จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 269
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 269: ใช้การต่อสู้เป็นบทเรียน
"ถ้าเขาพยายามที่จะใช้ความกลัวใส่เธอ เธอต้องร่ายฟื้นฟูใส่ตัวเองแล้ว หลังจากนั้นค่อยร่ายทักษะลดความเสียหายใส่ตัวเองต่อ ถ้าในอนาคตเธอมีทักษะที่สามารถลบล้างดีบัพได้ เธอก็สามารถใช้มันเพื่อป้องกันตัวเธอเองได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าทักษะความกลัวของพ่อมดจะแสดงผลในทันทื แต่พ่อมดที่จะต้องใช้ทักษะนั้นก็ยังต้องเลือกเป้าหมายและแสดงท่าทางที่มือบ้างเล็กน้อย ถ้าเธอช่างสังเกตุพอ เธอก็จะมองเห็นมัน "ลูหลี่กล่าวแนะนำมาสเรน
มาสเรนเม้มฝีปากและเริ่มจ้องมองไปที่คทาของพ่อมดอย่างตั้งใจ
หลังจากที่พ่อมดทำท่าทางบนมือของเขาเสร็จแล้ว เขาก็ยกคทาของเขาขึ้นและร่ายสกิลต่อในทันที เมื่อเขาร่ายสกิลนั้นไปแล้ว ทั้งเขาและพาลาดินก็อยากจะร้องไห้ออกมา
นั้นมันเพราะว่ามาสเรนไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากทักษะความกลัวของพ่อมดเลย อีกทั้งเธอยังฆ่ายากยิ่งขึ้นอีกหลังจากที่ถูกทักษะความหวาดกลัว
นอกเหนือจากทักษะฟื้นฟูและทักษะลดความเสียหายแล้ว เธอยังสามารถใช้โล่พลังงานใส่ตัวเองได้อีก
ตามหลักแล้วทักษะความกลัวนั้นถูกใช้เพื่อยกเลิกหรือขัดจังหวะทักษะ เมื่อมาสเรนโดนสกิลนั้นเธอจะวิ่งไปรอบๆดั่งเช่นแมลงวันที่ไร้สมอง แต่ถ้าเธอได้รับความเสียหายใดๆก็ตาม เธอก็จะฟื้นตัวจากสถานะความกลัวกลัว
พ่อมดและพาลาดินต่างก็โจมตีไปที่เธอด้วยความโกรธ แต่ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีแบบประสานกัน พวกเขาก็ทำได้เพียงสร้างความเสียหายแก่ HP ของมาสเรนได้ 60% เท่านั้น
หลังจากฟื้นตัวแล้ว มาสเรนก็เริ่มรักษาตัวเองอีกครั้ง
"เราจำเป็นต้องหาหนังสือทักษะ 'เสียงกรีดร้องจากส่วนลึก' ให้มาส เธอตอบโต้อะไรไม่ได้เลย "ลูหลี่กล่าวสรุปสถานการณ์ที่เขาได้สังเกต
เสียงกรีดร้องจากส่วนลึก เป็นทักษะการสตันของนักบวช หลังจากใช้แล้วผู้เล่น 5 คนภายในระยะ 8 หลาจะติดสถานะสับสน หากผู้เล่นที่โดนนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ดีบัพนี้อาจมีระยะเวลา 8 วินาที
อีกทั้งการใช้ ทักษะเสียงกรีดร้องจากส่วนลึกสามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะได้ในทันที
"ทักษะเสียงกรีดร้องจากส่วนลึกน่าจะดีทีเดียว ฉันจะลองถามเพื่อนของฉันดู เผื่อว่าพวกเขามีมัน" มูนไลท์กล่าวความคิดลึกๆของเขาออกมา
"นอกจากนี้มาสเรนยังมีปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งการยืน เธอยังไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเลย" ลูหลี่กล่าวข้อสังเกตุออกมา
"นั้นเป็นเพราะว่าเธอยังเป็นมือใหม่อยู่ เธอเพียงแค่ต้องเรียนรู้มันอย่างช้าๆ "
มูนไลท์คิดในแง่ดี เขาค่อนข้างพอใจกับผลงานของมาสเรนเลยทีเดียว
"อ่า เราไม่รีบร้อนที่จะจบหรอกนะ เธอใช้เวลานี้ให้เต็มที่เถอะนะ"
ถ้าพวกเขาต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าและเข้าสู่ท็อป 10,000 พวกเขาอาจจะต้องต่อสู้อีกหลายรอบ อีกทั้งมาสเรนยังคงมีโอกาสมากมายที่จะฝึกทักษะและตำแหน่งการยืนของเธอ
ด้วยความสามารถของลูหลี่และมูนไลท์ พวกเขาสามารถไปต่อได้โดยไม่ต้องมีฮีลเลอร์
"นักบวชควรพยายามเผามานาของฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ ถ้าพาลาดินไม่มีมานา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว " ลูหลี่อดไม่ได้ที่จะกล่าวบอกมาสเรนอีกครั้ง
มาสเรนก้าวถอยหลังและร่ายเผาผลาญมานาลงบนตัวของพาลาดิน
พาลาดิน นั้นมีบ่อมานาขนาดเล็กและคูลดาวน์เผาผลาญมานาของมาสเรนก็ค่อนข้างสั้น หลังจากที่มาสเรนได้ร่ายเผาผลาญมานามาสามครั้งติดแล้ว มานาของพาลาดินก็ไม่มีเหลืออยู่เลย
ที่ลูหลี่กล่าวนั้นถูกต้อง เมื่อพาลาดินไม่มีมานา เขาก็ไม่สามารถใช้ทักษะใดๆได้และต้องใช้เพียงแต่การโจมตีปกติเพียงอย่างเดียว
พาลาดินคิดว่าตัวเขาเองเป็นนักรบหรือโจร?
การโจมตีปกติของพาลาดินนั้นสร้างความเสียหายต่ำและความเร็วในการโจมตีของเขาก็ค่อนข้างช้ามาก
เป็นเพียงเวลาไม่นานนัก เขาก็ได้ตระหนักในทันทีว่าความพยายามของเขาที่จะโจมตีนั้นไร้ประโยชน์
พ่อมดไม่กลัวทักษะเผาผลาญมานา เนื่องจากเขาสามารถเรียกสุนัขอเวจีได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ของ มาสเรนนั้นดีมากที่เดียว ด้วยค่าสถานะสติปัญญาของเธอสูงมากจนทำให้ผลของเผาผลาญมานาจากพ่อมดนั้นไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้ เธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวเขา
การต่อสู้ระหว่างพวกเขาดำเนินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ฝ่ายหนึ่งโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งก็รักษาตัวเอง
นอกจากที่เธอรักษาตัวเองแล้ว เธอยังแก้เผ็ดพวกเขาเป็นครั้งคราวด้วยการเผาผลาญมานา นั้นทำให้มาสเรนยังมั่นใจเป็นระยะๆว่าพาลาดินนั้นไม่มีมานามากพอที่จะใช้สกิล
"บ้าเอ้ย เราหนีจากที่นี้กันเถอะ"
ถ้าพ่อมดและพาลาดินไม่รู้ว่ามาสเรนกำลังใช้พวกเขาฝึกอยู่ บางทีสมองพวกเขาคงจะมีอะไรผิดปกติแล้วก็ได้
ตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะฆ่าเธอด้วยความโกรธสุดขีด แต่ตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่า พวกเขาไม่สามารถฆ่าเธอได้ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลยนอกจากยอมรับความพ่ายแพ้และจากไป
นี้ก็เป็นอีกครั้งที่ระบบแจ้งพวกเขาว่าชนะ
"ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?" ลูหลี่ถามด้วยรอยยิ้ม
หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้านี้มาสเรนได้บอกว่าเธอนั้นไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนักและเขาก็ไม่มีทางที่จะเชื่อว่าเธอจะพูดแบบครั้งก่อนในตอนนี้
"มันน่าตื่นเต้นจริงๆเชียว! ถ้าฉันมีเวลามากกว่านี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันสามารถฆ่าพวกเขาทั้งสองคนได้! "
ดวงตาของมาสเรนเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
"แต่เธอไม่ได้มีมานามากพอนะ" มูนไลท์หัวเราะ
"โอ้ใช่แล้ว ฉันไม่มีมานามากพอที่จะอย่างนั้น"
เธอทั้งต้องรักษาตัวเองและโดนสุนัขอเวจีเผาพลาญมานาของเธอไปพร้อมๆกัน นั้นจึงทำให้มาสเรนไม่ได้มีมานามากพอที่จะจัดการพวกเขาทั้งคู่
ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามใช้เวลามากกว่านี้เล็กน้อย มานาของเธอก็คงจะหมดไปแล้ว ...
หลังจากที่พวกเขาออกจากสนามแข่งขัน ระบบก็เริ่มนับถอยหลังอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 15 นาทีพวกเขาก็ได้รับแจ้งให้เข้าสู่สนามแข่งขัน
นักรบ นักเวทย์ ชาแมน
องค์ประกอบอาชีพแบบนี้ค่อนข้างคล้ายกับก่อนหน้านี้ พวกเขามีทั้งความเสียหายทางกายภาพระยะประชิด ความเสียหายเวทมนตร์ระยะไกลและฮีลเลอร์
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มาสเรนนั้นรู้สึกกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้นอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเขาก็คือการฝึกฝน มูนไลท์เข้าไปประจันหน้ากับนักรบฝ่ายตรงข้ามและลูหลี่ก็เข้าไปก่อกวนหมอผีฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่มาสเรนเข้ารับมือกับนักเวทย์ฝ่ายศัตรู
ลูหลี่ใช้ทักษะเสื้อคลุมของเขาเองและปรากฏตัวด้านหลังชาแมนก่อนที่จะใช้แซป
ฝ่ายตรงข้ามซึ่งก็คือนักเวทย์รีบกระโดดเข้ามาคลุกวงในและร่ายพายุหิมะไปในทิศทางที่ชาแมนยืนอยู่ การใช้ทักษะแบบนี้ของนักเวทย์มีจุดมุ่งหมายก็คือการบังคับให้ลูหลี่ยอมสู้กับฮีลเลอร์ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ได้หลบหนีไปแล้วและเฝ้าดูเหตุการณ์นี้จากระยะไกลอย่างสนุกสนาน
มาสเรนยกมือของเธอขึ้นมาและโจมตีไปที่นักเวทย์
นักเวทย์ที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ของพวกเขาต้องการจะที่จะหนีไปก่อนในขณะที่ฮีลเลอร์ฝ่ายเขานั้นโดนแซป แต่สิ่งที่สร้างความสับสนให้กับเขาก็คือ นักบวชของฝ่ายตรงข้ามนั้นซึ่งเป็นฮีลเลอร์มีเหตุผลอะไรถึงเริ่มโจมตีนักเวทย์ก่อนกัน
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้สลับหน้าที่ของเขากับมาสเรนแล้ว
เมื่อมูนไลท์และนักรบเข้าต่อสู้กับ พวกเขาก็เริ่มแกว่งขวานใส่กันไปเรื่อยๆ มันดูราวกับปีศาจขวานสองตัวกำลังฟาดฟันกัน
ตอนแรกนักเวทย์ไม่ให้ความสำคัญกับมาสเรนที่โจมตีใส่เขามากนัก นั้นเป็นเพราะว่าพลังโจมตีของเธอไม่สูงมากนัก จากนั้นเขาก็มุ่งการโจมตีทั้งหมดของเขาไปที่มูนไลท์
อย่างไรก็ตาม มูฯไลท์ก็ทำอะไรที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้น เขาสามารถลดความเสียหายจากสกิลของเขาได้ในทันที
มาสเรนที่เห็นว่านักเวทย์กำลังละเลยเธออยู่ เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้เผาผลาญมานาในทันที
ถึงแม้นักเวทย์จะมีมานามากกว่าพ่อมด แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้นานเกินไป ดังนั้นแล้วเขาจึงสั่งให้นักรบเข้าโจมตีมาสเรน
การต่อสู้กับนักรบและนักเวทย์นั้นดูท้าทายมากกว่าเมื่อต้องเทียบกับที่เธอเจอพาลาดินและพ่อมด
อย่างไรก็ตามมาสเรนนั้นก็ไม่กลัวเลย เธอรู้สึกตื่นเต้นที่พวกเขาได้ร่วมมือกันโจมตีใส่เธอและยิ่งสนุกยิ่งขึ้นเมื่อต้องต่อสู้กับพวกเขา
มูนไลท์ยังคงโจมตีนักรบต่อไปเพื่อทำให้นักรบนั้นโจมตีใส่มาสเรนยากขึ้น "ฉันไม่สามารถพูดถึงอย่างอื่นได้เลย แต่จากสิ่งที่ฉันดูมาแล้ว มาสเรนค่อนข้างเหมาะสมสำหรับการแข่งขันแบบนี้" เขากล่าวกับลูหลี่
การที่ไม่กลัวการต่อสู้เลย นั้นเป็นความต้องการพื้นฐานที่สุดของใครหลายๆคน
ในแง่ของฝีมือแล้ว มาสเรนจะรู้จักการโจมตีของนักเวทย์ได้อย่างไร ถ้าเธอไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสมันเลย?
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นการฝึกเซนส์ในการต่อสู้ของมาสเรน
ถ้าถึงเวลาที่พวกเขาต้องต่อสู้กับทีมระดับสูง เธอจะต้องทำหน้ารักษาอย่างสมบูรณ์แบบ
"สำหรับนักเวทย์แล้ว เธอควรจะเผาผลาญมานาเขาเมื่อทำได้ แม้ว่าเธอจะทำในเวลาที่ไม่ควรก็ตาม แต่มันก็ยังสามารถช่วยลดแรงกดดันของเพื่อนร่วมทีมของเธอได้อีกด้วย " ลูหลี่กล่าวบทเรียนออกมาหลังจากที่เขาใช้แซปใส่ชาแมน
"แต่นักเวทย์ที่ฉันเจอตอนนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายที่มากนัก ฉันควรจะทำอย่างไรดี ถ้าหากฉันต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ที่สามารถสร้างความเสียหายได้สูง? " มาสเรนถามขณะที่เธอยังต่อสู้อยู่
"เป็นเรื่องที่ดีที่เธอถามแบบนั้น" มูนไลท์กล่าวชม
'การสรุปข้อมูลจากบทเรียนเดียวและการเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการเปรียบเทียบนั้นย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว' มันก็เหมือนกับการพูดนั้นง่ายกว่าการกระทำเสมอ
"อย่าลืมสิว่าเธอเป็นฮีลเลอร์ ดังนั้นอย่าพยายามคิดแต่ว่าจะฆ่าพวกเขา" ลูหลี่กล่าวแนะนำ "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอควรจะทำก็คือการเอาตัวรอดและรักษาเพื่อนร่วมทีม"
"แล้วฉันจะป้องกันตัวเองยังไงกันล่ะ?"
ขณะที่มาสเรนกล่าวถามลูหลี่ เธอก็ถูกโจมตีโดยท่าชาร์จของนักรบ นั้นจึงทำให้นักเวทย์มีโอกาสที่จะใช้สกิลที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อใส่เธอ ด้วยการผสานโจมตีร่วมกันของพวกเขา พวกเขาสามารถลด HP ครึ่งหนึ่งของมาสเรนลงไปได้
"เธอคิดว่าเธอควรทำอย่างไรกันล่ะ?" ลูหลี่นั้นไม่ได้กังวลอะไรเลย เขาค่อยๆลูบกริชของเขาและพยายามยั้งใจตัวเองที่จะแทงใส่ชาแมนไปก่อน