จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 305
บทที่ 305: ตำแหน่งหลัก
ลูกชิ้นงาทำหน้าบิดเบี้ยว เมื่อมองไปที่เขาและซ่อนใบหน้าอยู่ข้างหลังมือของตัวเอง
ดอกไม้อ้างว้างก็เหมือนเดิม เขาไม่สนใจอะไรเลยสักนิด
ซากุระสั่นศีรษะไปมาอย่างแรงจนศรีษะแทบจะหลุดออกไป
เธอไม่ได้สวยน้อยกว่ามาสเรนเลย แต่เธอขาดความสง่างามแบบผู้หญิงไป หากจะให้พูดคงจะบอกได้ว่าเธอเหมือนสาวทอมมากกว่าหญิงแกร่ง
มูนไลท์กำลังนั่งหลับตาอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
ส่วนทางด้านของความฝันที่เหลืออยู่และฮาชิจัง แม้ว่าพวกเธอจะน่ารัก แต่ก็ยังคงไร้เดียงสามาก ถ้าทั้งสองคนได้เป็นหัวหน้า พวกเธอก็จะคงจะพาสมาคมไปเปื้อนโคลนตมแน่
"ฉันไม่เหมาะกับกับการเป็นหัวหน้าเลย" ลูหลี่กล่าวขณะที่เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมา
เขาไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้า เพราะเขารู้จักแต่เทคนิคเกี่ยวกับการ PVP และดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ดันไม่มีเทคนิคในการเป็นหัวหน้าเลย
"ฉันมีคนหนึ่งที่น่าสนใจ แต่นายต้องเป็นคนเชิญเขามา" พเนจรกล่าวออกมาเพราะไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะให้ลูหลี่เป็นหัวหน้าแต่แรกแล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่สร้างกลุ่มทหารรับจ้างนี้ขึ้นมา แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำเลยสักนิด
"หรือว่านายจะหมายถึง ... " หัวใจของลูหลี่ก็แทบจะหยุดเต้นลง เมื่อเขาคิดถึงใครบางคนขึ้นมา
"สแควร์รูทสาม ถ้านายสามารถเชิญเขามาได้ ปัญหาทั้งหมดของเราจะถูกแก้ไขให้ดีขึ้น "พเนจรกล่าวอย่างมั่นใจ เขาได้เคารพในตัวของสแควรูทสามเป็นอย่างมาก
"ไม่ใช่ว่าเขาเคยอยู่ในสมาคมสตาร์มูนงั้นเหรอ? ผู้เล่นจากสมาคมคนนั้นก็เหมือนกันทุกคนนี้ "อาเซอร์ซีบรีสกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกรังเกียจ
ลูหลี่และพเนจรไม่สนใจเขาและเริ่มพูดถึงวิธีที่จะชักชวนเขาเข้ามา
สแควรูทสามไม่ใช่คนโง่ พวกเขาไม่ได้มีหรือรู้อะไรเลยสักนิด ดังนั้นทำไมเขาถึงจะต้องมาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย? นอกจากนี้ลูหลี่ยังสร้างโชคร้ายให้แก่สมาคมสตาร์มูนอีกด้วยและเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาล้มเหลวในการเข้าสู่รอบ 100 ทีม ทั้งสองฝ่ายจึงเหมือนกับมีเรื่องไม่ดีต่อกัน
"แล้วเรื่องสโมสรล่ะ?"ลูหลี่ถาม
"สโมสรต้องอยู่ในมือของนาย ผู้เล่นหลักสามคนที่โดดเด่นก็คือ นาย มูนไลท์และมาสเรน แต่สมาชิกคนอื่นๆก็จะอยู่กับสโมสรด้วยเช่นกัน คิดยังไงกับเรื่องนี้?""
พเนจรไม่ได้คิดที่จะเสียสละทั้งหมดจริงๆ ถ้าพวกเขาติดตามลูหลี่และกลายเป็นสมาชิกของสโมสร พวกเขายังสามารถได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่เขาเป็นผู้นำได้อยู่ แม้ว่าสมาคมจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่มีทางใดเลยที่สมาชิกคนอื่นๆจะสามารถตามทันพวกเขาได้
"โอ้ใช่แล้ว เห็นได้เลยว่าตอนนี้เรากำลังจะเริ่มต้นมันด้วยตัวของพวกเราเอง ว่าแต่เราจะแบ่งหุ้นกันยังไงดี?"
โดยปกติแล้ว บริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนมักจะต้องถามคำถามนี้ออกมาและหุ้นที่ต้องแบ่งกันแน่นอนว่าต้องมีมากกว่าหนึ่ง ยังไงก็ตาม ลูหลี่ยังคงถามออกไปอยู่ดี แม้ว่าเขาจะเข้าใจมันเพียงเล็กน้อย
ทุกคนมีสิทธิที่จะถือหุ้นด้วยงั้นเหรอ?
พวกเขาพอใจกับตำแหน่งที่สูงและเงินเดือนที่สูงมากพออยู่แล้ว พวกเขาไม่คิดเลยว่าลูหลี่จะเอ่ยปากให้หุ้นพวกเขา
ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่กลุ่มทหารรับจ้างซินซินได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยเขา ดันเจี้ยนที่ถูกเคลียร์เป็นครั้งแรกก็มีเขาที่เป็นคนสั่งการและกลุ่มเล็กๆที่อยู่รอดจนถึงรอบ 16 ทีมในการแข่งขันถ้วยเงาก็เพราะความเป็นผู้นำของเขา
ใครจะรู้ได้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ไหมหากไม่มีลูหลี่อยู่
ถ้าลูหลี่พบกลุ่มผู้เล่นคนอื่นแทนพวกเขา เขาก็คงจะพยายามช่วยคนอื่นเช่นเดียวกัน
"นายแน่ใจงั้นเหรอ? พวกมันทั้งหมดควรเป็นของนายนะ "พเนจรไม่ได้รู้สึกว่าสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างซินซินสมควรที่ได้รับมัน แต่เขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ออกไป
ไม่มีใครที่ไม่อยากประสบความสำเร็จมากขึ้นหรืออยากที่จะทำงานเพื่อคนอื่นหรอก
"แบ่งมันไปเถอะ มันไม่มีความหมาย ถ้าฉันได้รับมันไปทั้งหมด ส่วนสำหรับคนทั้งสิบคน ... " ก่อนที่ลูหลี่จะได้กล่าวต่อ พเนจรก็ได้กล่าวขัดขึ้นมา
"อย่าใช้หลักความเสมอภาคของนายในที่นี้เด็ดขาด" พเนจรกล่าวอย่างด้วยเสียงแหบพร่า
ในอดีต ไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จจากความเสมอภาค หากพวกเขาต้องการบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง พวกเขาไม่สามารถที่จะใช้หลักการเหล่านี้เพื่อที่จะให้ได้ผลกำไรเพียงเล็กน้อยได้ แม้มันจะเป็นเรื่องจรรยาบรรณก็ตาม
"งั้นนายควรตัดสินใจ" ลูหลี่ไม่รู้ว่าเขาควรจะกล่าวออกไปหรือให้พเนจรพูดต่อดี
เพราะเขานั้นได้เกิดมาจากส่วนล่างของสังคมที่ต่ำที่สุด สิ่งที่เขาเห็นชอบก็คือความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นความเป็นธรรมทางสังคมหรือความเป็นธรรมในความมั่งคั่ง ความคิดที่อ่อนแอและอุดมคตินี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตประจำวันของเขา
อย่างไรก็ตาม ด้วยเรื่องแค่นี้มันไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนโง่
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาไม่มีเพื่อนและอยู่ตัวคนเดียวด้วย
เช่นนี้แล้ว เขาจึงชอบทั้งความรักความสัมพันธ์ที่เขามีอยู่ในชีวิตปัจจุบันนี้ของเขา เขายินดีที่จะใจกว้างมากขึ้น เพราะมันไม่ส่งผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ของการทำเงินของเขาเลยสักนิดเดียว
ซึ่งลูหลี่นั้นไม่ได้คิดเกี่ยวกับความสำเร็จของเขาในเกมนั้นมากมายแค่ไหนเลย
อย่างไรก็ตามการ พเนจรนั้นรู้ดีว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก หลังจากที่ใช้เวลาคำนวณสักระยะหนึ่ง เขาก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า "กลุ่มทหารรับจ้างเป็นของนาย นายต้องเอาหุ้นไปทั้งหมด 80% และส่วนที่เหลือ ... "
"แค่ครึ่งหนึ่งเถอะ ฉันจะเอาไปแค่ครึ่งเดียว "ลูหลี่ปฏิเสธพร้อมส่ายหน้า
เขารู้สึกเหมือนว่าเขาไม่สมควรที่จะได้มันเลย เขาไม่สามารถที่จะเก็บไว้ 80% และทิ้ง 20% ที่เหลือให้คนอื่นได้เลย
"แล้วถ้าเป็น 60% ละ"
พเนจรนับถือในความเอื้อเฟือของลูหลี่ แต่เขาไม่ใช่คนช่างเสียสละเหมือนกับลูหลี่เลยสักนิด ถ้าบอสของเขาเต็มใจที่จะให้ เขาก็เต็มใจที่จะรับมันมา
ในตอนนี้ หุ้น 60% ได้ถูกตัดสินแล้วว่าใครจะได้ไป
บริษัทใหญ่ๆส่วนใหญ่มักจะถูกควบคุมโดยผู้ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนที่น้อยกว่า 10% แต่นั้นมักจะเป็นเหตุการณ์หลังจากที่กระจายหุ้นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ที่ลูหลี่ถือหุ้นอยู่ 60% ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถท้าทายอำนาจของเขาได้
ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆว่าจะแบ่งหุ้นที่เหลือออกไปอย่างไร คนอื่นๆไม่สนใจมากนักในเรื่องนี้เพราะขี้เกียจที่จะคิดเกี่ยวกับมัน คงจะมีเฉพาะลูกชิ้นงาคนเดียวที่รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยและมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่งแม้แต่ตอนนี้ มูนไลท์นั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด
ความฝันที่เหลืออยู่ในตอนนี้ได้นอนหลับลงไปแล้วและฮาชิจังก็ได้นอนหลับอยู่บนอ้อมแขนของเธอเช่นกัน
บรรดาคนที่ยังคงสนใจอยู่ คงจะมีแต่เพียงสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างซินซินที่ชอบเงินจริงๆ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรฟุ่มเฟือยออกไป
"นายเอาไป 60%" พเนจรได้กล่าวด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง "ส่วนอาเซอร์ซีบรีสและฉันจะเอาไป 5% ... "
"ทำไมต้องแบ่งกันระหว่างฉันกับนายด้วย? แล้วเราจะแบ่งส่วน 5% ได้ยังไง?" อาเซอร์ซีบรีสกล่าวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
"ฉันจะเอาไป 4% ส่วนนายเอาไปแค่ 1% ไม่ต้องถามด้วยว่าทำไม เพราะฉันมีสมองมากกว่านาย ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านายอยู่ที่นี่ก่อนหน้าฉัน นายคงจะไม่ได้รับแม้แต่ 1% "พเนจรตอบกลับไปด้วยความรู้สึกรังเกียจ
อาเซอร์ซีบรีสเริ่มรู้สึกมีน้ำโห
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เขาคำนวณจริงๆแล้ว เขาจะให้ตัวเอง 2% และให้อาเซอร์ซีบรีสไป 3% แต่มันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคนน่ะนะ
"มาสเรนและดอกไม้อ้างว้างจะแบ่งกัน 5% ส่วนซากุระ ลูกชิ้น ฮาชิและความฝันจะมีคนละ 2% มูนไลท์นายจะได้ไป 5% และนายไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิเสธด้วย "
"เรากำลังจะสร้างข้อตกลงกัน ส่วนที่เหลืออีก 17% จะมอบให้แก่สมาชิกในอนาคตของกลุ่ม แล้วเราควรให้สแควรูทสามมากแค่ไหนดี?"
มาสเรนและอาเซอร์ซีบรีสทั้งสองคนได้รับคนละ 3% เนื่องจากพวกเขาต่างส่วนร่วมในกลุ่มมาก อีกทั้งมาสเรนยังอยู่ในการแข่งขันอีกด้วย ส่วนมูนไลท์เอาไป 5% เนื่องจากคุณค่าที่เขาเป็นถึงผู้เล่นระดับสตาร์
ตามมาตรฐานของสโมสรปกตินั้น คนที่ลงแข่งขันหลักๆและหัวหน้าสมาคมจะได้รับเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น
"พวกเราแค่ให้เขา 5% พอและปล่อยให้หัวหน้าสมาคมเป็นเขา" ลูหลี่ตัดสินใจ
ในอุตสาหกรรมเกมปัจจุบัน หัวหน้าสมาคมนั้นต้องทำทุกบทบาทในการดูแลสมาคม ซึ่งหัวหน้าสมาคมส่วนใหญ่ไม่ได้ถือหุ้นอะไรเลย
แน่นอนว่าสแควรูทสามนั้นมีส่วนร่วมในการสร้างสมาคมสตาร์มูน ดังนั้นเขาจึงต้องมีอิทธิพลมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามสมาคมสตาร์มูนและกลุ่มทหารรับจ้างไม่เหมือนกันในแง่ของอำนาจ
ด้วยเหตุนี้การถือครองหุ้นในอัตราร้อยละ 5 สำหรับบทบาทของการบริหารจัดการสมาคมจึงค่อนข้างเป็นธรรม
แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่สนใจ แต่พเนจรก็รุ้สึกเหมือนกับว่าลูหลี่เป็นคนที่ใจกว้างเกินไป อย่างไรก็ตามถ้าลูหลี่ยอมปล่อยหุ้นพวกนั้นไป เขาก็ไม่สนใจ สิ่งที่เขาคิดได้ก็คือ พวกเขาจะสามารถโน้มน้าวสแควรูทสามได้อย่างไร
และเขายังต้องเริ่มต้นทำงานส่วนของตัวเองด้วยในขณะที่เขาเอาเงินไป
ส่วนที่เหลืออีก 12% นั้นจะใช้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือการระดมทุนอะไรบางอย่าง
ปัจจุบันหุ้นเหล่านี้เป็นจำนวนที่มากพอควร แม้ว่าหลังจากที่แยกรายได้จากค่าตั๋วแล้ว ยังมีเหลืออีกหลายร้อยหลายพันเหรียญดอลลาร์
หลังจากที่ลูหลี่ใช้เวลากับเรื่องนี้ไปสักพัก ทุกคนก็ได้รับเงินคนละเกือบ 10,000 เหรียญดอลลาร์
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง กำไรสุทธิของสโมสรสวรรค์ชั้นเจ็ดสำหรับแต่ละฤดูกาลแข่งขันได้เงินไปมากกว่า 10 ล้านเหรียญดอลลาร์ จำนวนนี้ดูน่าประทับใจมาก แม้ว่าจะลดลงไปบ้างก็ตาม
เงินเดือนของผู้ที่เพิ่งจะเรียนจบทางฝั่งของชนชั้นสูงทางสังคมนั้นน้อยมากเมื่อต้องเทียบกับเงิน 1 ล้านเหรียญดอลลาร์ต่อปี
ในช่วงเย็นวันนี้มีเพียงพเนจรและลูหลี่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้เท่านั้น
ในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างซินซินกำลังวางแผนถึงโครงสร้างสมาคมในอนาคตของตนและทิศทางการพัฒนาของพวกเขา