จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 259
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 259: นักบวชสงคราม
ขณะที่พวกเขามองไปรอบๆ สิ่งเดียวที่พวกเขามองเห็นคือเหล่าเซนทอร์!
สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่าดินแดนแห้งแล้ง อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันได้เต็มไปด้วยเหล่าเซนทอร์มากมาย
เซนทอร์นั้นเคลื่อนที่ไปโดยเป็นกลุ่มๆที่แตกต่างกันไป แต่พวกเขาทั้งหมดต่างถูกนำโดยผู้นำที่มีชื่อว่า 'ข่าน' วิธีการโจมตีหลักของพวกเขาคือการโจมตีระยะประชิดหรือการโจมตีโดยการยิงลูกธนูออกไป อีกทั้งพวกเขายังมีกลุ่มที่เชี่ยวชาญในการร่ายเวทมนตร์เพื่อสร้างความเสียหายประเภทธรรมชาติและเงา พวกเขามีแม้แต่บางคนที่สามารถสั่งการสุนัขล่าเนื้อได้
นอกเหนือจากการปรากฏตัวของพวกเขาแล้ว เซนทอร์ยังพาญาติของพวกเขามาด้วย ผู้พิทักษ์ผืนป่าและต้นไม้ปีศาจ ซึ่งไม่มีความคล้ายคลึงกันพอที่จะเป็นญาติกันได้เลย
ใบหน้าของพวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่ดุร้าย ซึ่งนั้นทำให้แยกได้ระหว่างเพื่อนกับศัตรู ตราบเท่าที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นไม่ใช่เซนทอร์ พวกมันก็จะเป็นศัตรู
การประทะกันครั้งแรกของกลุ่มทหารรับจ้างซินซินคือนักรบเซนทอร์สองตัว พวกมันถืออาวุธที่มีลักษณะยาวๆและวิ่งเข้ามาหาพวกเขาเหมือนเสือที่จะขย้ำเหยื่อ
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ เพราะพวกเขานั้นดูเหมือนทหารม้าอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นม้าเองก็ตามเถอะ
สี่ขามักจะเร็วกว่าสองขาอยู่เสมอ และอาเซอร์ซีบรีสยังแทบจะไม่มีเวลาที่จะยกโล่ของเขา ก่อนที่เขาจะถูกโจมตีโดยตรงและกระเด็นไปไม่กี่ก้าวด้วยซ้ำ
เขาเป็นถึงแท๊งค์อันดับหนึ่งของเกมรุ่งอรุณ ดังนั้นคุณสามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้เล่นคนอื่นๆจะเป็นยังไง
ลูหลี่มองไปที่สนามรบและเห็นแสงสีขาวกะพริบไปมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผู้เล่นจะมีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนที่มาก แต่นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบได้เปรียบฝ่ายเดียวเลย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้เล่นยังคงเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆเพื่อเติมช่องว่างที่ขาดหายไป ซึ่งเซนทอร์ก็เสียหายอย่างหนักเช่นกัน
ขณะที่เขากำลังมองไปรอบๆ ดวงตาของลูหลี่ก็ได้จ้องมองไปที่กองกำลังรบของฝ่ายตรงข้ามซึ่งอยู่ไม่ไกลจนเกินไปนัก
นักบวชสงคราม!
นักบวชสงคราม เป็นอาชีพเฉพาะของเผ่าพันธุ์ทารัส โดยทั่วไปอาชีพนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นการผสมกันระหว่างอาชีพนักรบและชาแมน อีกทั้งอาชีพนี้ก็ยังมีวิธีการต่อสู้คล้ายกับอัศวินอีกด้วย
แม้ว่าอุปกรณ์และทักษะของพวกเขานั้นจะดูไม่เหมือน แต่พวกเขาก็มักจะถืออาวุธเดียวกัน ซึ่งนั้นก็คือ เสาโทเทมที่ดูใหญ่เทอะทะ
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่นั้นไม่กล้าที่จะประมาทพวกเขา เพราะว่าหลังจากที่สังเกตทารัสไปชั่วครู่แล้ว เขาก็เห็นผู้เล่นคนหนึ่งสลายเป็นแสงสีขาวหลังจากที่ถูกทุบด้วยเสาโทเทมในทันที
"ย้ายไปทางทิศใต้กัน แต่อย่าทำให้เห็นได้ชัดเจนมากนัก" ขณะที่พวกเขากำลังรับมือกับเซนทอร์ทั้งสองตัว ลูหลี่ก็ได้สั่งให้ปาร์ตี้ของเขาออกห่างจากนักบวชสงคราม
นักบวชสงครามนั้นแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ออกจากหุบเขาวอซอง นักบวชสงครามในหุบเขาวอซองมักจะอยู่ในระดับ 40 และเป็นระดับหัวหน้า แต่พวกเขาจะตายในทันทีหลังจากโดนสกิลไปไม่กี่โหล
ตอนนี้ลูหลี่เข้าใจแล้วว่าทำไมซอโรวเลสถึงให้ผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรเข้าสู่การสู้รบนี้ด้วย
มันเป็นเพราะ นักบวชสงคราม
เนื่องจากการบุกของเหล่าเซนทอร์ ออร์คจึงได้ถอยกลับไปที่ดูโรตาร์และออกจากแนวหน้าซึ่งมีผู้เล่นรวมกันอยู่
อย่างไรก็ตามเหล่าทารัสไม่ได้ถอยออกไปพร้อมกับพวกเขา เนื่องจากความเกลียดชังของพวกเขาต่อพวกเซนทอร์ที่ฝังรากลึก ดังนั้นสิ่งที่จะลบล้างมันออกไปได้มีเพียงแค่เลือดเท่านั้น
ดังนั้นในเวลานี้ดินแดนแห้งแล้งจึงได้เต็มไปด้วยนักบวชสงครามจำนวนมาก!
นักบวชสงครามไม่เหมือนกับดรูอิดทารัส ที่เป็นเหมือนกับผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่พวกเขากลับเป็นกฏหมายเองต่างหาก
กลุ่มผู้กระหายเลือดที่แข็งแกร่ง
นักบวชสงครามเหล่านี้ไม่เพียงที่จะฆ่าแต่เซนทอร์เท่านั้น พวกมันยังฆ่าผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรที่อยู่รายล้อมอีกด้วย
สำหรับผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์แล้ว นักบวชสงครามเหล่านี้ถือว่าเป็นกำลังเสริมทั่วไป ตราบเท่าที่พวกเขาได้พูดคุยกับพวกนักบวชสงครามนี้ พวกเขาจะได้รับบัพเสียงกู่ร้องแห่งสงคราม ซึ่งจะเพิ่มพลังโจมตีเพิ่มขึ้นถึง 20%
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรที่เข้าสู่ดินแดนแห้งแล้งแล้ว พวกเขาถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความตายเลย
ขณะที่ลูหลี่กำลังมองดูนักบวชสงครามคนหนึ่ง เขาก็สังเกตเห็นว่ามันได้ทำลายปาร์ตี้ที่มีสมาชิกสิบคนและรอดออกมาได้โดยที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ไม่นานนักผู้เล่นของฝ่ายพันธมิตรก็ได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
สมาคมจำนวนมากจึงเรียกประชุมอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้มีแต่ละกลุ่มส่งผู้เล่นหลายร้อยคนออกไปเพื่อฆ่านักบวชสงครามโดยเฉพาะ
ซึ่งลูหลี่ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน มันดูเหมือนกับห้องสนทนาเหมือนเดิมที่เขาได้รับเชิญก่อนหน้านี้
สมาคมธงสงครามสีเลือดต้องการจ้างให้เขาเป็นผู้บัญชาการ เพื่อที่จะมอบหมายหน้าที่ให้ฆ่าผู้บัญชาการของผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์และนักบวชสงคราม
ลูหลี่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะปัจจุบันเขาไม่มีความสนใจในเรื่องของไม้ดวงดาวและเขายังสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง
นักบวชสงครามเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะฆ่า ถ้าพวกเขาโจมตีใส่พวกมันมีโอกาสที่จะเกิดความล้มเหลวสูงมาก
มูนไลท์นั้นก็ไม่ต้องการที่จะไปที่นั้นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะชอบ PVP และเขายังเป็นผู้เล่นเดี่ยวก็ตาม นี่จึงเป็นเหมือนกับความแตกต่างหลักๆระหว่างเขากับผู้เชี่ยวชาญ PVP ที่ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมเช่น แตนเน็ทที่จะต้องไปที่นั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม
"ฮาชิ เธอจับตาดูพวกนั้นเอาไว้ด้วยนะ"
สนามรบตอนนี้นั้นวุ่นวายจนเกินไปและนักบวชสงครามทารัสแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งพวกเขาเกือบจะได้ปะทะกับหนึ่งในพวกมัน แต่โชคดีที่มีกลุ่มผู้เล่นกลุ่มอื่นโชคร้ายและถูกนักบวชสงครามเล็งเป้าไปแทนพวกเขา
หลังจากที่หลบออกมาจากสถานการณ์นั้นได้หวุดหวิด ลูหลี่ก็ได้ตัดสินใจที่จะให้ใครสักคนทำหน้าที่เฝ้าระวังให้กับปาร์ตี้
มิฉะนั้นแล้ว ถ้านักบวชสงครามเข้ามาใกล้เกินไป มันคงจะสร้างความเสียหายให้กับปาร์ตี้ของพวกเขา อีกทั้งเลเวลของทุกคนในปาร์ตี้ก็สูงมาก ดังนั้นการตายแต่ละครั้งของพวกเขาจะสูญเสียค่าประสบการณ์มาก
"ทำไมฉันต้องเป็นคนทำงั้นเหรอ?" ฮาชิจังถามขณะที่อยู่ในร่างของนกกระทาตัวใหญ่
เธอนั้นหมุนรอบตัวไปมาด้วยร่างกายที่อ้วนท้วมของเธอในขณะที่กำลังร่ายสกิล แม้ว่าเธอจะดูเหมือนคนงี่เง่าจริงๆ แต่ผู้เล่นจำนวนมากซึ่งมีอาชีพนักล่าก็ยังคงสนใจตัวเธอกัน
ความฝันของนักล่าทุกๆคนก็คือการจับดรูอิดมาเป็นสัตว์เลี้ยง
"เธอสามารถกลายร่างเป็นผีเสื้อและบินไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยได้ ซึ่งเธอก็จะสามารถบอกให้เราหนีไปได้ เมื่อตอนที่นักบวชสงครามอยู่ใกล้ๆ ตราบเท่าที่เธอไม่ได้บินไปไกลเกิน ค่าประสบการณ์ที่เธอจะได้รับก็ยังแชร์กับเราอยู่ "
"งั้นก็ได้ แต่ ... แต่ว่า ฉันไม่ค่อยมีความรู้สึกไวต่อทิศทางเลยนะ"
ฮาชิจังกล่าวออกมาในขณะที่เธอดูอายนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่ประสาทไว เพียงแต่ว่าเธอไม่มีเซนส์เรื่องทิศทางต่างหาก
"อย่างนั้นแล้ว ถ้าเธอเห็นนักบวชสงครามอยู่ภายในระยะ 50 หลาของเรา เพียงแค่แจ้งบอกเราก็พอ" ลูหลี่ตอบกลับมาโดยลดมาตรฐานของเขาลงไป
"ได้แน่นอน แต่ถ้าเซนทอร์ยิงฉันร่วงลงมาล่ะ?" ฮาชิจังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นลูกธนูบินไปมาอยู่ทุกๆที่
การบาดเจ็บโดยเหตุอังเบิญนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย อีกทั้งเธอยังไม่อยากทรมานอีกด้วย
"เห็นธงตรงนั่นไหม? ถ้าเธออยู่ด้านบนของมันจะไม่มีใครที่จะรบกวนเธอเลย " ลูหลี่กล่าวออกไปอย่างนั้นก็เพราะว่า ผีเสื้อนั้นปรากฏไปทั่วในโลกอันยิ่งใหญ่นี้ มันจึงไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติเลย
ทุกคนต่างก็ยืนเป็นวงกลมเพื่อซ่อนฮาชิจังที่กำลังกลายร่างอยู่ เป็นเวลาไม่นานนัก เธอก็ได้กลายร่างเป็นผีเสื้อบินอยู่บนท้องฟ้า
"นายแน่ใจเหรอว่า เธอจะไม่ถูกยิงลงมา?" พเนจรกล่าวออกมาในขณะที่มองดูฮาชิจังที่ค่อยๆบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเขาก็ได้แต่เช็ดเหงื่อที่ออกมาจากหน้าผากของเขาไป
บางทีพวกเขาควรจะติดเครื่องหมายบนหน้าผากของเธอไว้ว่า 'มือใหม่อยู่ตรงนี้นะ'
"เธอจะปลอดภัย เมื่อเธอไปถึงด้านบนสุดของธง เพราะว่าธงนั้นค่อนข้างสูงและมันก็ควรจะอยู่นอกระยะยิงของเซนทอร์ "
อย่างไรก็ตามนี่เป็นข้อบ่งชี้ที่บอกได้ว่า จนถึงขนาดนี้พื้นที่นี้ก็ยังคงเป็นอันตรายอยู่
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้นานกว่า 20 นาที
ผู้เล่นจำนวนมากต่างก็เสียชีวิต แต่เซนทอร์จำนวนมากก็ได้กลายเป็น EXP และอุปกรณ์เช่นกัน
ในช่วงเวลานี้กลุ่มผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรและผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์ยังคงมีความยับยั้งชั่งใจกันอยู่ พวกเขานั้นไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตีกันเลยในทีเดียว
มีเพียงตอนที่แม่พิมพ์หล่นลงมาเท่านั้น พวกเขาถึงจะต่อสู้กันจริงๆ มุมมองของผู้เล่นในเรื่องของแม่พิมพ์นั้นแตกต่างกับอุปกรณ์ที่ดรอบอยู่รอบๆมาก
หนึ่งในเหตุการณ์การปะทะกันที่ลูหลี่ได้เห็นนั้นเริ่มต้นมาจากสมาชิกผู้เล่นของฝ่ายพันธมิตรกลุ่มหนึ่งได้หยิบแม่พิมพ์ขึ้นมา และก่อนที่เขาจะมีความสุขในเรื่องนี้ พวกเขาก็ได้ถูกโจมตีและถูกฆ่าโดยผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์เพื่อที่จะปล้นแม่พิมพ์ไปจากเขา อย่างไรก็ตามสมาชิกที่เหลือของผู้เล่นที่ถูกปล้นนั้นไม่ได้อยู่เฉยๆและปล่อยผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์ไปโดยไม่ทำอะไรแน่นอน
แต่ถึงกระนั้น การ PVP ขนาดเล็กนี้ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อสนามรบที่มีผู้เล่นนับล้านๆคนเลย
อย่างไรก็ตามลูหลี่ก็ได้สังเกตเห็นถึงอันตรายที่เขาไม่สามารถละเลยได้
ผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์บางคนนั้นประสบความสำเร็จในการได้รับอุปกรณ์บางอย่างมาจากการดรอบ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนที่น้อยก็ตาม
อีกเรื่องหนึ่งที่นักบวชสงครามนั้นได้มายังที่นี้ ก็เพื่อควบคุมความสมดุลของอำนาจในเกมอีกด้วย หลังจากที่พวกมันถูกขอร้องอ้อนวอน พวกมันก็จึงได้ปกป้องผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์ในขณะที่ฆ่าผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรอื่นๆที่อยู่รอบๆด้วย
ทันใดนั้นนักล่าก็ได้กลับกลายเป็นเหยื่อ
ลูหลี่ตัดสินใจว่าเขาจะทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองกับนักบวชสงคราม แต่การโจมตีของเขานั้นสร้างความเสียหายได้เพียงตัวเลขหลักเดียว ซึ่งมันสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในทันที
ส่วนการโจมตีจากโทเทมของนักบวชสงครามนั้น ลูหลี่ไม่กล้าที่จะลองดีด้วย เขารีบใช้ก้าววายุและหนีออกมาตรงนั้นแทบจะทันที
จนถึงในตอนนี้ เขายังไม่เคยเห็นผู้เล่นคนใดคนหนึ่งที่สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของนักบวชสงครามมาได้