จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 278
บทที่ 278: โฆษก (หรือผู้สนับสนุนกันแน่นะ?)
นักรบนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวเคาน์เตอร์ที่เป็นภัยกับโจรทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาพแบบนี้
หมุนตาซ้ายนั้นแทบจะหมดหวังที่จะออกจากการต่อสู้ครั้งนี้ แต่มันก็ไม่มีทางออกอะไรมากให้กับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะถูกรักษาจากดรูอิดแล้วละก็ เขาอาจตายไปนานแล้วก็ได้
ตอนนี้ มันได้กลายเป็นศึกระหว่าง DPS 2 คนกับ 2 ฮีลเลอร์ของทั้งสองทีม ซึ่งยังคงเหลือทั้งหมุนตาขวาและลูหลี่สองคนที่ยังคงอยู่ในโหมดล่องหนและคอยสังเกตสถานการณ์
บนสนามแข่งขันในตอนนี้ มันดูเหมือนราวกับว่าการต่อสู้ได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามผู้เล่นที่เชี่ยวชาญอาจเห็นได้ชัดว่ามูนไลท์นั้นมีพลังเหนือหมุนตาซ้ายและนั้นทำให้สมาคมหน่วยสืบราชการลับอิมพิเรียลเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่นักรบสามารถเคาน์เตอร์โจรได้ก็เป็นเพราะ ความสามารถในการทำให้เลือดออกและทำให้สโลว์
ลูหลี่สามารถเอาชนะมูนไลท์ได้ก็ เนื่องจากเขามีความคล่องแคล่ว อัตราความสำเร็จทักษะที่สูง รวมทั้งผลของการเจาะเกราะและทักษะควบคุม ซึ่งมันก็มีทั้งอัมพาตและสตัน
หมุนตาซ้ายไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เกิดเอฟเฟคเจาะเกราะได้และไอเท็มของเขาก็อ่อนแอกว่าของลูหลี่อย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีการรักษาจากดรูอิด ช่วยพยุง HP ของเขา แต่มันก็ยังคงลดลงและลดลงอย่างรวดเร็วจนถึง 50%
จากนั้นกล้องก็ได้หันไปหาลูหลี่และหมุนตาขวาบนหน้าจอขนาดใหญ่
ลูหลี่นั้นคอยมองอย่างตั้งใจราวกับเสือภูเขาที่กำลังคอยขย้ำใส่เหยื่อที่หลงมา ในขณะเดียวกันหมุนตาขวาก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา
ทุกคนรู้ได้เลยว่าทันทีที่เป้าหมายของเขาปรากฏตัวขึ้นมา เขาจะปลดปล่อยความโกรธออกมาและฉีกกระชากเหยื่อให้ขาดเป็นเสี่ยงๆ
แม้ว่าหมุนตาขวานั้นจะฉลาดมากและใจเย็นกว่าเพื่อนร่วมทีมของเขา แต่เขาก็ต้องมีเวลาที่เขาคิดอะไรไม่ออกเช่นกัน บนหน้าจอขนาดใหญ่ ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหมดทางไปต่อ
เขาควรจะช่วยพวกเขาดีไหม?
โจรทั้งสองคนสามารถจัดการมูนไลท์ได้หากเขาอยู่คนเดียว แต่ความจริงที่ว่าลูหลี่นั้นซ่อนอยู่ในเงามืด นั้นทำให้หมุนตาขวาลังเลมาก
ซึ่งในตอนนี้หมุนตาซ้ายกำลังจะพ่ายแพ้
เขายังคงไพ่ตายสุดท้ายซึ่งอยู่ที่เอฟเฟคพิเศษของกางเกงเขา เมื่อ HP ลดลงเหลือ 20% เขาจะได้รับผลเอฟเฟคบ้าคลั่ง มันจะช่วยเพิ่มความเสียหายที่ทำได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เขารู้เลยว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลย
ซึ่งลูหลี่นั้นก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วและวางแผนที่จะจัดการหมุนตาซ้ายทันทีที่ HP ลดลงเหลือ 20% การที่หมุนตาซ้ายนั้นจะถูกฆ่าทันที เขาจะไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลย
หมุนตาขวาตระหนักได้เลยว่า เขาไม่สามารถเสียเวลาได้อีกแล้วและตัดสินใจที่จะเข้าโจมตี เขาเลือกที่จะโจมตีไปที่มาสเรนแทนที่จะเป็นมูนไลท์
"ทำไมเขาถึงเข้าไปโจมตีฮีลเลอร์แทนที่จะไปช่วนหมุนตาซ้ายกันครับ?" จาง เจิ้นถาม
"เขาคงพยายามที่จะฆ่านกสองตัวด้วยปืนกระบอกเดียว โดยการที่กำหนดเป้าหมายไปที่ฮีลเลอร์และทำให้เธอตาย ซึ่งนั้นจะทำให้มูนไลท์ละออกไปจากการต่อสู้เพื่อไปช่วยเธอและนั้นจะถือว่าเป็นการช่วยหมุนตาซ้ายเช่นกันครับ นอกจากนี้หมุนตาขวาก็ไม่สามารถจัดการนักรบลงได้ในระยะเวลาที่จำกัดเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อลูหลี่ได้ปรากฏตัวออกมา การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงจะจบลงแล้วครับ "สายลมแห่งความมืดอธิบาย "ซึ่ง HP ของมาสเรนในตอนนี้ก็ถือว่าค่อนข้างต่ำมากเลยครับ เธอเหลือ HP เพียง 60% เท่านั้น "
"งั้นคุณคิดว่าหมุนตาขวาคิดว่าเขาจะสามารถจัดการมาสเรนได้ทันไหม?" จาง เจิ้นถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าเขาจะได้เห็นการต่อสู้สามครั้งที่มีจุดเด่นอยู่ที่มาสเรน แต่จาง เจิ้นก็ประทับใจเรื่องของเธอมามากแล้ว
นักบวชตัวน้อยคนนี้ยังคงไม่มีประสบการณ์ในหลายๆด้านของการ PVP แต่เธอก็เข้าใจความสามารถในการเอาชีวิตรอด แม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายทั้งทีมมุ่งเป้ามาที่เธอก็ตาม
"หมุนตาขวาคงคิดว่าเขาทำมันได้ได้" สายลมแห่งความมืดกล่าวขณะที่เขายิ้ม
หมุนตาขวาไม่ได้เป็นผู้เล่นมือใหม่ การทำแบบนี้มันถือว่าเป็นความหวังเดียวของเขาในการเปลี่ยนผลแพ้ชนะ เขารู้สึกเสียใจอย่างมากกับแผนแรกของพวกเขา แทนที่จะลังเลแบบนั้น สู้เอาโจรสองคนพุ่งไปโจมตีนักบวชแต่แรกและพยายามที่จะจัดการเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้คงจะดีกว่า
ทันทีที่เขาเปิดเผยตัวเองลูหลี่ก็เคลื่อนที่มาเช่นกัน
เป้าหมายของลูหลี่คือหมุนตาซ้ายที่ซึ่งถูกมูนไลท์ทำให้อ่อนแอลงแล้ว
ชาปช็อต สุ่มโจมตี กรีดคอ
ด้วย HP ที่น้อยของหมุนตาซ้าย เขาก็ถูกฆ่าตายในทันที
อย่างไรก็ตาม HP ของมาสเรนก็ลดลงไปเรื่อยๆอย่างไม่เป็นอันตรายมากนัก
ทุกคนมีไพ่ตายของพวกเขาเองและขณะเดียวกันหมุนตาซ้ายก็มีอยู่เหมือนกัน เขามีสองอย่าง หนึ่งเป็นเอฟเฟคบ้าคลั่งจากไอเท็มของเขาและอีกอย่างคือคิดไนท์สไตรค์!
ทักษะคิดไนท์สไตรค์ระดับสูงสุดสามารถทำให้ศัตรูติดสตันได้นานถึง 6 วินาที
ภายใน 6 วินาทีเขาสามารถลด HP ของมาสเรนลงไปในระดับวิกฤตได้
อย่างไรก็ตามหลังจากมาสเรนฟื้นตัวจากอาการสตัน เธอก็ป้องกันตัวเองและใช้ทักษะต้านทานของเธอ
หมุนตาขวารู้ได้เลยว่าโอกาสสุดท้ายของเขาได้หมดลงแล้วและก็คงเลือกได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ได้จบลง ลูหลี่และสมาชิกในทีมก็ได้รับรางวัลจากการชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง การต่อสู้ไม่ได้กินเวลานานนัก เพราะฝ่ายตรงข้ามของพวกเขานั้นไม่มีคนแข็งแกร่งมากนัก
การต่อสู้รอบที่ 20 นั้นถือว่าเป็นสัญญาณถึงจุดสิ้นสุดของการแข่งขันในแต่ละวัน
บัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งหมดของทีมลูหลี่จำนวน 10 รอบได้ถูกขายหมดยกเว้นการแข่งขันรอบที่15
มีผู้ชมมากกว่า 100,000 คนต่อการแข่งขันและค่าธรรมเนียมการเข้าชมคือ 10 เหรียญเงินซึ่งเท่ากับ 10,000 ดอลลาร์โดยคิดเฉพาะกำไร
ทีมที่เข้าร่วมสนามจะได้รับ 10% ของกำไรนี้และส่วนที่เหลือถูกแบ่งระหว่าง สหพันธ์นักเล่นเกมผู้เชี่ยวชาญ บริษัทอาเซียนฟิลม์และบริษัทเกม
หนึ่งในสิบของ 10,000 เหรียญทอง นั้นหมายความว่าทีมของลูหลี่จะได้รับเหรียญทั้งหมด 1000 เหรียญ
ตามกฏของสมาคมแล้ว แต่ละทีมจะได้รับ 2% ของจำนวนเงินที่ได้รับทั้งหมดในขณะที่ คนระดับสูงของสมาคมจะได้รับตามลำดับ
ซึ่งลูหลี่นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมและเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างของเขาเอง
ดังนั้นลูหลี่และพเนจรจึงเห็นด้วยกับการเก็บไว้ 60% ในขณะที่อีก 40% จะถูกเก็บสะสมในที่จัดเก็บของกลุ่มทหารรับจ้างสำหรับการระดมทุนในอนาคต
ผลกำไรรวม 5000 เหรียญทอง นั้นหมายความว่าลูหลี่ มูนไลท์และมาสเรนได้รับเหรียญทอง 1000 เหรียญต่อรอบ
นี่เท่ากับ 10,000 ดอลลาร์ ในชีวิตจริง
อีกสองทีมที่เหลือก็ได้จบการแข่งขันทั้งวันแล้วและก็ได้มารวมตัวกัน ทีมของอาเซอร์ซีบรีสนั้นยังไม่พ่ายแพ้เลย ในขณะที่ทีมของพนเจรนั้นพ่ายแพ้ไปเพียงครั้งเดียว
เนื่องจากอีกสองทีมจากกลุ่มทหารรับจ้างซินซินก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ตั๋วพวกเขาก็จึงถูกขายหมดเช่นกัน
ทีมของลูหลี่ทำไปได้ทั้งหมด 5000 เหรียญทองและอีก 2 ทีมทำยอดรวม 3,000 เหรียญทอง
ความฝันที่เหลืออยู่ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันดูเหมือนจะอิจฉาพวกเขามากๆ อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าเธอไม่ต้องการเงิน เพราะภูมิหลังของเธอนั้นก็มั่งคั่งอยู่แล้ว
แต่ใครกันจะไม่ชอบเงิน? ถ้าเด็กนักเรียนระดับมัธยมปลายอย่างความฝันที่เหลืออยู่สามารถประหยัดเงินได้มากพอที่จะเรียนวิทยาลัยได้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ของเธอก็คงจะภูมิใจกับเธอมาก
แม้แต่ฮาชิจังก็ได้รับเงินรางวัล 600 เหรียญทอง ซึ่งมันก็สามารถเป็นเงินที่คุณจะสามารถใช้ในชีวิตจริงได้
ซึ่งการแข่งขันในวันพรุ่งนี้จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
"มีคนติดต่อฉันและขอให้ฉันเป็นโฆษกของ ดุกโด้ช็อกโกแลต แต่ฉันปฏิเสธไป" ฮาชิจังกล่าวขณะที่เธอส่งเงินครึ่งหนึ่งที่เธอชนะได้ให้แก่ความฝันที่เหลืออยู่ตามสัญญาที่เคยให้ไว้
"ทำไมเธอถึงปฏิเสธข้อเสนอนั้นล่ะ?" ดวงตาของมูนไลท์เบิกกว้างขึ้น
การเป็นโฆษกสำหรับบางสิ่งบางอย่างเป็นงานที่ดูสมบูรณ์แบบมากสำหรับสาวน้อยเช่น ฮาชิจัง มันจะทำให้ง่ายขึ้นและเงินค่าจ้างก็ดูดีมากด้วย
ถึงแม้ว่ากำไรจากค่าธรรมเนียมจะค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบกับเงินที่ได้จากการสนับสนุนและบริษัทต่างๆ
การเป็นโฆษกของแบรนด์นานาชาติของช็อกโกแลตนั้นแทบจะจ่ายเงินเป็นล้านๆต่อปี
"เพราะพวกเขากล่าวว่าฉันเป็นคนโง่" ฮาชิจังพูดออกมาด้วยความโกรธ "ฉันเคยลองกินช็อกโกแลตพวกนี้มาก่อนและฉันเกลียดมัน ใช่ไหมความฝัน?
ความฝันที่เหลืออยู่ต้องพยักหน้าตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะเธอเพิ่งได้รับเหรียญทองจากเพื่อนของเธอ
เธอวางแผนที่จะกินช็อกโกแลตดุกโด้ที่ซ่อนอยู่ในห้องของเธอ เพื่อที่ฮาชิจังจะไม่เห็นมัน
"ฉันคิดว่าคำว่า คนโง่ นั้นจะเป็นคำชมเชยนะ" ฮาเซอร์ซีบรีสนั้นเหมือนกับคนแก่มาก เมื่อเขากำลังคุยกับโลลิเช่นฮาชิจัง
"ฉันก็ได้รับเชิญให้เป็นโฆษกของพวกเขาด้วยเหมือนกัน" มาสเรนกล่าว
เธอมองไปที่ปฏิกิริยาของทุกคนแล้วมองไปที่ดอกไม้อ้างว้างซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ
"ฉันก็ทำได้ดีเหมือนกันน่ะ
ดอกไม้อ้างว้างพูดขึ้นมาพร้อมกับลูบหัวน้องสาวของเขา "เราค่อยจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลังล่ะกัน บางทีเราคงจะสามารถย้ายไปบ้านที่ดีกว่านี้ได้ "
"ทำไมฉันถึงไม่ถูกเชิญให้ไปแบบนั้นบ้างน่ะ?" อาเซอร์ซีบรีสกล่าวออกมาเพราะรู้สึกอิจฉา
"ฉันก็ไม่ได้รับคำเชิญด้วยเช่นกัน ฉัน ... ฉัน ... " พเนจรรู้สึกโกรธมาก ชื่อเสียงของเขาในฐานะหนุ่มหน้าตาดีกำลังจะลงไปในท่อระบายน้ำแล้ว ...
ลูหลี่ก็ยังไม่ได้รับคำเชิญเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางที่จะยอมรับข้อเสนอของบริษัท เพราะพวกเขาต่างก็ไม่หวังดี
โดยปกติแล้วทีมที่มีความมั่นใจในการเข้าไป16 อันดับสุดท้ายจะปฏิเสธข้อเสนอการให้การสนับสนุนส่วนใหญ่จากบริษัทต่างๆ เนื่องจากจะสูญเสียเงินอย่างมาก หากพวกเขายอมรับข้อตกลงในการให้การสนับสนุนในการแข่งขันครั้งก่อน