บทที่ 299 ความชอบของคนเถรตรง (ฟรี)
ท่านผู้เฒ่าเป็นคนชอบแบบเถรตรงงั้นเหรอ❓
คุณคิดว่าเด็กผู้หญิงจะชอบตุ๊กตาแบบนี้เหรอ❗️
สาวน้อยมีสีหน้าหวาดกลัว เธอหดตัวหนีส่ายหน้าและพูดว่า "... ไม่เอา ไม่ชอบ"
## ???????
ซูกั๋วปัง "..."
เขานึกภาพว่าเด็กหญิงตัวน้อย อุ้มตุ๊กตาอย่างมีความสุขกอดมันไว้ในอ้อมแขนของเธอ และกล่าวเสียงหวานว่า "ขอบคุณค่ะปู่" กับเขา
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ เขาทำให้เธอกลัวอีกแล้วเหรอ❓
พ่อบ้านโง่เง่าจริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กผู้หญิงชอบของเล่นอะไรเลยซื้อของโง่ๆแบบนี้มา❗️
ซูกั๋วปังรู้สึกหนักใจอีกครั้ง เขาเรียกสาวใช้ให้รีบเอาตุ๊กตาออกไป แล้วพูดกับเด็กหญิงตัวน้อยว่า "เอาล่ะ ถ้าหนูไม่ชอบมันก็ลืมมันไปซะ หนูชอบของเล่นอะไร❓ปู่จะซื้อมันให้หนู"
"หนูไม่ต้องการของเล่น หนูต้องการป๊ะป๋า..." เด็กหญิงตัวน้อยเบะปากดวงตาของเธอแดงก่ำอีกครั้ง
ซูกั๋วปังเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน เมื่อเห็นซูจิ่วดูเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง หัวใจเขาก็รัดแน่น และตอนนี้พ่อบ้านก็ไม่อยู่ เขาไม่รู้ว่าจะต้องทํายังไง
ซูกั๋วปังคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกเด็กหญิงตัวน้อยกวนใจ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า "ไม่ใช่ว่าป๊ะป๋าของหนูกำลังถ่ายทําอยู่เหรอ❓รอให้เขาถ่ายเสร็จแล้ว ปู่พาหนูไปหาเขา โอเคไหม❓"
ดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยเป็นประกายและพูดอย่างจริงจังว่า "ห้ามโกหกนะ❗️"
"ปู่จะโกหกหนูได้ยังไง❓"
ซูกั๋วปังเป็นปู่ที่พยายามอย่างหนักเพื่อทําให้เด็กหญิงตัวน้อยรู้จักความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ
"ดีมาก..." เด็กหญิงตัวน้อยก้มหัวลงแล้วกระซิบ ยังไม่กล้าขยับไปไหนเพียงแค่เล่นกับมือน้อยๆ ของตัวเอง
ยิ่งซูกั๋วปังมองเธอมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งคิดว่าทําไมเด็กหญิงตัวน้อยถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้มากขึ้นเท่านั้น เขาไม่ต้องใช้กําลังอะไมากก็สามารถยกเธอขึ้นได้ง่ายๆ ถ้าครั้งที่แล้วเขาพยายามบีบมากกว่านี้เธออาจจะถูกเขาบีบคอจนตายก็ได้
เขาทิ้งแผลในใจไว้กับเด็กหญิงตัวน้อย เธอกลัวเขามากจนไม่ยอมเรียกเขาว่าปู่เลยเหรอ❓
ไม่มีทางอื่นแล้ว ซูกั๋วปังเดินมานั่งบนโซฟา
ทันทีที่เขานั่งลงก็เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงตัวน้อยดูเหมือนจะกลัวและพยายามหดตัวหนี ดวงตากลมโตสีดำคู่หนึ่งมองเขาด้วยความระมัดระวัง ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้ายที่กินมนุษย์
ซูกั๋วปังรู้สึกแย่อยู่ในใจ เชาไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้เธอ แต่ใช้น้ำเสียงอ่อนลง "เสี่ยวจิ่ว คราวที่แล้วเป็นปู่ที่ผิดเอง ปู่ขอโทษ ให้อภัยปู่ได้ไหม❓"
ซูจิ่วเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ
ไม่จริง เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม❓❗️
เจ้าพ่อแห่งความเย่อหยิ่ง ที่เมื่อใครไม่เข้าตาก็จัดการทิ้ง จะกล่าวคำขอโทษเธอจริงๆ งั้นเหรอ❓
รู้สึกสับสนนิดหน่อย
เมื่อเห็นว่าแววตาของเด็กหญิงตัวน้อยดูเหมือนจะไม่ระมัดระวังมากเหมือนเมื่อก่อน ซูกั๋วปังก็รู้สึกว่ามันใช้ได้ผลและยังคงพูดต่อไปอีกว่า "หนูเป็นหลานสาวของปู่ และปู่สัญญาว่าจะทำดีต่อหนูในอนาคตให้มากๆ โอเคไหม❓"
เด็กหญิงเม้มปากเล็ก หลังจากครุ่นคิดในใจอย่างยุ่งเหยิง เธอถามว่า "คุณจะดีกับป๊ะป๋าไหม❓ ถ้าดีกับป๊ะป๋าด้วย หนูจะให้อภัยคุณ"
ซูกั๋วปัง "..."
เป็นอีกครั้งที่เขาสงสัยว่าซูเชิ่งจิ่งเลี้ยงและสั่งสอนลูกอย่างไร และเขาจะหาเด็กที่คิดมากเกี่ยวกับพ่อของตัวเองได้จากที่ไหน❓
เขาทําได้ยังไง❗️
สำหรับซูเชิ่งจิ่ง ซูกั๋วปังรู้สึกไม่พอใจมาโดยตลอด และมันก็ไม่น่าพอใจไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เพื่อที่จะเอาชนะหัวใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาทําได้เพียงกัดฟันและพูดว่า "แน่นอน ป๊ะป๋าของหนูเป็นลูกชายของฉัน ถ้าฉันไม่ดีกับเขาแล้วใครจะดีกับเขามากกว่าฉันล่ะ❓"
บทที่ 300 สืบทอดทรัพย์สินของครอบครัวหลายแสนล้าน
เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกตื่นเต้นทันที "แล้วป๊ะป๋าจะกลายเป็นดาราใหญ่ได้ไหม❓ ดาราที่โด่งดังและเป็นที่นิยมมากๆ❗️"
สองมือเล็กๆ ของเธอพยายามโบกมือวาดออกไปๆ
ซูกั๋วปังอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ทําไมถึงอยากให้เขาเป็นดาราใหญ่ล่ะ❓"
"เพราะป๊ะป๋าชอบมัน~ ดังนั้นหนูต้องการให้ป๊ะป๋าเป็นดาราใหญ่ และยืนอยู่บนที่สูงมากเพื่อที่ใครจะได้ไม่ดูถูกและรังแกป๊ะป๋า❗️” เธอพูดพร้อมกับแสงที่เป็นประกายเจิดจ้าในดวงตาราวกับมีดวงดาวนับไม่ถ้วนอยู่ข้างในนั้น
ความเฉลียวฉลาดนั้น ช่างน่าหลงไหลจริงๆ
มันเป็นสิ่งที่ซูกั๋วปังไม่ค่อยได้เห็น นอกจากนี้เขายังได้เห็นว่าในใจของเด็กคนนี้เต็มไปด้วยป๊ะป๋าของเธอ
ทันใดนั้นเขาก็แอบอิจฉาซูเชิ่งจิ่งเล็กน้อย
"ดาราแบบไหนล่ะ❓" ซูกั๋วปังเยาะเย้ยอย่างดูถูก "พวกดาราน่ะทํางานให้คนอื่น บอกให้ป๊ะป๋าของหนูกลับมารับช่วงต่อบริษัทสิ ให้คนอื่นทํางานให้ และแน่นอนว่าเงินที่หาได้ มากกว่าการเป็นดาราหลายเท่า❗️"
เด็กหญิงตัวน้อยมุ้ยหน้าและเธอย้ำว่า "ป๊ะป๋ารักการเป็นดารา❗️"
ซูกั๋วปัง "......เสี่ยวจิ่ว หนูรู้รึเปล่าว่าจะเงินได้เท่าไหร่ถ้าป๊ะป๋าของหนูกลับมารับช่างต่อบริษัทของฉัน"
ซูจิ่วรู้ว่ามันจะเป็นเลขทางดาราศาสตร์ แต่เธอแสร้งส่ายหน้าทําเป็นไม่เข้าใจ
“มูลค่าบริษัทซูในตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันอยู่ที่หลายแสนล้านดอลลาร์ หนูรู้ไหมว่ามันเท่าไหร่❓” ซูกั๋วปังพูดพึมพำกับตัวเอง “ลืมมันไปเถอะ...เด็กน้อยอย่างหนูจะรู้ได้ยังไงล่ะ❓”
ซูจิ่ว "...‼️❗️"
ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น❗️
เดิมทีเธอรู้เพียงว่าครอบครัวซูร่ำรวยมาก แต่เธอไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้❗️หากมูลค่าตลาดเป็นหลายแสนล้านดอลลาร์ นี่นับว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดหนึ่งในห้าอันดับของประเทษอย่างแน่นอนใช่ไหม❓
ซูจิ่วสงสัยนิดหน่อยว่าตัวเองอาจจะได้ยินผิด ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความตกใจ และทันใดนั้นเธอก็อยากจะบอกซูเชิ่งจิ่งว่าป๊ะป๋าไม่ต้องทํางานหนักแล้ว ไม่ต้องเป็นแล้วดาราแล้ว กลับมาสืบทอดทรัพย์สินของตระกูลหลายแสนล้านและกินอยู่อย่างเกียจคร้านและรอความตายไม่ดีกว่าหรอ❓
เงินหลายแสนล้านดอลลาร์... จิตใจของซูจิ่วเต็มไปด้วยธนบัตรหลากสี และเธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ยังไงก็ตาม เธอจะไขว้เขวเพราะเงินไม่ได้ เธอต้องเคารพความปรารถนาของป๊ะป๋า❗️
ขณะนั้นซูกั๋วปังก็พูดขึ้นว่า "เสี่ยวจิ่ว ฉันสัญญาว่าจะดีกับป๊ะป๋าของหนู ทําไมไม่เรียกฉันว่าปู่ล่ะ❓ หนูล้อฉันเล่นงั้นเหรอ❓"
“หนูไม่ได้ล้อเล่น คุณยังไม่ได้ทำดีกับป๊ะป๋า แล้วจะให้หนูเรียกคุณได้ยังไง❓” ซูจิ่วพูดอย่างมั่นใจ
"ถ้าหนูเรียกฉันว่าปู่ ฉันจะทำดีกับเขา"
"ไม่❗️"
ซูกั๋วปัง "..."
เด็กสาวตัวน้อยคนนี้หลอกยาก❗️
เขาหงุดหงิดเล็กน้อย รู้สึกว่าก่อนหน้านี้การเจรจาธุรกิจกับผู้อื่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่นี่เป็นบาปที่ตัวเขาเองเป็นคนทํา และเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมาน
ผ่านไปไม่นาน พ่อบ้านก็เข้ามาพร้อมกับพ่อครัวและเชิญเธอไปที่ห้องทานอาหาร
พ่อครัวกำลังเตรียมอาหาร พ่อบ้านนําซูจิ่วไปที่โต๊ะและวางเธอลงบนเก้าอี้ วางจานอาหารค่ำ ช้อนและส้อมไว้ด้านหน้าเธอ พร้อมกับผูกเอี๊ยมกันเลอะให้กับเธอ
เมื่อเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยของอร่อย ซูจิ่วไม่สามารถทนไหวเธอหยิบไอศครีมขึ้นมาเลียและกินอย่างมีความสุข
ซูกั๋วปังนั่งบนที่นั่งหลัก มองดูเด็กหญิงตัวน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย และเกิดความปีติยินดีเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น เมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างเขาก็หันไปถามพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ว่า “แกเคยบอกฉัยว่า ถ้าฉันยกหนึ่งในตึกที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองให้เสี่ยวจิ่ว ไอ้เด็กเหลือขอนั้นจะมีความเห็นไหม❓”
ซูจิ่วตกตะลึง
ท่านผู้เฒ่าจะทำอะไรน่ะ จะยกตึกให้เธองั้นเหรอ❓
อ่าา ป๊ะป๋าไม่มีความคิดเห็น ไม่เลย❗️