จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 270
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 270: นักบวชที่วิ่งเป็นวงกลมรอบเสา
ลูหลี่ไม่ต้องการที่จะฆ่าชาแมน
เพราะว่าการที่ชาแมนยังมีชีวิตอยู่จะทำให้นักเวทย์และนักรบยังคงมีความเชื่อมั่นและความหวังอยู่ ตามธรรมชาติแล้ว มันจะทำให้พวกเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
อีกทั้งการทดสอบครั้งก่อนหน้านี้ยังดูคลุมเครืออยู่
ตอนนี้ HP ของมาสเรนก็ได้ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว นั้นจึงได้ทำให้แรงฮึดสู้ของนักเวทย์และนักรบเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก พวกเขาต้องพยายามอีกเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะฆ่านักบวชนี้ จากนั้นพวกเขาก็จะไปช่วยฮีลเลอร์ของพวกเขาและชนะการแข่งขันนี้ด้วยการต่อสู้สามต่อสอง ...
สำหรับเหตุผลที่ลูหลี่และมูนไลท์ไม่ได้ช่วยฮีลเลอร์ของพวกเขา บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาอาจจะเป็นแค่มือใหม่
'ต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน' ทั้งสองคิดในใจอย่างมั่นใจ
จากนั้นมาสเรนก็โดนโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความต้องการสังหาร มีหลายต่อหลายครั้งที่นักเวทย์เกือบจะฆ่าเธอได้แล้ว
ค่าสถานะของนักเวทย์นั้นไม่สูงมากนัก แต่อุปกรณ์ของเขาต้องให้โบนัสพิเศษบางอย่างแก่เขา เนื่องจากการโจมตีของเขานั้นติดคริติคอล มันจึงได้สร้างความเสียหายอย่างมากแก่มาสเรน
นอกจากนี้พวกเขายังตระหนักว่าทั้งเทคนิคและความตระหนักเกี่ยวกับเกมของมาสเรนนั้นยังขาดไปอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวางตำแหน่งของเธอนั้น ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะเคลื่อนที่ไม่มากพอเลย
จากนั้นไม่นานนัก นักเวทย์ก็เลิกใช้ทักษะที่ใช้งานได้ทันทีและไปใช้ทักษะที่ต้องร่ายแทน
ความสามารถของทักษะที่ต้องร่ายนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าทักษะที่ใช้งานได้ในทันที นั้นจึงทำให้ความกดดันของมาสเรนมีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
"นี้เป็นอะไรที่มากเกินไปหรือเปล่า?" มูนไลท์คิดว่าเธอไม่สามารถรับมันได้แน่ ตอนนี้ที่เขาสามารถทำได้อย่างดีที่สุดก็แค่การรบกวนนักรบโดยที่เขาต้องไม่ฆ่านักรบนั้น
"ไม่เป็นไรหรอก มาสเรนแข็งแกร่งมากกว่าที่นายคิด " ลูหลี่ตอบกลับอย่างใจเย็น
"โอเค ฉันแค่กังวลว่าเธออาจจะไม่สามารถรับความเสียหายจากการโจมตีทั้งหมดนี้ได้ ถ้าเธอตาย ... " มูนไลท์ก็ยังถามในขณะที่เขายังคงตามรบกวนนักรบต่อไปและหยุดพูดเมื่อรู้ว่าการทดสอบแรงกดดันของลูหลี่นั้นมีประสิทธิภาพขนาดไหน
เนื่องจากความกลัวที่จะทำให้เกิดความล้มเหลวที่ไม่คาดคิดขึ้น จึงไม่มีทีมใดเลยที่กล้าฝึกในการแข่งขันเช่นนี้
คงจะมีก็เพียงแต่ลูหลี่และกลุ่มทหารรับจ้างซินซินที่มีเลเวลมากกว่า 25 ที่กล้าทำเช่นนี้
"เธอต้องพัฒนาและสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างมากกว่านี้ แม้แต่ความตายก็ตาม" ลูหลี่ตอบกลับไปด้วยความเอาใจใส่
เทคนิค PVP ของเขาส่วนหนึ่งก็มาจากการต่อสู้ที่หลากหลายในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามเทคนิคหรือทฤษฎีใดๆที่มีคนสร้าง นั้นเพราะเขามุ่งมั่นที่จะหาบางสิ่งบางอย่างที่สมบูรณ์แบบด้วยตัวของเขาเอง
และเทคนิคอีกส่วนหนึ่งก็มาจากกฏประจำตัวของเขาเอง
เมื่อตอนที่เขาเข้าเกมรุ่งอรุณได้ปีกว่า ในฐานะสมาชิกหน่วยเก็บทอง ทั้งชีวิตของเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยการฆ่าฝูงมอนเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆและเรื่อยๆ ...
ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เขาก็คงอาจจะเป็นสมาชิกหน่วยเก็บทองต่อไป
มันช่างน่าเสียดาย ที่เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นและมีคนเข้ามาหาเรื่องเขา
อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้เล่นสองคนที่วิ่งเข้ามาหาลูหลี่และฆ่าเข้าพร้อมส่งเขากลับไปที่เมือง
ความรู้สึกของการเป็นเหยื่อนั้นทำให้เขาหดหู่มาก
หลังจากที่เขาถูกสังหารแล้ว เขาก็ได้ส่งข้อความไปหาคนที่ฆ่าเขาเพื่อถามเหตุผล (ผู้เล่นที่ตายไม่สามารถพูดได้ แต่ยังสามารถส่งข้อความได้) การตอบกลับมาของพวกเขานั้นได้เปลี่ยนชีวิตของลูหลี่ไป
เราจำเป็นต้องมีเหตุผลในการฆ่าคนที่กระจอกแบบแกด้วยเหรอ?
จากตอนนั้นเป็นต้นมา ลูหลี่ก็ไม่เคยเชื่อว่าการเป็นสมาชิกหน่วยเก็บทองนั้นเป็นอาชีพที่ดี
เขาได้ศึกษาและใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดตลอดเวลาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดมากมายที่ใช้กันในสังเวียน
เขาลืมชื่อของผู้เล่นที่ฆ่าเขามานานมากแล้ว มิฉะนั้นเขาก็คงจะต้องฆ่าพวกเขาสักสองสามครั้งในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ควรจะต้องขอบคุณพวกเขาด้วย เพราะหากไม่มีพวกเขาอยู่ ก็คงจะไม่มีเขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะได้กลับมาเกิดใหม่ก็ตามเถอะ
ซึ่งนี้ก็เหมือนกันกับมาสเรน ไม่ว่าเธอจะถูกสังหารในสนามแข่งขันหรือไม่ นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอจะต้องได้สัมผัส
HP ของเธอยังคงลดลงไปเรื่อยๆและหลอดเลือดของเธอก็อยู่ในสถานะวิกฤตมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว อีกทั้งมานาของเธอยังคงลดลงอย่างเห็นได้ชัดและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้ออกมา
มาสเรนรู้สึกว่าเธอนั้นกำลังถูกทำร้าย เพื่อนร่วมทีมที่มีหน้าที่สร้างความเสียหายสองคนของเธอ ในตอนนี้กำลังยืนอยู่ไกลๆและกำลังปล่อยให้นักเวทย์นี้ฆ่าเธอตาย แม้ว่าเธอรู้ว่านี่เป็นแค่การซักซ้อม แต่เธอนั้นก็ถูกทำให้นิสัยเสียเพราะพี่ชายอยู่เสมอและเธอก็ยังไม่เคยรู้สึกหดหู่ใจมาก่อนเลยทั้งชีวิต
ถ้าดอกไม้อ้างว้างเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจะต้องแก้แค้นลูหลี่อย่างแน่นอน
คำกล่าวที่ว่า 'ไหวพริบจะมายามที่คับขัน' อธิบายได้อย่างถูกต้องกับมาสเรนในตอนนี้
เมื่อสถานการณ์เริ่มหมดหวัง เธอก็ได้วิ่งไปที่เสาใกล้ๆ
เธอไปถึงที่นั่นทันเวลาพอดี นั้นทำให้ทักษะของนักเวทย์นั้นล้มเหลวเนื่องจากไม่มีเป้าหมายให้เขาใช้ทักษะใส่
ทั้งนักเวทย์และมาสเรนต่างก็รู้สึกตกใจกับผลลัพธ์นี้
ลูหลี่และมูนไลท์ยิ้มให้กันและถอนหายใจ ในที่สุดสาวน้อยคนนี้ก็ได้ค้นพบความลับนี้แล้ว
อย่างไรก็ตามนักเวทย์ปฏิเสธที่จะยอมรับในเรื่องนี้ เขาคิดแค่ว่านี้มันแค่โชคช่วยที่นักบวชสาวคนนี้ไปยืนหลบอยู่หลังเสาโดยบังเอิญ
ดังนั้นแล้ว เขาจึงปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเขาและเริ่มร่ายเวทย์มนต์อีกครั้งหนึ่ง
แต่ช่างโชคร้าย ที่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรมาสเรนเลย
แม้ว่าในอดีตมาสเรนไม่เคยเล่นเกมมามากมาย แต่เธอก็เป็นคนที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถเข้าใจได้จากข้อมูลที่มีเพียงเล็กน้อย เธอนั้นเก่งมากกว่าลูหลี่ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องการพาเธอเข้าร่วมการแข่งขันนี้
เมื่อมาสเรนห็นว่านักเวทย์เริ่มร่ายเวทย์มนต์อีกครั้ง เธอก็ก้าวไปอย่างใจเย็น
ทักษะของเขาถูกขัดจังหวะอีกครั้งและนักเวทย์รู้สึกหนาวจับใจ
เขาจะต่อสู้แบบนี้ได้ยังไงกัน?!
การฆ่านักบวชนั้นไม่ใช่เรื่องยาก คุณเพียงแค่ต้องใช้ทักษะสตันและให้ผู้เล่นสองคนตั้งใจโจมตีใส่นักบวช
อย่างไรก็ตาม นักรบฝั่งเขากำลังรับมือกับนักรบคลั่งอยู่และฮีลเลอร์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้แม้ว่าจะฟื้นมาจากสถานะแซป นั้นก็เพราะว่าเขามีแต่ทักษะป้องกันเท่านั้น
ถึงแม้อย่างนั้น พวกเขาก็สามารถก้าวมาถึงรอบนี้ได้โดยอาชีพแบบนี้
บางทีนี้อาจจะเป็นรอบที่พวกเขาพ่ายแพ้หรือเปล่า?
พวกเขาทั้งสองคนไล่ล่าและหลบหนีกันเป็นวงกลม จาก HP ที่อยู่ในวิกฤตของ March Rain ได้ฟื้นคืนสู่สภาพเต็มกำลัง
เมื่อนักเวทย์เดินตรงไปหาเธอ มาสเรนก็จะร่ายสกิลหนึ่งขึ้นมา
เงาปีศาจ!
ทักษะเงาปีศาจ ของเธอในตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นแล้ว หากคิดถึงสภาพที่ทักษะเงาปีศาจอยู่ในระดับสูงที่สุดแล้ว มันสามารถทำได้ถึงขนาดที่ฟื้นฟูมานา 50% ทีเดียวเชียว
ลูหลี่เกือบจะปรบมือเมื่อได้เห็นนี้ด้วยสายตาตัวเอง
ประการแรก มาสเรนไม่ได้ร่ายเงาปีศาจ ใส่นักเวทย์หรือนักรบเลย ความเสียหายที่มาจากเงาปีศาจนั้นแทบจะน้อยนิดมากกับนักรบและนักเวทย์ อีกทั้งมันอาจจะตายในทันทีหากโดนโจมตีไปสองสามครั้ง
เพราะฉะนั้นแล้ว เธอจึงร่ายเงาปีศาจใส่ร่างกายของชาแมน
ชาแมนผู้น่าสงสารไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เขาจะป้องกันตัวเองจากเงาปีศาจได้ยังไงงั้นเหรอ?
ประการที่สอง ช่วงเวลาที่เธอร่ายเงาปีศาจนั้นก็สมบูรณ์แบบ
นักเวทย์นั้นกำลังอยู่อีกด้านหนึ่งของเสาเพื่อที่จะพยายามลด HP ของเธอด้วยการร่ายสกิล และเขายังมองไม่เห็นว่าเงาปีศาจนั้นเข้าไปหาชาแมน เนื่องจากเสานั้นบดบังวิสัยทัศน์ของเขาไป
แต่ตอนนี้เขาก็ได้มองเห็นมานาของนักบวชสาวนี้เพิ่มขึ้นจากตอกแรกนั้นเหลือเพียง 30%กลับกลายเป็น 80% แล้ว
บางที 80% อาจจะไปถึง 100% ด้วยซ้ำ
นักเวทย์รู้สึกเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังสิ้นหวังและรีบวิ่งไปหาลูหลี่พร้อมกับทิ้งมาสเรนไว้เบื้องหลัง
ถ้ามันไม่ใช่เพราะความแตกต่างระหว่างเลเวลและอุปกรณ์แล้วละก็ เขาคงจะฆ่ามาสเรนได้ไปนานแล้ว ด้วยสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ เขาคงจะทำได้แต่เพียงรอให้ใครซักคนมาช่วยหรือแก้ไขสถาการณ์นี้เอง
ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องไปช่วยชาแมนเพื่อนเขาก่อน จากนั้นก็โจมตีใส่นักบวชด้วยกัน
และการที่เขาจะช่วยชาแมนได้นั้น เขาก็ต้องตัดสินใจที่จะต่อสู้กับโจร
ซึ่งสไตล์การต่อสู้ของโจรก็เรียกได้ว่านอกรีตที่สุดในเกมรุ่งอรุณ
ซึ่งทั้งสองอาชีพ[โจร,นักเวทย์]นี้ต่างก็มีวิธีการต่อสู้ที่ไร้รูปแบบเหมือนกัน แน่นอนว่ามันไม่เหมือนกับอาชีพอื่้นที่พุ่งใส่กันวัดพลังกันและจบกันแค่นั้น
การฆ่าโจรนั้นง่ายกว่าการจัดการนักบวชงั้นหรือ? บางทีมันก็ใช่ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับสถานการณ์ในตอนนี้
ลูหลี่ถอนหายใจออกมา ผู้ฝึกสอนได้ยอมแพ้กับหน้าที่ของพวกเขาแล้ว ดังนั้นตามธรรมชาติ เขาก็คงไม่มีทางที่จะปล่อยให้นักเวทย์ได้ทำตามที่ตัวเองต้องการ และระยะเวลาการแข่งขันที่กำหนดไว้ 30 นาทีก็เกือบจะหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องรีบทำให้มันจบ
การโจมตีธรรมดาๆของลูหลี่นั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นการโจมตีที่รุนแรงและชั่วร้ายพร้อมกับความสำเร็จสกิลที่สูง
ตอนนี้ชาแมนรู้สึกไม่ยุติธรรมและกำลังคิดว่าลูหลี่นั้นโกงอยู่
ถ้าคุณแสดงให้ฉันเห็นแต่แรกว่าคุณแข็งแกร่งขนาดนี้ ฉันคงจะไม่ดูถูกคุณแต่แรกหรอกนะ