จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 304
บทที่ 304: ใครจะเป็นหัวหน้ากันล่ะ?
ในการแข่งขัน 16 ทีม มันเหมือนกับเป็นโลกใหม่
ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกกลุ่มทหารรับจ้างซินซินเป็นทีมธรรมดาๆอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากความสำเร็จของพวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนเลย
ก่อนหน้านี้ มีเพียงนักธุรกิจที่อยากจะให้เขาเป็นโฆษกสินค้าให้ แต่ตอนนี้ยังมีนักการเงินที่ให้ความสำคัญกับพวกเขาโดยมองไปที่การเติบโตในอนาคตของกลุ่มทหารรับจ้างนี้
ขณะที่อุตสาหกรรมเกมกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในส่วนที่ยากจนของชุมชนยังแพร่กระจายไปถึง
ผลที่ตามมาจึงทำให้เกิดผู้เล่นสตาร์จำนวนมาก
เกมรุ่งอรุณเป็นเกมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผู้เล่นเล่นจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกวันทั้งจากภูมิหลังทางสังคมและเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ทุกคนที่มีสายตาสามารถมองเห็นได้เลยว่านี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
พวกเขาเสนอเงินให้ลูหลี่ถึงแปดล้านเหรียญดอลลาร์!
สำหรับการที่เสนอเงินขนาดนี้มาให้ สมาคมใหญ่ๆยังไม่สามารถที่จะได้เลย
อย่างไรก็ตาม พเนจรไม่ได้ถามลูหลี่เป็นครั้งแรกและได้ปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทพลังงานทางตอนเหนือของจีนไป
ซึ่งลูหลี่ก็ยังไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจครั้งนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าจำนวนเงินนั้นต่ำเกินไป แม้ว่านี่จะมีส่วนก็ตาม
ความกังวลหลักของลูหลี่เมื่อเล่นเกมรุ่งอรุณคือการทำเงิน แต่เขาก็จะไม่ขายตัวเองเพื่อประโยชน์ระยะสั้นพวกนี้
หลังจากได้รับเงินเป็นจำนวน 8 ล้านดอลลาร์แล้ว กลุ่มทหารรับจ้างซินซินจะกลายเป็นเหมือนกับ ตัวแทนของบริษัทด้านพลังงานของจีนตอนเหนือ เงินส่วนหนึ่งจากการรับรองหรือการแข่งขันจะถูกส่งกลับไปยังผู้สนับสนุนของพวกเขา
นอกจากนี้ พวกเขายังจะต้องฟังการตัดสินใจของผู้จัดการคลับอีกด้วย
ตามธรรมชาติแล้ว ผู้จัดการคลับจะเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้สนับสนุนของพวกเขา
ชีวิตของข้าเป็นของข้าเองและข้าตัดสินใจมันด้วยความเต็มใจและเป็นอิสระ ข้าจะไม่ยอมที่จะถูกควบคุมโดยใครก็ตาม แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถทำได้! ข้าจะไม่ก้มศรีษะของข้าลงโดยปราศจากความเคารพและความคาดหวัง แต่ข้าจะไม่มีทางที่จะไม่ช่วยเหลือคนอื่น!
นี่เป็นคำในหนังสือของเอกวินที่เหมือนกับสะท้อนตัวตนของลูหลี่อย่างลึกซึ้ง
ในชีวิตที่ผ่านมาของลูหลี่ เขาได้ขายตัวเองไปเพื่อหารายได้เพื่อการรักษาของน้องสาวของเขา อย่างไรก็ตามหลังจากการเกิดใหม่ของเขา เขาได้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างใครอีก
เขาอาจจะมาจากภูมิหลังที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องยอมคนอื่น
บริษัทพลังงานภาคเหนือต้องการทีมที่เป็นทีมของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ลูหลี่ มูนไลท์และมาสเรนจะเป็นเหมือนกับนายพลในสนามรบของพวกเขาและพวกเขาจะส่ง 'ผู้เชี่ยวชาญ' เพื่อจัดการกับส่วนที่เหลือของทีมออกไป นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมลูหลี่จึงปฏิเสธข้อเสนอ
ลูหลี่ต้องการที่จะครอบครองเฉพาะสิ่งที่เป็นของเขาเอง มากกว่าที่จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง
หัวหน้าบริษัทพลังงานภาคเหนือเดินออกไปพร้อมคิดถึงเงินจำนวนมหาศาลที่ไม่สามารถซื้อความร่วมมือที่เขาต้องการได้
อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่ได้ถูกยกขึ้นมาคือ ทิศทางของการพัฒนาในอนาคตของกลุ่มทหารรับจ้าง
พวกเขาจะยังคงรอราคาที่ดีกว่านี้ไหม? หรือพวกเขาจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆและยังคงเป็นกลุ่มทหารรับจ้างต่อไป?
"กลุ่มทหารรับจ้างมีทั้งข้อดีและไม่ดีเท่าไหร่" คนที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่จะพูดเรื่องนี่ในที่นี่ดูเหมือนจะคงมีแต่พเนจร เขาเคยจัดการสมาคมมาในอดีต แต่ก็ถูกไล่ออกจากสมาคมเนื่องจากมีปากเสีย
ตอนแรกพวกเขาไม่ต้องการเริ่มต้นสร้างสมาคมเพราะค่าใช้จ่ายที่มาก อีกทั้งพวกเขาไม่มีทางที่จะตามสมาคมใหญ่ๆทันได้
อย่างไรก็ตามมันแตกต่างมากกับตอนนี้ พวกเขามีโอกาสที่จะนำพวกนั้นแล้ว
ถ้าพวกเขาเริ่มต้นสร้างสมาคมตอนนี้ มันแน่นอนว่าจะมีผู้เล่นนับไม่ถ้วนร่วมกลุ่มของพวกเขา อีกทั้งพวกเขายังสามารถเลือกเกณฑ์คัดคนที่พวกเขาต้องการสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นถึงทีมอันดับสี่ใน 100 ทีม
"คิดยังไงกับการเริ่มต้นเป็นสโมสรก่อน แล้วค่อยเป็นสมาคมทีหลัง" พเนจรแนะนำ
เขามองไปที่ลูหลี่ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา ลูหลี่มักไม่สนใจอะไรมากมายนัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถเรียนรู้จากพวกเขาได้เลย
พเนจรเป็นคนที่ชัดเจนมาก เขาทำเหมือนกับว่านี้เป็นธุรกิจของเขาเลย
แน่นอนว่าคนฉลาดมักจะไม่เคยทำผิดพลาดเหมือนกันสองครั้ง
"สโมสรงั้นเหรอ?"ลูหลี่มองไปที่พเนจรอย่างเหม่อลอย
"มันคล้ายกับโครงสร้างของสมาคมในปัจจุบัน ... " พเนจรได้อธิบายโครงสร้างของสมาคมและโครงสร้างของสโมสรอย่างรายละเอียดให้ฟัง ถึงแม้มันจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นเหมือนกัน
ผู้เล่นบางคนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาคม แต่เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแทน นั่นหมายความว่าสมาคมไม่ได้ผูกมัดพวกเขา
ผู้เล่นระดับสูงเช่น แตนเน็ทหรือโชคทางใต้แห่งเปอร์เซียมักเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรเหล่านี้ ในความเป็นจริงพวกเขามักจะเป็นผู้นำของสโมสรเหล่านี้และเป็นหัวหน้าเพียงผู้เดียว
แน่นอนว่ายังมีผู้เล่นบางคนที่เป็นสมาชิกในสโมสร ดูหยกดอกไม้คู่รักเป็นตัวอย่าง
หัวหน้าสมาคมส่วนใหญ่มักจะไม่ได้เป็นหัวหน้าสโมสร ผู้ให้การสนับสนุนหลักมักจะส่งคนที่พวกเขาเชื่อถือไปควบคุมสโมสรเอง
แน่นอนว่ามีผู้นำบางคนที่เป็นทั้งหัวหน้าสมาคมและหัวหน้าสโมสร ตัวอย่างเช่น ซอวโรวเลสที่เป็นผู้นำของสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศและสโมสรเมืองหลวงแห่งเกียรติยศ
อย่างไรก็ตามข่าวที่ลือมานั้นได้กล่าว่า ซอวโรเลสกำลังย้ายตำแหน่งหัวหน้าของเขาไปให้คนอื่น เจตนาของเขาคือการกลับไปยังสนามแข่งขัน เป็นไปได้ว่าจะมีคนที่เป็นหัวหน้าคนใหม่ของเมืองหลวงแห่งเกียรติยศในอนาคตอันใกล้นี้
ในความรู้สึกแล้ว สมาคมทำหน้าที่ส่งเสริมสโมสร
หนังสือทักษะ ระดับและอุปกรณ์ของผู้เล่นสตาร์ได้รับการรับรองจากสมาคมอย่างไม่มีเงื่อนไข
ด้วยสิ่งนี้ มันจะทำให้ผู้เล่นสตาร์ได้ถูกปลดปล่อยจากพันธกรณีที่ซับซ้อนของสมาคม ซึ่งนั้นทำให้พวกเขามีเวลาในการฝึก PVP เข้าร่วมการแข่งขันหรือทำงานอื่นๆเพื่อเป็นตัวแทนของสมาคมได้
รายได้ของสโมสรมาจากหลายๆที่ ซึ่งอาจเก็บเป็นค่าธรรมเนียมจากการชนะรางวัลหรือการโฆษณาสินค้าและอื่นๆ
"งั้นก็ทำมันเถอะ"
ลูหลี่ไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน แต่เพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธการพัฒนาการเรื่องนี้ได้ กลุ่มทหารรับจ้างซินซินไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียวสักหน่อย
เขาต้องการสร้างรายได้ แต่พเนจรอยากจะพัฒนากลุ่มนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องทะเลาะกันเลย แต่ละคนก็ยังสามารถทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้
"แล้วเราจะเรียกมันว่าอะไร? สโมสรซินซิน?"พเนจรถามลูหลี่ ในขณะที่คนอื่นๆยังตกอยู่ในความเงียบ ความฝันที่เหลืออยู่เผลอหลับไปแล้วและฮาชิจังก็น้ำลายไหลโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย
"คอยมาหารือกันละกัน ชื่อนี้ไม่ค่อยที่จะดูไม่เอาใส่ใจไปหน่อย "ลูหลี่ตอบกลับไปเพราะไม่มีความคิดอะไรเลย
"ถ้าพิจารณาความจริงแล้ว ชื่อสมาคมก็ต้องเหมือนกัน" พเนจรกล่าวต่อไปว่า "ตอนนี้เราต้องเลือกหัวหน้าสมาคมและหัวหน้าสโมสร"
"นายเป็นหัวหน้าสมาคมเลย" ลูหลี่กล่าว
"ฉันไม่เหมาะกับบทบาทนี้สักนิด ฉันขี้เกียจมากที่จะต้องจัดการกับเรื่องเล็กน้อยและฉันมีแนวโน้มที่จะหาเรื่องคนอื่นด้วย "
หัวหน้าสมาคมเป็นเหมือนกับผู้จัดการโดยรวมและต้องจัดการกับผู้เล่นทุกประเภททั้งในและนอกกลุ่ม ด้วยปากร้ายๆของพเนจร เขาคงจะต้อไปหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
"ถ้าเขาเป็นหัวหน้าสมาคม คงจะมีผู้เล่นประกาศสงครามกับเราทุกวัน" อาเซอร์ซีบรีสกล่าว
"แล้วถ้าเป็นนายล่ะ?"พเนจรหัวเราะเยาะ
"ฉันขี้เกียจมาก" อาเซอร์ซีบรีสกลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทันด้วยความกลัว
เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถจะจัดการกับคนอื่นได้ ในความเป็นจริงเขาได้เติบโตขึ้นมาโดยการถูกรังแกจากพเนจร