จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 283
บทที่ 283: คนบินได้
"เอาล่ะครับ พวกเขาอาจรู้จักกันและกันและกำลังทักทาย แต่ตอนนี้มันก็ได้จบแล้วและต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ครับ"
นักพากย์หลักจางเจิ้นเห็นว่าผู้เล่นทั้งหมดเริ่มเข้าสู่ตำแหน่งและเขาก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
นี่เป็นการแข่งขันซึ่งไม่ใช่ห้องแชท
ซึ่งนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ดีสำหรับบริษัทเกมที่จะทำให้ผู้เล่นไม่พูดคุยกันในระหว่างการแข่งขันในอนาคต
"เรามาลองมาดูองค์ประกอบของทีมเหล่านี้กันเถอะครับ ด้านของลูหลี่มี โจร นักรบและนักบวชครับ ส่วนอีกฝ่ายที่เข้ามาแข่งขันด้วยมี ... "สายลมแห่งความมืดกล่าวขณะที่สังเกตุ
"นักรบ นักเวทย์และนักบวช ช่างเป็นองค์ประกอบแบบคลาสสิคมากเลยครับ" จางเจิ้นกล่าวเสริม
"ใช่ครับ เป็นเรื่องจริงเลยครับ องค์ประกอบนี้เทียบได้กับโจร นักเวทย์และนักบวชเลยครับ ส่วนด้านของความเสียหายทางกายภาพนั้นนักรบคลั่งมีประโยชน์มากกว่านักเวทย์อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ "สายลมแห่งความมืดกล่าวอย่างกระตือรือร้น
"คุณสายลมแห่งความมืดครับ ทีมที่ลูหลี่กำลังเผชิญหน้าด้วยในวันนี้ไม่ใช่ทีมธรรมดาๆใช่มั้ยครับ?" จางเจิ้นที่เห็นบรรยากาศเป็นแบบนั้นก็ได้ถามกลับมา
"ใช่แล้วครับ ฝ่ายตรงข้ามของลูหลี่สำหรับวันนี้ ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ PVP ที่รู้จักกันดี เกรช" สายลมแห่งความมืดต้องทำราวกับว่าเขาได้คาดการณ์การแข่งขันระหว่างผู้เล่นที่แข็งแกร่งดังกล่าวก่อนรอบสุดท้าย 16 ไปแล้ว เขาได้กล่าวออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่คิดถึงประวัติของเกรและกล่าวออกมาต่อว่า "เกรชได้เล่น มาแล้ว 5 ถึง 6 เกมและเขาเป็นนักเล่นเกมมือฉมังเลยครับ ในครั้งหนึ่งที่เขาเคยโด่งดัง เจียงฮู่ เขา เชนสโมคเกอร์และอีกสองสามคนได้ลุกขึ้นมากลายเป็นตำนาน
ซึ่งมูนไลท์ก็คือ เชนสโมคเกอร์ ดังนั้นเขาจึงรู้จักกับเกรชได้เป็นอย่างดี
"ตอนนี้เกรชได้เข้าร่วมกับสมาคมจักรวรรดิวายุแล้ว คุณคิดว่าสมาคมจักรวรรดิวายุจะเอาเขาเข้ากับทีมที่แข็งแกร่งที่สุดไหมครับ? " จาง เจิ้นถาม
แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องหวังว่าทีมของเกรชนั้นจะแข็งแกร่ง การแข่งขันที่ดูตื่นเต้นมากก็ทำให้เขานั้นมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้พูดวิเคราะห์ออกมา
การแข่งขันสองสามรอบล่าสุดนั้นก็ต่างน่าตื่นเต้น แต่พวกมันก็ต่างเป็นการชนะข้างเดียวอยู่เสมอ
"มีการกล่าวกันว่าค่าธรรมเนียมของการเป็นสมาชิกของเกรชมีราคาไม่เกิน 4 ล้านดอลลาร์ต่อปี ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่ว่าสมาคมจักวรรดิวายุต้องการที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นแล้วนักเวทย์ที่กำลังถือคทาเวทย์มนต์อยู่จะต้องเป็นนักเวทญ์อันดับหนึ่งของสมาคมจักรวรรดิวายุ กลีบใบไม้อันมืดมัว ส่วนนักบวชคนนั้นก็น่าจะเป็นหน้าใหม่ครับ " สายลืมแห่งความมืดกล่าวออกมาเพื่อระบุตัวตนผู้เล่นบางส่วนเท่านั้น
"นักเวทย์หมายเลขหนึ่งงั้นเหรอครับ? เขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันครับ? " ซึ่งจาง เจิ้นนั้นรู้ชัดแล้วว่านักเวทย์คนนั้นเป็น กลีบใบไม้อันมืดมัว
เหตุผลที่เขาถามออกมา ก็เพื่อที่จะให้โอกาสสายลมแห่งความมืดอธิบายถึงสิ่งที่กลีบใบไม้อันมืดมัวสามารถทำได้ และนักพากย์ส่วนใหญ่ก็ยังคงตอบกลับมาด้วยความรู้ความสามารถจริงๆ
"แล้วคุณคิดว่าฝั่งไหนจะชนะกันครับ?" จาง เจิ้นถาม
นี่เป็นคำถามที่ดูไม่เป็นมืออาชีพเลย เมื่อแสดงความคิดเห็นในการแข่งขันที่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว การตอบว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะนั้นจากเจ้าบ้านดูท่าจะเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว
หากพวกเขาตอบถูก พวกเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย อย่างไรก็ตามหากพวกเขาตอบผิด พวกเขาก็คงจะดูน่าสมเพชมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สายลมแห่งความมืดดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจตอบคำถามนี้ "เมื่อเปรียบเทียบระหว่างมูนไลท์กับเกรชแล้ว เกรชอาจจะดูแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่เกรชก็ไม่อาจเอาชนะได้ "เขาถอนหายใจออกมาหลังจากพูดจบ
"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกันล่ะครับ? ” มันหมายความว่ายังไงกันที่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งมากกว่าจะไม่สามารถเอาชนะได้
"มูนไลท์นั้นมีระดับอยู่ที่ 25 และอุปกรณ์ก็อยู่ในระดับ 25 ซึ่งเข้าก็ได้มันมาจากแม่พิมพ์ ด้วยความไม่สมดุลของระดับและความไม่สมดุลของอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว พวกเขาจึงดูเหมือนไม่เท่าเทียมกันเลย นอกจากนี้แล้ว "สายลมแห่งความมืดหยุดพูดและกล่าวต่อไปว่า" คุณลืมเกี่ยวกับลูหลี่ไปแล้วงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยุติธรรมเลย! "
จาง เจิ้นยอมรับเรื่องนี้อย่างเงียบๆ มันคงจะไม่ดีหากเอากลีบใบไม้อันมืดมัวไปเทียบกับลูหลี่ต่อ
มีแฟนๆจากทั้งสองฝ่ายที่ซื้อตั๋วเข้ามาชม แต่ส่วนใหญ่ก็มาอยู่ที่นี่เพื่อมาดูลูหลี่เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญปกติจะเผชิญหน้ากับพระเจ้าได้อย่างไรกัน?
ขณะที่พวกเขาพูดจบ การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ลูหลี่และมูนไลท์รีบพุ่งไปที่ฮีลเลอร์ของฝ่ายตรงข้ามในทันที พวกเขาต้องการที่จะกำจัดนักบวชให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเกรชแข็งแกร่ง
ด้วยระดับที่ต่ำกว่าของทีมฝ่ายตรงข้ามและอุปกรณ์ที่อ่อนแอกว่า นั้นคือจุดอ่อนของพวกเขา สำหรับทีมลูหลี่แล้ว มาสเรนก็เป็นจุดอ่อนของพวกเขาเช่นกัน
ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ พวกเขาก็จะบรรเทาความอ่อนแอของทีมไปได้
ซึ่งนักบวชของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน คิ้วสีดำของเธอเปล่งประกายราวกับสื่อถึงพลังในขณะที่เธอก็เตรียมตัวที่จะต่อสู้กลับ
ถึงแม้เธอจะถูกไล่ต้อน แต่เวนเดอรินก็ไม่ได้ตกใจอะไร
ลูหลี่นั้นใช้เชปช็อตใส่เธอ แต่เธอก็ใช้เอฟเฟคของเหรียญตราของเธอเพื่อลบสถานะสตันออกไป จากนั้นเธอก็ก้าวไปทางข้างเพื่อหลบมูนไลท์ที่พุ่งเข้ามา
เวนเดอรินกำลังรักษาตัวเองในขณะที่เดินไปอยู่ข้างหน้านักเวทย์ของเธอ
เกรชก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วย เขาจะเลือกโจมตีไปที่มาสเรน เห็นได้ชัดเลยว่าเขาก็เห็นมาสเรนเป็นจุดอ่อนเช่นกัน
มูนไลท์นั้นได้ใช้ทุกทักษะทุกอย่างที่เขามีไปแล้ว ไม่ใช่แค่ลมกรด แต่เอฟเฟคทุกอย่างเลย ส่วนในฝั่งของลูหลี่นั้น ในเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ HP ของฮีลเลอร์ฝ่ายตรงข้ามก็ลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง
ในตอนที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น นักเวทย์ก็ได้ร่ายเวทย์น้ำแข็งลงไปที่เท้า
น้ำแข็งที่ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ไปช้าๆในตอนแรก กลับปกคลุมรัศมีถึง 12 หลาและแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพื้นที่ทันที
ฟรอสโนวา!
ช่วงเวลาที่ลูหลี่ได้เห็นชั้นน้ำแข็ง เขาก็รู้ได้ว่ามันคือทักษะอะไร นี่คือสกิลที่ทำให้เขาได้รับเงินมามากพอที่จะซื้อหมวกเกม เมื่อเขาเริ่มเล่นเกมเป็นครั้งแรก
ทักษะนี้มันหาได้ยากมาก
แม้หลังจากนั้นอีกสองถึงสามปี ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมีทักษะนี้
ลูหลี่และมูนไลท์ต่างก็ถูกแช่แข็ง สกิลนี้มีระยะถึง 12 หลาและมีระยะเวลาถึง 8 วินาที!
ไม่มีวิธีง่ายๆในการจัดการเลย แต่มูนไลท์ในตอนนี้ไม่สามารถเสียเวลากับเอฟเฟคของฟรอสโนวาได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามที่จะฆ่าเขา แต่เขาก็จะฟื้นตัวขึ้นมาทันทีที่เขาเริ่มได้รับความเสียหาย
ด้วยเหตุนี้นักเวทย์ของสมาคมจักรวรรดิวายุจึงได้เล็งคทาเวทย์มนต์ของเขาที่ลูหลี่และเริ่มใช้ทักษะของเขา เขาต้องการโจมตีใส่โจรเพราะมันสามารถที่จะสร้างความเสียหายได้เป็นอย่างมาก
มันเป็นช่องว่างของเวลาเพียงห้าวินาทีเท่านั้นและมีเวลาเหลือเพียงหนึ่งวินาทีก่อนที่ทักษะจะถูกร่ายออกมา
ซึ่งลูหลี่ก็ได้ใช้ทักษะซ่อนเงาของเขา
นั้นทำให้เขาสามารถต้านทานเวทย์มนต์ได้ทุกอย่างและทำให้เขาไม่ถูกผลเหล่านั้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ตอนนี้เขาไม่ได้ถูกแช่แข็งอยู่แล้วจากนั้นเขาก็ใช้เอฟเฟคพิเศษของเสื้อคลุมของตัวเองเพื่อให้ปรากฏอยู่เบื้องหลังของนักเวทย์
และนักบวชได้ได้ถอยหนีออกไปไปข้างหลังของนักรบเพื่อที่เธอจะสามารถชื้อเวลาได้ทัน แต่ด้วยการเดินที่ด้อยกว่าก้าวเงา นั้นทำให้เธอไม่สามารถเดินมาทัน จนทำให้เธอต้องรีบวิ่งไป
อย่างไรก็ตามในตอนที่เธอกำลังวิ่ง ลูหลี่ก็ได้ร่ายเชปช็อตและเปิดเผยตัวออกมา
ซึ่งในตอนนั้นเองเกรชก็มีทักษะชารจ์อยู่
เขาคาดไว้แล้วว่าลูหลี่จะใช้ทักษะจากเสื้อคลุมของเขา เพราะมันเป็นทักษะที่เลื่องชื่อของลูหลี่
ถ้าลูหลี่โดนการโจมตีจากชารจ์นี้ไป เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องใช้ก้าววายุ
โจรที่ใช้ทักษะก้าววายุไปแล้วจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดได้น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับนักรบและนักเวทย์
โชคดีที่ลูหลี่มีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้ PVP จากชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาจึงเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขารีบพุ่งไปรอบๆนักเวทย์และเริ่มโจมตีเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลูหลี่นั้นอยู่ด้านหลังร่างของนักเวทย์และเกรชก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องพุ่งผ่านเข้ามา
แม้ว่าเกรชจะไม่สามารถโจมตีเขาได้ เขาก็ไม่ได้ใช้ชารจ์ต่อไป
แต่เขาได้ยกเลิกทักษะชารจฺและหยุดลงที่ด้านขวาของลูหลี่
กระทืบ!
นี่คือจุดแข็งของเกรช แน่นอนเขาไม่ได้อ่อนแอกว่ามูนไลท์เลย ในความเป็นจริงการเปลี่ยนใช้ทักษะของเขานั้นมีควมยืดหยุ่นกว่ามูนไลท์มาก
กระทืบจะสามารถใช้ได้หากอยู่ระยะใกล้พอ ถ้าลูหลี่ไม่ทำอะไรเลยในตอนนี้ เขาก็จะได้รับผลกระทบจากกระทืบของเกรชในทันที
ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูเขา ลูหลี่ก็ได้กระโดดขึ้น
ใช่ เขากำลังกระโดด
คุณจะหลีกเลี่ยงการจู่โจมแบบนี้โดยแค่กระโดดเนี้ยนะ?
เอฟเฟคกระทืบนั้นกินเวลาประมาณ 1 วินาที หากทักษะนั้นอยู่ในระดับสูงขึ้นอาจจะมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของทักษะ แต่มันก็ถือว่าเป็นเอฟเฟคที่ถูกยอมรับโดยทั่วไป
การกระโดดของมนุษย์นั้นมีระยะเวลาจำกัดไม่ถึงหนึ่งวินาที ถึงแม้ว่าการกระโดดจะมีระยะเวลาใกล้เคียงกับหนึ่งวินาที แต่ก็ได้มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าการกระโดดจะไม่มีระยะเวลาไปมากกว่านี้แล้ว มีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า จอร์แดนได้ชื่อว่า 'คนบินได้' เมื่อเขาสามารถกระโดดบนอากาศได้เป็นเวลา 0.8 วินาที นั้นถือว่าเป็นความมหัศจรรย์เลยทีเดียว
ดังนั้นในจิตใจของทุกคนแล้ว การกระโดดเพื่อหลีกเลี่ยงจากเอฟเฟคของกระทืบไม่ได้เป็นวิธีที่ดูเป็นไปได้เลยสักนิด
สำหรับเรื่องที่ว่ามันจะสามารถทำได้จริงหรือไม่นั้น แม้แต่นักพากย์ก็ไม่ทราบว่าจะพูดอะไรต่อ
ลูหลี่นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวที่ไร้จุดหมาย ดังนั้นเมื่อเขากระโดดอย่างสะดุดตานี้ ทุกๆคนต่างก็จ้องมองการกระทำแบบนี้