงกับสมาคมการค้าเมฆเคลื่อนคล้อยเท่านั้น หากแต่ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรฉีซานก็ล้วนได้ยินข่าวนี้แล้วเช่นกัน และตัดสินใจทำเช่นเดียวกับชายจากสมาคมเมฆเคลื่อนคล้อย
“บรรพบุรุษตระกูลหลินตัดผ่านชั้นลมปราณ? เร็ว เร็วเข้า เราต้องรีบนำของขวัญไปแสดงความยินดีกับเขาในวันพรุ่งนี้!” กองกำลังหน้าใหม่บางแห่งกำลังตื่นเต้นกับข่าวนี้
“ฮะฮ่าๆๆๆ! หลังจากขับเคี่ยวกันมาเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ไม่คาดคิดว่าตาแก่แซ่หลินจะนำข้าไปก้าวหนึ่งแล้ว!” อาวุโสเลื่องชื่อของตระกูลเก่าแก่แห่งหนึ่งออกจากการกักตัวแล้วทอดถอนใจพลางมองยังที่ตั้งสกุลหลิน
“นำสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากห้องเก็บทรัพย์สินของพวกเราออกมา เราต้องมอบมันเป็นของขวัญแสดงความยินดีแก่ตระกูลหลิน!” พ่อค้าแห่งสมาคมเมฆเคลื่อนคล้อยกล่าวออกมาด้วยเสียงที่กดต่ำลง
ทั้งตระกูลต่างๆ กองกำลังทั้งหลาย รวมทั้งสมาคมการค้าเริ่มกะทำบางอย่างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะตามมา และแน่นอนว่ามีบางตระกูลเช่นกันที่กำลังใบหน้าเขียวคล้ำอย่างน่าเกลียด
“ว่าเยี่ยงไรนะ? ไอ้แก่โง่เง่าแซ่หลินนั้นเลื่อนขั้นแล้ว??”
“ออกจากการกักตัวบ่มเพาะพร้อมการปรากฏของปราณม่วง?”
“บิดามันเถอะ! เจ้าลูกเต่านั่นจะทำข้าโกรธจนตาย!”
ทางตอนใต้ของอาณาจักรฉีซาน มีตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งซึ่งเป็นศัตรูของสกุลหลินมาช้านาน เพียงได้ยินข่าวการเลื่อนขั้นนี้ พวกเขาทำได้เพียงตะโกนสาปแช่ง และเมื่อบรรพบุรุษตระกูลนี้ได้รับข่าวก็ออกจากการกักตัวพร้อมสีหน้ามืดทะมึน ในคืนนั้นพายุสายฟ้าสาดซัดไปทั่ว กองกำลังที่กระด้างกระเดื่องกับตระกูลบางส่วนที่อยู่ในระยะใกล้เคียงล้วนโดนกวาดล้างหายไปผ่านในคืนเดียว
“พวกลูกเต่าแซ่หลิน! เลื่อนขั้นแล้วอย่างไร! พวกข้ามีอัจฉริยะรุ่นเยาว์อยู่ในตระกูล แต่สกุลหลินของพวกเจ้าไร้ซึ้งอัจฉริยะมานานกว่าร้อยปีแล้ว!!”
“แม้พวกเจ้าจะแต่งงานกับสกุลซวนแล้วอย่างไร! เจ้าทารกปิศาจร้อยปีนั่นสมควรจะตายในครรภ์มารดามันแล้วเสียด้วยซ้ำ!”
“พวกเจ้าที่ไร้ซึ่งอัจฉริยะรุ่นเยาว์ หากเวลาผ่านไป สุดท้ายพวกเจ้าก็จะต้องล่มสลายอยู่ดี!”
“ข้าเพียงแค่ต้องรอเวลาให้มาถึงเท่านั้น!”
.....
หลินซวนไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์รอบนอก
ในตอนนี้ เขาไม่ได้ตระหนักถึงความบ้าคลั่งจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดกับตระกูลของตน และมิได้ทราบด้วยว่าโลกภายนอกยังไม่ได้รับรู้ถึงการกำเนิดมาของเขา ล้วนแต่เข้าใจกันไปเองว่าเหตุการณ์ต่างๆเกิดเพราะบรรพบุรุษของเขาก้าวผ่านชนชั้นปราณเพียงเท่านั้น
ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้หลินซวนรับรู้ เขาก็หาได้สนใจไม่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพราะความสามารถของเขาได้ปรากฏให้คนในตระกูลรับรู้แล้ว ดังนั้น หากสกุลมิได้โงเง่าจนเกินไปก็ย่อมต้องรักษาดูแลเขาประดุจไข่ในหิน
ภายในค่ำคืนนั้น หลินซวนขดตัวในผ้าอ้อมของเขาอย่างสบายตัว และยังคงบ่มเพาะด้วยทักษะลมหายใจปราณม่วงปฐมกาลของเขาต่อไป
ในฐานะคนที่เคยใช้ชีวิตมาครั้งหนึ่งแล้วแบบเขา หลินซวนหาได้หลงตัวเองไปกับความสำเร็จแค่ชั่วครู่ไม่ เขารู้ว่าตนเองควรจะสร้างรากฐานให้มั่นคงเพื่อจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยืนยาวในโลกแห่งนี้
และคำตอบของทุกอย่างคือความแข็งแกร่ง เขาควรจะพึ่งพาพลังของตัวเองเป็นหลัก การบ่มเพาะต้องเริ่มตั้งแต่เกิด สกุลหลินอาจจะปกป้องเขาได้ในตอนนี้ หากแต่มิใช่ตลอดไป ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดที่นี่ สิ่งสำคัญที่สุดคือพละกำลังของเขา
ทุกครั้งที่หลินซวนหายใจเข้า ปราณม่วงที่อยู่ในกายเขาก็เปล่งแสงเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
เพราะการกำเนิดของดาวดวงใหม่เช่นหลินซวน ตระกูลหลินกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข ล้วนดื่มกินเต้นรำเพื่อฉลองให้กับการกำเนิดของเซียนน้อยแซ่หลินผู้นั้นรวมถึงดีใจกับการเลื่อนขั้นครั้งใหญ่ของตัวเอง
ในผ้าอ้อม หลินซวนที่กำลังกลั้นหายใจและมุ่งสมาธิไปที่บางอย่าง เขาพยายามจะเรียนรู้ทักษะลมหายใจปราณม่วงปฐมกาลอย่างเต็มความสามารถ เขามุ่งมั่นและตั้งใจค่อยๆสร้างพื้นฐานการบ่มเพาะของตัวเองเพื่ออนาคตที่รุ่งเรือง!