จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 274
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 274: ใครคือลูหลี่?
การแข่งขันที่ผ่านมาของลูหลี่นั้นไม่ได้ถูกละเลยไปโดยสิ้นเชิง
มีผู้เล่นเกือบร้อยล้านคนในเกมรุ่งอรุณจากประเทศจีนเพียงประเทศเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาจะมีแฟนคลับที่แสนซื่อสัตย์
พวกเขาคอยตามเฝ้าดูลูหลี่อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเขาจะได้เข้ารอบชิงในตอนไหน
ทุกคนคาดหวังว่าเขาคงจะต้องได้เข้ารอบเป็นทีมแรกหรือไม่ก็สิบทีมแรก แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองอย่างที่กล่าวมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นเลย เขาไม่ได้เป็นแม้แต่ร้อยทีมแรกหรือแม้กระทั่งพันทีมแรกเลย...
ใครจะคิดกันล่ะว่าพวกเขาจะยืดเวลาการแข่งขันนานจนกระทั่งพวกเขานั้นเข้ารอบเป็นทีมที่ 6000
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่คนมากมายต่างก็คอยเฝ้าดูและให้ความสนใจกับการเข้ารอบนี้
ทันทีที่ทีมลูหลี่ปรากฏตัวขึ้นมา แฟนคลับหลายๆคนก็รู้ได้เลยว่าเวลาที่พวกเขารอคอยนั้นได้มาถึงแล้ว
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
คนประมาณสี่พันคนซื้อตั๋วและเข้าชมการแข่งขันรอบที่ห้าสิบของลูหลี่ในทันที
อีกทั้งยังมีคนอีกเกือบหมื่นคนที่ชื้อตั๋วเข้าไปเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้รวมกันจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 8,000-9,000 เหรียญทอง
อย่างไรก็ตามปัญหาที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น แม้กระทั่งเจ้าภาพที่จัดการแข่งขันถ้วยเงาก็ไม่ได้เตรียมตัวไว้
คนที่เข้ามาช่วงแรกนั้นต่างก็รู้สึกพอใจมาก พวกเขารู้สึกเหมือนได้เห็นการแข่งขันที่น่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้ามาในภายหลังนั้นโชคร้ายหน่อย ทั้งหมดที่มองเห็นผ่านสายตาพวกเขามีแต่สนามแข่งขันที่ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
เราใช้เงินของเราเพิ่อมาชมการแข่งขันนี้ แต่สิ่งที่เราเห็นก็คือสนามต่อสู้ที่ว่างเปล่า
การแข่งขันนี้จบเร็วเกินไป
สนามรบนั้นมีพื้นที่ๆค่อนข้างเล็ก ผู้เล่นที่ชื้อตั๋วเข้ามาชมตอนแรกนั้นต่างก็ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการแข่งขันในทันที ทีมฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะจบการแข่งขันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กับ โจรและนักเวทย์ต่างก็มุ่งเป้าหมายไปที่มาสเรน นั้นจึงเป็นเหตุผลที่บังคับให้ลูหลี่และมูนไลท์ต้องปลดปล่อยความแข็งแกร่งเต็มที่ออกมา
เกมรุ่งอรุณมีระบบรายงานอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งการแจ้งเตือนระดับสูงไปยังคณะเจ้าภาพ หากมีผู้เล่นส่งรายงานเกี่ยวกับการแข่งขันมากเกินไป
ไม่มีทางแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้เลยในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่คณะเจ้าภาพจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการเล่นวิดิโอการแข่งขันอีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนที่ชื้อตั๋วมารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทีมฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่สามารถต่อกรกับลูหลี่และสมาชิกในทีมของเขาได้ เพียงแค่มูนไลท์คนเดียวใช้ลมกรดก็เกือบจะฆ่าผู้เล่นสองคนได้แล้ว
หลังจากเล่นรีเพลย์การแข่งขันแล้ว ระบบก็ได้ส่งทุกคนออกมา ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังคงมีบางคนที่ขอรีเพลย์การแข่งขันนั้นอยู่
"พี่ชายจาง รีบหานักพากย์มาวิเคราะห์เกมนี้เร็ว!" บัณฑิตคนหนึ่งได้ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นที่แผนกกลุ่มถ้วยเงาซึ่งรับผิดชอบการแข่งขันถ้วยเงา
เขานั้นเป็นวัยรุ่นที่ไม่ทราบวิธีการพูดคุยอย่างเหมาะสม ดังนั้นแล้วทั้งกิริยาท่าทางของเขาและน้ำเสียงของเขาจึงดูหยาบกระด้าง
เมื่อได้ยินบัณฑิตหนุ่มพูดอย่างนั้น ผู้ดูแลเรื่องนี้ก็ได้ชะงักแล้วค่อยตอบว่า "คนหนุ่มสาวสมัยนี้ระงับอารมณ์กันไม่เป็นเลยน่ะ มันก็แค่พวกเขาชนะการแข่งขันเอง พวกเราจะรอจนกว่าพวกนั้นจะเข้ารอบสิบหกคนก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน "
"อะไรนะ!" ชายหนุ่มเกือบจะกระโดดออกมาจากจุดที่ตัวเองอยู่และตะโกนออกมาว่า "คุณไม่ได้มีนักพากย์สักคนสำหรับการแข่งขันของลูหลี่เลยงั้นเหรอ?"
โชคดีที่ชายหนุ่มคนนี้ยังเป็นคนที่ค่อนข้างมีเหตุมีผลและไม่ได้พูดสิ่งที่เขาคิดออกมา
ไอ้โง่เอ้ย!
"จะสับสนวุ่นวายอะไรกันขนาดนี้? ถ้าคนๆนั้นเป็นลูหลี่แล้วมันยังไง? เขาไม่ได้อยู่ในระดับของผู้เชี่ยวชาญเลย ลองมองดูที่นักพากย์ทั้งหมดสิ พวกเขาทุกคนต่างก็ถูกส่งออกไปและไม่มีใครว่างเลย " ผู้ดูแลนั้นรู้สึกประทับใจในตอนแรกที่การแข่งขันนั้นจบลงอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็เริ่มรู้สึกรำคาญกับความจริงที่ว่าเด็กฝึกงานคนนี้กำลังพูดกับเขาราวกับกำลังจะสั่ง
ลูหลี่ มูนไลท์และมาสเรน พวกเขาต่างก็เป็น ID ที่เขาไม่รู้จักเลย
"ระดับผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ? อะไรที่เรียกว่าระดับผู้เชี่ยวชาญว่ะ? พวกเขาไม่มีอะไรเลยถ้าได้เทียบกับลูหลี่!" ด้วยความที่เขานั้นพึ่งเป็นเด็กฝึกงาน เขาจึงไม่รู้ว่าความน่ากลัวคืออะไร ดังนั้นเขาจึงกระแทกโต๊ะขณะที่ลุกขึ้นยืนและพูดออกมา
ไม่มีใครสักคนเลยที่จะกล้าพูดหยาบคายกับหัวหน้าของตนเองต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของเด็กฝึกงานนั้น ลูหลี่ก็เปรียบเสมือนกับพระเจ้าและไม่มีทางที่เขาจะยอมให้คนอื่นมากล่าวหยาบคายถึงตัวของลูหลี่
"แก...... แก...... " ใบหน้าของผู้ดูแลจางกลายเป็นสีแดงขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า "ไสหัวออกไปซะ! ฉันจะรอดูเลยว่าแกจะสามารถทำอาชีพอะไรได้ หลังจากออกจากงานที่นี้ไป "
"ฮ่าๆ ผมไม่ห่วงเรื่องการหางานของผมหรอก ถ้าในกรณีที่มันเลวร้ายที่สุด ผมก็คงจะเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ จากที่ผมดูเจ้าภาพผู้จัดการแข่งขันเงาแล้ว ผมแทบจะคิดขึ้นมาได้ทันทีเลยว่าตำนานร้อยกว่าปีนั้นไม่เห็นจะมหัศจรรย์เท่าที่พวกคุณคิดตรงไหนเลย ผมยิ่งละอายใจมากกว่าเดิมเสียอีกที่ได้ฝึกงานที่การแข่งขันถ้วยเงานี้ "ชายหนุ่มหัวเราะและถือกล่องไว้ในมือขณะที่เดินออกไป
"เดี๋ยวก่อน มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี้ย?" ชายวัยกลางคนที่มีทรงผมแบบเสยข้างได้เดินเข้ามาในห้องก่อนที่เด็กฝึกงานจะออกไปพอดี บางทีเขาอาจได้ยินเสียงโกรธของเด็กฝึกงานก็ได้ เขาจึงได้หยุดไม่ให้เขาออกไป
"หลีกทางหน่อย ถ้าผมอยู่ที่นี่อีกวินาทีมันคงจะทำให้ผมอ้วกออกมา "
ชายหนุ่มคนนี้ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการแข่งขันถ้วยเงาแล้ว ดังนั้นในตอนนี้ทุกคนที่ผ่านมาให้เขาเห็นหน้าล้วนน่ารำคาญทั้งนั้น
"บอกฉันมาสิว่านายหมายความว่าอะไรที่พูดว่า 'การแข่งขันถ้วยเงาไม่น่าอัศจรรย์เท่าที่คิดหรอก' ทุกๆคนมารวมกันหน่อยสิ มาฟังเรื่องนี้ด้วยกันที"
ชายวัยกลางคนนั้นไม่โกรธหนุ่มวัยรุ่นเลย เขาโบกมือและเรียกทุกคนในห้องทำงานวงกลมให้ลุกขึ้นยืน
"ท่านรองประธานจ้าว"
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาในห้องนี้มีความสำคัญมาก
"ยินดีที่ได้พบท่าน ท่านรองประธานจ้าว ถ้าผมรู้ว่าท่านจะมาผมก็คงจะออกไปต้อนรับแล้ว "
ผู้ดูแลจางเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและใบหน้าของเขาก็ยกยิ้มออกมา
"เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?"
แม้ว่าน้ำเสียงของเขายังคงดูอบอุ่นอยู่ แต่ทุกคนที่นี้ก็รู้ดีว่าน้ำเสียงของรองประธานนั้นสามารถรู้สึกถึงความโกรธที่อยู่ในคำพูดของเขาได้
การแข่งขันถ้วยเงาเป็นที่รู้จักมานับร้อยปีและเป็นตำนานแห่งโลกธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่โกรธเมื่อมีคนพูดไม่ดีเกี่ยวกับกลุ่มผู้จัดการแข่งขันถ้วยเงา
ผู้ดูแลจางไม่ได้รอให้นักศึกษาฝึกงานพูดและอธิบายเองว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ...... "
ห้องทำงานนี้มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดในชั้นนี้และมีหลายคนที่ตั้งใจจะฮุบตาแหน่งของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเล่าเกินจริงเลย
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็มีทางที่จะเป็นไปได้ตามที่เขาต้องการ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิธีการที่เขาพูดออกมาเท่านั้นเอง
การสังเกตการแสดงออกของคนอื่นและการปรับเปลี่ยนถ้อยคำการพูดนั้นมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะใช้ประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาในการใช้วาจาหลากหลายอย่าง แต่สิ่งที่เขาพบว่ามันแปลก ก็คือเพื่อนร่วมงานของเขาที่ถูกประธานจ้าวรวมตัวกันมาฟังเขานั้นต่างก็มองมาที่เขาด้วยความรู้สึกสงสาร
เขาเกลียดการถูกมองแบบนี้จากคนอื่นๆ มันรู้สึกเหมือนกับว่าเขานั้นลืมใส่ชุดออกมาก่อนออกจากบ้าน
"สำหรับการแข่งขันถ้วยเงาแบบนี้แล้วมัน... "
นักศึกษาฝึกงานนั้นไม่ได้พยายามแก้แค้นเรื่องนี้ด้วยการโกหกเล็กๆน้อยๆเลย ในขณะที่ผู้ดูแลจางนั้นเริ่มหลุดคำพูดออกมา "ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้วจะมีการแข่งขันครั้งต่อไปไหมนะ?" เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจอะไรเลย
"ช่างน่าอับอายจริงๆ " ใบหน้าของรองประธานจางขมวดเล็กน้อยขณะที่เขานั่งลงไปบนเก้าอี้หนัง ข
"รองประธานจ้าว ...... " ผู้ดูแลจ้างนั้นไม่ได้โง่และตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว
"แกไม่รู้จักลูหลี่งั้นเหรอ?"
รองประธานจ้าวยังคงพยายามที่จะตรวจสอบเรื่องที่เขาสงสัยอีกครั้ง
"ลู...... ลูหลี่" ผู้ดูแลจางเริ่มทีเหงื่อที่หน้าผากของเขาไหลลงมา
"ผมจะไปหาข้อมูลของเขาหลังจากที่ผมกลับไปที่บ้านครับ"
เขาไม่กล้าพูดโกหกและแสร้งทำเป็นว่าเขารู้จักอย่างแน่นอน เขาสามารถพยายามที่จะหลอกประธานได้ แต่มันไม่แน่นอนหากเป็นรองประธาน เขาได้เห็นมาด้วยตาของตัวเองถึงสิ่งที่รองประธานนั้นได้ทำเพื่อปีนขึ้นสู่ตำแหน่งปัจจุบันของเขา
"ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเองหรอก เพราะว่าแกจะต้องไปรายงานเรื่องนี้ทีหลังกับผู้จัดการเฉียน โอ้ใช่สิ และรีบบอกเขาด้วยน่ะ ฉันต้องการเห็นจดหมายลาออกของเขาในการประชุมครั้งหน้าของบริษัทในช่วงสุดสัปดาห์นี้ "รองประธานจ้าวกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่อารมณ์ของเขากลับเป็นปกติและท่าทางที่ดูรุนแรงขึ้น
ช่างเป็นการกระทำที่แสนเย็นชาจริงๆ เขาไม่ได้แม้แต่จะใส่ใจที่จะจัดการกับผู้ดูแลจางเลย แทนที่เขาจะตรงไปจัดการกับปัญหานี้่โดยตรง แต่เขากลับไปแก้ปัญหาที่ผู้จัดการของผู้ดูแลจางแทน
แม้แต่คนที่อยู่ด้านบนสุดของสังคมแล้ว ตำแหน่งผู้จัดการในแผนกเกมของการแข่งขันถ้วยเงานี้ก็เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการปีนขึ้นมา ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะใช้ทั้งเวลาและความพยายาม แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้ามาสู่ตำแหน่งนี้ได้ แต่อาชีพของใครบางคนกำลังจะจบลงด้วยประโยคเดียว
หลายบริษัทชอบที่จะข่มขู่พนักงานของกลุ่มผู้จัดการแข่งขันถ้วยเงาด้วยการเสนอเงินเดือนที่สูงมากกว่าเดิม เพราะพวกเขาต่างก็เป็นคนมีพรสวรรค์ที่มีมูลค่าสูงนักหนา
อย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆไม่ค่อยที่จะจ้างคนที่ถูกไล่ออกจากกลุ่มผู้จัดการแข่งขันถ้วยเงา ดังนั้นแล้ว บรรดาผู้ที่ถูกไล่ออกจากคณะผู้จัดการแข่งขันถ้วยเงาจะไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งเลย
ถ้าผู้จัดการของเขาถูกไล่ออก แล้วเขาล่ะจะเป็นยังไง?
ในสมองของผู้ดูแลจางตอนนี้กำลังยุ่งเหยิงอย่างมาก มันราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังโฟกัสไปที่จุดๆเดียว
ใครมันคือลูหลี่กันวะ?