จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 236
ติดตามอ่านนิยายเพิ่มเติมของผู้แปลและนิยายทุกตอนได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 236: อดีตผู้เล่นอันดับ 1
การที่เซอเพนทิสจะใช้ทักษะกวาดให้สำเร็จนั้น เขาจะต้องแสดงท่าทางไม่กี่ครั้งออกมา แต่การแสดงท่าทางนั้นก็รวดเร็วมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของลูหลี่ พเนจรก็อาจจะตอบโต้ได้ไม่ทันเวลา
การกวาดครั้งที่สองกำลังจะมาแล้ว!
ขณะที่เซอเพนทิสบิดตัวไปรอบๆ เขาก็ได้เปลี่ยนทิศทางที่เขากำลังหันหน้าไป จากนั้นเขาก็กวาดเล็บกรงเล็บของเขาไปที่ลูหลี่จากซ้ายไปขวา เห็นได้ชัดว่าเขารอมานานที่จะได้โจมตีผู้เล่นที่เขาเกลียด
ก้าววายุ!
ด้วยความสามารถของทักษะก้าววายุนั้นทำให้ลูหลี่ไม่สูญเสีย HP แม้แต่จุดเดียว
"เร่งมือให้ไวกว่านี้! เรามาจบเรื่องนี้และเอาชนะบอสในครั้งเดียวกัน! " ลูหลี่ตะโกนออกมาเพื่อพยายามสร้างแรงกระตุ้นให้กับทีมของเขา
ในครั้งเดียวอย่างงั้นเหรอ?
กำลังใจของทุกคนต่างก็ได้ฟื้นกลับมา
ไม่มีใครตั้งคำถามว่าทำไมลูหลี่จึงคุ้นเคยกับดันเจี้ยนนี้ ทั้งหมดที่พวกเขารู้ก็คือคำแนะนำของลูหลี่นั้นมีความแม่นยำมากและยังคำนึงถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด
ด้วยความแม่นยำนี้ได้เพิ่มความเชื่อมั่นของพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ลูหลี่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนมุมมองในการมองเขาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกปาร์ตี้เก่าเช่น อาเซอร์ซีบรีส และ ดอกไม้อ้างว้าง
นี้ทำให้พวกเขารู้ว่าการเคลียร์ครั้งแรกก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยโชค
ทุกคนต่างก็จดจ่ออยู่กับการโจมตีบอสมากยิ่งขึ้น หลังจากที่พวกเขาทำตามคำสั่งของลูหลี่แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็มากกว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าคนอื่นๆได้เห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาคงจะต้องตะโกนว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือมันไม่ยุติธรรม
ณ หุบเขารัมบิ่ง ในภูเขากรงเล็บหิน
นี่เป็นสนามรบที่ซึ่งเป็นที่ๆทำให้ความก้าวหน้าของ จักรวรรดิแห่งเปลวเพลิง นั้นถูกขัดขวาง หุบเขารัมบิ่ง เป็นพื้นที่แห้งแล้ง มันแทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกเหนือจากหินและดินเหลือง อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเกิดของมอนเตอร์ประเภทหิน LV20-22 ซึ่งมีอัตราการเกิดที่ค่อนข้างรวดเร็ว นั้นทำให้พื้นที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการฟาร์มของปาร์ตี้ใหญ่ๆ
ในวันนี้ สมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศได้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดนี้
ทั่วหุบเขาแห่งนี้ต่างก็เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับสูงของสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศ แม้แต่ผู้เล่นที่ยืนอยู่ที่ด้านบนของเนินเขาก็ตาม พวกเขาหลายคนต่างก็มีทักษะในการตรวจจับระดับสูง ซึ่งนั้นช่วยให้พวกเขาสามารถตรวจจับโจรที่กำลังหายตัวได้
แม้แต่คนที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์ก็สามารถคำนวณได้อย่างรวดเร็วว่าแผนที่ขนาดเล็กนี้มีผู้เล่นจากสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศนับพันคน
นี้มันดูสูญเปล่ามาก!
พวกเขาได้ครอบครองพื้นที่แห่งนี้ทั้งหมดแล้ว! พวกเขาจำเป็นจริงๆงั้นหรือที่จะต้องมีความปลอดภัยมากขนาดนี้? นี่คือความคิดและการดูถูกของผู้เล่นธรรมดาทั่วไป
มอนสเตอร์ที่อยู่ในหุบเขารัมบิ่งต่างก็ถูกดึงเข้ามารวมกันเมื่อพวกมันเกิด ที่ๆพวกมันรวมตัวกันนั้นเป็นพื้นที่ขนาดเล็กและมีพวกมันหลายร้อยตัว
นักเวทย์ห้าคนร่ายสกิลพายุหิมะในเวลาเดียวกัน จากนั้นมอนสเตอร์ทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างภายในไม่กี่นาที
ถ้ามานาของพวกเขาหมด พวกเขาก็จะรีบถอยออกไปเพื่อฟื้นฟูมานาและจะถูกแทนที่โดยผู้เล่นนักเวทย์คนอื่น ผู้เล่นคนที่มาแทนนี้ก็จะร่ายทักษะพายุหิมะในทันทีโดยไม่ลดละ ที่แห่งนี้แทบจะไม่ได้มีช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ มีแต่การฟาร์มมอนเตอร์อย่างบ้าคลั่ง
ตามกฎของเกมรุ่งอรุณ ผู้เล่นสามารถแชร์ค่าประสบการณ์ของปาร์ตี้ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาอยู่ในปาร์ตี้
นี่เป็นวิธีที่คนรวยๆส่วนใหญ่จะใช้ในการฟาร์มเพื่อตัวเองคนเดียว ผู้เล่นที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ก็มักจะทำเช่นนี้ แต่บริษัทเกมก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรที่จะหยุดพวกเขา
ในโลกนี้ไม่มีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง ผู้คนที่ร่ำรวยนั้นมักจะมีความได้เปรียบเหนือกว่าคนอื่น แต่ถึงแม้ว่าด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มระดับได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากพอที่จะทำลายสมดุลของเกม
นอกจากนี้การเล่นเกมแบบนี้ ทำให้มีการสร้างโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นๆสามารถหารายได้ได้ด้วยการช่วยฟาร์ม
อย่างไรก็ตามการกระทำแบบนี้ไม่สามารถเทียบได้กับการฟาร์มโดยใช้ระเบิดของลูหลี่ ซึ่งนั่นถือเป็นข้อผิดพลาดหรือบัคของเกม
"บอส คุณควรพักสักหน่อยนะ"
กริชสีเลือด โจรที่ทำให้ผู้เล่นธรรมดาทั่วไปสั่นกลัวเพียงเดินผ่าน ดวงตาของเขาจ้องไปที่นักเวทย์ที่กำลังฟาร์มอย่างบ้าคลั่งตรงหน้าของเขาด้วยความนับถือ
ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความเคารพหรือความหวาดกลัว แต่มันคือความนับถือ
สมาชิกนักเวทย์ของเมืองหลวงแห่งเกียรติยศก็ยังคงร่ายเวทย์มนต์ใส่มอนเตอร์หินต่อหน้าพวกเขาโดยไม่เปลี่ยนแปลง อัตราที่สกิลพายุหิมะถูกใช้นั้นพอดีกับอัตราที่มอนสเตอร์ถูกดึงเข้ามารวมกัน มันไม่ได้เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ดังนั้นการใช้สกิลของพวกเขาจึงไม่ได้สิ้นเปลืองแม้แต่น้อย
"บอส คุณทำแบบนี้มานานกว่า 5 ชั่วโมงแล้วนะ คนอื่นๆต่างก็เป็นห่วงคุณ "กริชสีเลือดกล่าวขณะที่เขากลืนน้ำลายและกัดฟัน
"คิดย้อนกลับไปแล้ว มันกี่ปีแล้วนะที่ฉันฟาร์มเป็นเวลา 4 วันติดต่อกันใน 'โลกแฟนตาซี'? หลังจากนั้น ฉันก็เหนื่อยและฉันก็แค่มองหาที่ๆปลอดภัยสำหรับการนอนหลับ "ซอโรวเลสถามขณะที่เขายังฟาร์มต่อไป
"มันสิบเอ็ดปีมาแล้วนะเนี้ย ตอนนั้นเราไม่รู้อะไรเลย เราเป็นเพียงแค่ผู้เล่นมือใหม่ "กริชสีเลือดถอนหายใจขณะที่เขาระลึกถึงช่วงเวลานั้น
"ใช่ เราเริ่มต้นจาก 'โลกแฟนตาซี' ฉันเล่นเกมนั้นแล้วก็จากนั้นฉันก็เล่นเกมอื่นๆ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มสงสัยว่าตัวเองนั้นมีความสามารถหรือเปล่า " ซอโรวเลสใช้สกิลสุดท้ายก่อนที่จะถอยหลังมาสองก้าวและดื่มมานาโพชันระดับสูง
มานาโพชันระดับสูงเป็นไอเท็มที่มีคุณค่ามากและมันยังไม่เคยถูกวางขายในตลาดตอนนี้เลย
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับบอส ที่สมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศได้เป็นสมาคมอันดับหนึ่งก็เพราะคุณ "กริชสีเลือดกล่าวอย่างจริงใจ
แม้ว่าจะมีชื่อเสียงถึง 100 ปี แต่สมาคมกังนัมรอยัลก็ไม่สามารถเทียบกับสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศได้ พวกเขาทั้งลุกขึ้นและล้มลงตั้งหลายครั้ง ในที่จุดเลวร้ายที่สุด ชื่อเสียงของพวกเขาแทบจะหายไป อย่างไรก็ตามซอโรวเลสได้ครองสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศในช่วงเวลาวิกฤติ เมื่อตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม เขาใช้เวลาถึง 10 ปีซึ่งเป็นช่วงสำคัญในชีวิตเขาในการสร้างให้สมาคมมีชื่อเสียงระดับตำนาน
"โจรคนนั้น" ซอโรวเลสกล่าวขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น "เป็นครั้งแรกเลยที่ราชานักเวทย์อันดับหนึ่ง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้กลับก่อนที่จะถูกสังหาร"
ในความเป็นจริงซอโรวเลสยังคงกังวลเกี่ยวกับฝีมือของเขา แต่เขาต้องสงบสติอารมณ์ก่อนเพื่อสมาชิกสมาคมของเขา
ซอโรวเลสไม่ชอบความรู้สึกของการตาย แม้แต่ในเกมก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่เขาสร้างอิทธิพลของเขาขึ้นมา เพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นๆนับไม่ถ้วนพร้อมที่จะยอมตายเพื่อเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าจะมีใครจะสามารถเข้าใกล้เขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การคุ้มครองที่แน่นหนาเช่นนี้ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันได้ก็คือความสามารถของผู้เล่น คนๆนั้นฆ่าเขาก่อนที่เขาจะสามารถตอบโต้ได้ด้วยซ่ำ
มันเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการฆ่าไก่
ซอโรวเลสได้ใช้เวลาเพียงคืนเดียวตามลำพัง ก่อนที่จะเริ่มฟาร์มอย่างบ้าคลั่งในตอนเช้า
"เพื่อน ฉันมันเป็นคนไร้ความสามารถ แต่เรารู้หรือยังว่ามันเป็นใครกัน?" กริชสีเลือดถามด้วยความละอายใจ
"ฉันไม่โทษนายหรอกนะ แต่คนๆนั้นมันแปลกจริงๆ เขารู้จักขอบกลางคืนได้อย่างไรกัน? " แม้กระทั่งตอนนี้ซอโรวเลสยังคงรู้สึกสั่นเมื่อเขาคิดย้อนกลับไปในขณะนั้น
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนรู้จักคุณดี ทุกคนนั้นมีทั้งเพื่อนและครอบครัว แต่สำหรับคนที่เขาไม่รู้จัก แต่กลับรู้จักคนในครอบครัวของเขา มันกลับเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
"ฉันถามขอบกลางคืนแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จักโจรนั้นเช่นกัน "กริชสีเลือดกล่าวอย่างเงียบๆ "นายต้องการให้ฉันส่งคนเข้าไปในกองทหารเบญจมาศไหม? ฉันรู้สึกราวกับว่าขอบกลางคืนกำลังจะแยกตัวออกจากพวกเราในเร็วๆนี้ "
"ไม่จำเป็นหรอก ถ้าขอบกลางคืนบอกว่าเขาไม่รู้จักโจรนั้น เขาก็ไม่รู้ คนๆนั้นไม่เคยโกหก "ซอโรวเลสพูดพร้อมส่ายหัว
"ถ้างั้น... บางทีมันอาจจะเป็นดาร์คเนส?" กริชสีเลือดถามอย่างรอบคอบ
เมื่อกริชสีเลือดพูดจบ ใบหน้าของซอโรวเลสก็กลับกลายเป็นแข็งกระด้าง ก่อนที่การแสดงออกของใบหน้าของเขาจะดูซับซ้อนและดูยากที่จะเข้าใจ เขาหยุดใช้สกิลของเขาและหันไปเผชิญหน้ากับกริชสีเลือด
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องของขอบกลางคืน เช่นนั้นแล้ว ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้น ดาร์คเนสก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องที่ดาร์คเนสเกี่ยวข้องนั้นถูกลือกันหนาหู แต่นั้นมันฟังดูแย่เล็กน้อย
ขอบกลางคืน ซอโรวเลสและกริชสีเลือด เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็ก
ดาร์คเนสเป็นน้องสาวของขอบกลางคืน ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มต้นเมือไหร่ แต่ซอโรวเลสก็ได้พัฒนาความรู้สึกของเขาต่อเธอ
อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่เคร่งขรึมและเป็นหัวใจของสมาคม ดังนั้นเขาจึงไม่เคยสารภาพรักออกไป
ต่อมาหนึ่งในเพื่อนสาวที่ดีที่สุดของดาร์คเนสก็ได้พัฒนาความรู้สึกของเธอกับซอโรวเลส การปฏิเสธของเขาในครั้งนั้น ทำให้เพื่อนสาวของเธอพยายามฆ่าตัวตาย จากนั้นเธอก็ออกจากประเทศและดาร์คเนสก็เกลียดเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ช่างน่าสงสาร สุดยอดนักเล่นเกมเช่นเขากลับไม่มีโอกาสที่จะสารภาพความรู้สึกของเขาและปลดปล่อยสิ่งที่น่าอึดอัดในใจของเขาออกไป
"ฉันจะหาใครสักคนคอยเฝ้าดูเธอก็แล้วกัน ถึงแม้ความจริงที่ว่าเธออยู่ในฝ่ายแสงสว่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ "
กริชสีเลือดไม่ทราบว่าจะพูดอะไรอีกต่อไป
"โอ้ใช่แล้วคนที่ฆ่านายล่ะ? นายรู้ไหมว่ามันคือใคร? " ซอโรวเลสถอนหายใจและเปลี่ยนหัวข้อ [ซอโรวเลสไม่รู้คนฆ่าเขานะครับ ชื่อแจ้งแค่ โจรว่างเปล่า]