เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 4: สำเนียงแห่งเต๋า บรรลุขั้นอย่างต่อเนื่อง!
ตอนที่ 4: สำเนียงแห่งเต๋า บรรลุขั้นอย่างต่อเนื่อง!
อันที่จริงแล้ว ไม่เพียงแต่ตระกูลหลินเท่านั้น แต่เป็นทั้งเมืองต้าหยานที่ห้อมล้อมไปด้วยปราณม่วงอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงแม้พลังจะเบาบางมิได้หนาแน่นเท่าบริเวณรอบจวนตระกูลหลินก็ตาม กระนั้นความล้ำลึกของกระแสพลังก็ยังคงไร้ก้นบึ้ง
ในตัวเมืองต้าหยาน บนท้องฟ้าเหนือกำแพงและบ้านเรือน ปรากฏร่างลึกลับในชุดคลุมยาวลอยอยู่และจ้องมองไปยังจวนตระกูลหลินด้วยความตกตะลึง
แม้ร่างเหล่านั้นจะไม่อาจทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบริเวณจวนหลิน แต่ก็มองเห็นได้ถึงปราณม่วงอันยิ่งใหญ่ที่แพร่กระจายออกมาจากที่นั่น
แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นคงคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดทั้งหลาย ล้วนเกิดขึ้นเพียงเพราะทารกน้อยสักคนถือกำเนิดขึ้นมา
เพียงคิดกันว่าสถานการณ์นี้เกิดจากบรรพบุรุษสกุลหลินสักคนหนึ่งที่ตัดผ่านคอขวด บรรลุถึงกำลังภายในขั้นถัดไปเพียงเท่านั้น
“ปราณม่วงเหล่านี้ล้วนมาจากทางตะวันออกเป็นระยะทางกว่าหนึ่งแสนลี้ คาดว่าคงเป็นผลมาจากบรรพบุรุษตระกูลหลินเป็นแน่”
“ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก เพียงเพราะการบรรลุขั้นลงปราณเท่านั้น เหลือเชื่อจริงๆ”
“ข้าคิดว่า คงเป็นผู้เยี่ยมยุทธชั้นยอดสักคนจากเมื่อร้อยปีก่อน บัดนี้เมื่อได้เลื่อนขั้นแล้ว ตราบเท่าที่บรรพบุรุษท่านนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ จะมีผู้ใดกล้าพอจะท้าทายสกุลหลิน?”
“ตระกูลหลินบัดนี้มิจำเป็นต้องมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกต่อไป ช่างน่าสงสัยยิ่งนักว่าเด็กน้อยเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวเพียงพอจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉกเช่นบรรพบุรุษได้หรือไม่”
สีหน้าของเหล่ายอดยุทธที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้นพวกเขาจะยังไม่แน่ใจในอนาคตข้างหน้า แต่ล้วนเห็นพ้องต้องกันประการหนึ่ง
“น่ากลัวยิ่งนัก!”
“อาศัยเพียงบรรพบุรุษท่านนั้น อนาคตอันรุ่งโรจน์ของตระกูลหลินย่อยไม่สามารถฉุดรั้งได้อีกต่อไป!”
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน จอมยุทธแห่งต้าหยานเหล่านี้ก็มิรอช้า เริ่มทรุดตัวนั่งขัดสมาธิแล้วดูดซับกระแสพลังไปพร้อมกัน
ปราณม่วงที่ลอยล่องอยู่ในอากาศขณะนี้นั้นถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่หาได้ยากมาก จะมีผู้ใดกันที่ต้องการจะพลาดสิ่งดีๆแบบนี้? ชาวเมืองทุกคนล้วนเป็นชาวต้าหยาน อาศัยอยู่ที่นี่ก็ย่อมเป็นเหล่าผู้สนับสนุนของตระกูลหลินทั้งสิ้น
กล่าวได้ว่าความสำเร็จของชาวเมืองก็นับได้ว่าเป็นการสนับสนุนสกุลหลินให้แข็งแกร่งขึ้นเฉกเช่นเดียวกัน
….
ปราณม่วงจากทางตะวันออกนับแสนลี้ ทำให้ชาวเมืองต้าหยานทุกผู้ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
พวกเขาทราบเพียงว่าปรากฏการณ์นี้มาจากฟากฟ้าทางทะวันออก และล้วนคิดกันเพียงว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความสำเร็จในการบรรลุขั้นถัดไปของบรรพบุรุษตระกูลหลินเพียงเท่านั้น
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในจวนตระกูลหลินล้วนออกจากกับเก็บตัวฝึกฝน ภายหลังการกำเนิดของหลินซวน คนส่วนใหญ่ในตระกูลกลับสามารถตัดผ่านขั้นปราณได้ภายในเวลาเพียงน้อยนิด
มีเพียงอาวุโสบางคนของสกุลหลินเท่านั้นที่เริ่มขั้นตอนการตัดผ่านชั้นลมปราณในเวลาหลังจากนั้นสักพัก ในเวลานี้ ในส่วนต้องห้าม เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลผู้ที่หลายคนคาดว่าเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์นี้ กลับลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าโง่งม
เขาทำได้เพียงมองที่ฝ่ามือของตนด้วยความตกตะลึงเพียงเท่านั้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
คอขวดลมปราณที่ติดขัดมาเนิ่นนานกลับตัดผ่านได้ในที่สุด
“ข้าจำได้ว่าข้าต้องเวลาบำเพ็ญเพียรอีกถึงเก้าร้อยปีเพื่อการทะลุผ่านคอขวดนี้?”
ปราณม่วงเหล่านี้คือสิ่งใดกัน?
ใจกลางจวนสกุลหลิน ท้องฟ้าทั้งหมดบริเวณนั้นล้วนเต็มไปด้วยปราณม่วงอันแสนเข้มข้น
กระแสปราณนี้คงอยู่เพียงสองเค่อก่อนจะเริ่มสลายหายไป หากแต่ภายในจิตของคนสกุลหลินทั้งหลายล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยการหยั่งรู้ที่ยิ่งใหญ่และความเข้าใจอันลึกซึ้งในการบ่มเพาะลมปราณ
เพียงการหายใจเข้าออกภายในปราณม่วงเพียงเท่านั้น
ทุกคนล้วนนั่งลงขัดสมาธิเพื่อดื่มด่ำกับโอกาสอันหาได้ยากยิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะตรงส่วนด้านหน้าของจวนหลินเฮ่า พวกพี่น้องทั้งสี่ของเขาถึงขั้นตั้งค่ายกลเพื่อการนี้
“เจ้าหลานน้อย ช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!!”
พี่น้องของหลินเฮ่าเริ่มสรรเสริญทารกตัวน้อยไปพลางและดูดซับลมปราณไปพร้อมกัน และหากนับรวมหลินเฮ่าเข้าไปแล้ว ในทั้งห้าคน หลินเฮ่าเป็นผู้ที่ได้รับปราณม่วงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาไม่เพียงไม่ซึมซับปราณเหล่านี้ แต่เขายังมัวเป็นกังวลถึงบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเท่านั้น รวมถึงใช้ลมปราณของตัวเองขับไล่กระแสปราณรอบกายออกไปอีกด้วย เพราะอยู่ในห้วงอารมณ์เคร่งเครียดระคนตื่นเต้น หลินเฮ่าเร่งรีบเข้าไปในจวนเพื่อตรงไปยังห้องคลอดในทันใด
ก๊อกๆๆ
เพียงแต่ หลินเฮ่านั้นเป็นกังวลมากเกินไป ปราณม่วงในจวนของเขานั้นถึงกับเข้มข้นยิ่งกว่ากระแสปราณด้านนอกที่เขาใช้ลมปราณขับไล่ไปเสียด้วยซ้ำ
เหล่าสาวใช้ในห้องคลอดมายืนต้อนรับเขาที่ประตู ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ยินดีด้วยท่านเจ้าเมือง ยินดีด้วย!”
“ทั้งแม่และลูกนั้นปลอดภัย ท่านเซียนน้อยจากสรวงสวรรค์ได้ถือกำเนิดแล้ว!”
หลินเฮ่าหาได้สนใจคนเหล่านี้ไม่ เพียงโบกมือน้อยๆ ขวดบางอย่างก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้ายายเฒ่าหมอและเหล่าสาวใช้ทุกคน
“พวกเจ้าควรได้รับรางวัล นี่คือโอสถแก่นทองบรรลุปราณของพวกเจ้า” กล่าวเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบเดินไปที่เตียงด้วยความดื่นเต้น
ยายเฒ่าและสาวใช้ล้วนมีไหวพริบดีและออกจากห้องคลอดไปในทันที แสงแดดเริ่มจางลง ทั้งแม่และเด็กน้อยกำลังนอนอยู่เงียบๆบนเตียง
หลินซวนหลับตาอยู่ แขนขาล้วนหดแนบลำตัว และหายใจอย่างสงบ ในทุกครั้งที่หายใจก็ได้สูบเอาปราณม่วงรอบๆเข้าไปด้วย เมื่อเห็นดังนี้หลินเฮ่าจึงได้มั่นใจว่าแหล่งรวมของปราณม่วงควรจะเป็นบุตรชายเขาแน่นอน
“บุตรชายข้าช่างน่าเกรงขาม เพียงหนึ่งลมหายใจ ปราณม่วงก็แพร่กระจายมาจากทิศตะวันออก”
หลินเฮ่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ราวกับเขากำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน เจ้าทารกน้อยหลินซวนเริ่มอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น แม้จิตใจของเขาจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เพราะร่างกายที่เด็กเกินไปนี้ เขาจึงไม่สามารถรับรู้สถานการณ์รอบกายได้
ข้างกายหลินซวน หญิงสาวคนนั้นมองไปที่หลินเฮ่าด้วยความอ่อนโยน
แม้นางจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด หากแต่ใบหน้าและในดางตาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและยินดีอย่างยิ่ง
“ท่านอยากจะลองอุ้มซวนเอ๋อหรือไม่?”
“อายู่!” หลินเฮ่าทำได้เพียงกลืนน้ำลายเท่านั้น
ชายผู้ครั้งหนึ่งท้าทายไปทั่วหล้า เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทั้งทวีปแผ่นฟ้าอย่างกล้าหาญและสุขุม บัดนี้กลับทำได้เพียงถูมือไปมาด้วยความร้อนรนเป็นครั้งแรก
หลินเฮ่าไม่ทราบว่าตัวเองควรพูดหรือทำเช่นไรในตอนนี้
“ลองมาอุ้มซวนเอ๋อดูเถิด”
เขาหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น และเริ่มรับหลินซวนมาในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง บุตรชายที่เขาเฝ้ารอมาถึงหนึ่งร้อยปีเต็ม
หลินซวนหายใจอย่างสงบราวกับโลกภายนอกมิสามารถจะเข้ามาขัดขวางการนอนหลับของเขาได้
หลินเฮ่ามองเจ้าตัวน้อยในห่อผ้า ขอบตาของเขาเริ่มมีสีแดงระเรื่อ
ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมานั้น เพียงเพื่อให้บุตรชายได้กำเนิดมาอย่างปลอดภัย มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รับรู้ว่าหลินเฮ่าได้แบกรับสิ่งใดไว้บนบ่าบ้าง
เขาคือยอดยุทธผู้พิชิตไปทั้งแถบตะวันออก แต่บุตรชายของเขากลับใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยปีกว่าจะคลอดออกมาดูโลกได้ ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนคิดว่าทารกในครรภ์นั้นได้ตายไปแล้วและได้ล้อเลียนหลินเฮ่าและภรรยาเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ แม้กระทั่งในตระกูลหลินเองก็มีปัญหามากมาย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เพียงมองเห็นหลินซวนตัวน้อยในห่อผ้า หลินเฮ่าก็ค้นพบว่าทุกความทุกข์ตรมที่ผ่านมาล้วนคุ้มค่าให้เผชิญทั้งสิ้น
“ชื่อของเจ้าคือหลินซวน!”
“สกุลเดิมของมารดาเจ้าคือสกุลซวน และสกุลหลินก็เป็นของบิดาเจ้า ดังนั้น นี่จึงเป็นที่มาของชื่อเจ้า หลินซวน”
หลินเฮ่าค่อยๆเอาหน้าผากแนบกับหลินซวนและกระซิบบอก เพียงชั่วกระซิบเสร็จเท่านั้น อาจเพราะหลินเฮ่าหรือสาเหตุอื่นใดก็ตามแต่ หลินซวนที่กำลังยิ้มอยู่ก็เริ่มหน้าเปลี่ยนสี
“แง แง แงงงงง”
ทันใตนั้นเสียงร้องไห้ของหลินซวนก็เริ่มดังสะท้อนก้องไปในห้องทันที
“อะ อะไรกัน? ข้าทำสิ่งใดผิดไปหรือเปล่า??”
หลินเฮ่าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ในฐานะที่เป็นพ่อคนครั้งแรก เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาที่ไม่มีประการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์นี้และไม่รู้ว่าปกติแล้วการที่ทารกร้องไห้นั้นเป็นเพราะได้สัมผัสกับอากาศภายนอกครรภ์ของมารดา
หลินเฮ่าได้แต่มองไปยังหลินซวนโดนไร้ทางออก เขาทำได้เพียงขยับซ้ายขวาไปมา และไม่รู้ว่าจะต้องทำสิ่งใดกันแน่ ซวนยู่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงทำเพียงยิ้มและมองไปที่หลินเฮ่าที่กำลังลนลาน แม้ต้องการจะพูดบางอย่าง แต่ในตอนนี้ จู่ๆนางก็มองเห็นระลอกคลื่นบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างกายของหลินซวน และในเวลาเดียวกัน เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในความคิดของหลินซวนอีกครั้ง
[ขอแสดงความยินดีด้วย โฮสต์สำเร็จภารกิจ:การร้องไห้ครั้งแรก]
[ค้นพบเสียงฟ้าคำราม สะท้อนเสียงแห่งเต๋า]
[ได้รับวิชา:ทักษะจ้าวสายฟ้า]
พริบตาต่อมา ท้องฟ้าเหนือเมืองต้าหยานก็สั่นสะเทือน
ครืน!!
เสียงกระดิ่งสวรรค์ค่อยๆดังขึ้นมาบนท้องฟ้า เพียงได้ยินเท่านั้น เหล่าผู้บ่มเพาะปราณทั้งหลายต่างสั่นสะท้านและมองไปบนฟากฟ้าอย่างตกตะลัง
ถัดมา เสียงกลองก็เริ่มดังขึ้น ตามด้วยเสียงฆ้องและเสียงพิณบรรเลง
“แง๊”
เสียงร้องของหลินซวนดังลั่นไปทั่วจวนสกุลหลิน เมื่อผสมกับเสียงแห่งเต๋าไร้สิ้นสุดและแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศทางโดยมีห้องของหลินเฮ่าเป็นศูนย์กลาง พลังแห่งเต๋าก็กระจายไปทั้งเมืองต้าหยาน
เสียงร้องไห้ที่ดูอ่อนแอนี้กลับบรรจุไปด้วยพลังแห่งเต๋าอันแข็งแกร่งและลึกล้ำ เพียงพริบตา เสียงร้องอันเบาบางนี้กลับกลายเป็นดังก้องราวกับกลองขนาดมหึมา
โลกภายนอก เกิดปรากฏการณ์มากมายขึ้น อากาศกำลังปั่นป่วนไปทั่ว เสียงแห่งเต๋าห้อมล้อมไปทั้งเมืองต้าหยาน ส่วนในจวนตระกูลหลินก็ดังสนั่นไปด้วยเสียงร้องไห้ของทารกน้อย
“อีกแล้วหรือ??”