จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 189
ติดตามอ่านนิยายเพิ่มเติมของผู้แปลและนิยายทุกตอนได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 189: บั๊กกี้
9:00 น. ในโลกแห่งความเป็นจริง
นี่เป็นเวลาที่คนไปทำงานหรือเรียนที่โรงเรียนกัน แต่ลูหลี่นั้นเพิ่งเล่นเกมไปสิบชั่วโมงเสร็จ
หลังจากที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานเขารู้สึกเหมือนกระดูกของเขาเริ่มเสื่อมถอย
เขาใส่เสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายและเดินออกไปจากตึก อากาศในเขตเมืองค่อนข้างปลอดโปร่งและเหมาะสำหรับการวิ่ง
รูปลักษณ์ของลูหลี่ค่อนข้างธรรมดา แต่เขามีบรรยากาศที่นิ่งสงบซึ่งนั้นทำให้เขาสามารถดึงดูดความสนใจจากสาวๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กนักเรียนจากทะเลสาปแคมปัส
แม้จะมีรอยแผลเป็นบนร่างกายของเขามันก็ดูเจ๋งและลึกลับ
ลูหลี่ไม่ชอบการถูกมองแบบนั้นและความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนกับการจ้องมองแบบดูถูกที่เขาเคยเจอในอดีต ขณะที่เขากำลังจะกลับไปที่บ้านและไปที่โรงยิมเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขา
"ลูหลี่ ลูหลี่ ... "
เมื่อมองไปรอบๆ ลูหลี่ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
มีเพียงไม่กี่คนที่เรียกเขาให้ออกมาจากประตูรักษาความปลอดภัยของเขตกั้น พวกเขาทั้งหมดมีอายุน้อยกว่า 30 ปีและอายุน้อยที่สุดคือประมาณ 10 ปี ซึ่งพวกเขานั้นได้แต่งตัวเหมือนอันธพาล ทุกๆคนที่มองไปที่พวกเขานั้นสามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาไม่ได้มีภูมิหลังที่ดี
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการเดินเข้าไปหาลูหลี่ แต่พวกเขาไม่สามารถผ่านประตูรักษาความปลอดภัยไปได้
"คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?" ลูลี่ถามขณะที่เดินออกไป
"มีคนเห็นซินซินอยู่ใกล้ๆนี้ "
ผู้นำที่เป็นคนผอมและสูงเดินออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกคั่นด้วยรั้วอิเลคทรอนิคส์ แต่เขาก็ไม่รู้สึกปลอดภัยมากนัก ดังนั้นลูหลี่จึงยืืนอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
"คุณกำลังคิดร้ายกับซินซินงั้นเหรอ?" เสียงของลูหลี่ได้ดังขึ้น
"พี่ใหญ่ลูหลี่ อย่าเข้าใจผิด" ผู้ชายที่ผอมและสูงได้อธิบายต่อ "เราไม่ได้มารบกวนซินซินและไม่กล้าที่จะพูดคุยกับเธอเลย"
"งั้นอย่ามาที่นี่อีกในอนาคต"
ลูหลี่ไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับคนเหล่านี้มากนักและได้หันหลังเพื่อที่จะออกไป
"พี่ใหญ่ลูหลี่ เดียวก่อน พี่ชายของพวกเรามีคำขอร้อง "
เมื่อเห็นว่าลูหลี่ไม่มีเจตนาที่จะฟังพวกเขา เขาก็เริ่มตะโกนว่า "พี่ใหญ่บั๊กกี้ถูกจับ ได้โปรดช่วยพี่ใหญ่บั๊กกี้ด้วย"
ลูหลี่หยุดเดินและค่อยๆหันไปรอบๆ
"พี่ใหญ่บั๊กกี้ทำให้ใครบางคนไม่พอใจและอาจถูกตัดสินโทษได้ พี่ใหญ่ลูหลี่เราได้ยินมาว่าคุณได้เปลี่ยนชีวิตของคุณ ดังนั้นได้โปรดช่วยเขาด้วย "ชายผู้สูงและผอมแห้งได้โห่ร้องเสียงดัง
ไม่กี่นาทีต่อมาลูหลี่ก็ออกจากขอบกั้นประตูและยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
"แบล็คกี้ บั๊กกี้ขอให้คุณมางั้นเหรอ?" ลูหลี่ถาม
"พี่ใหญ่บั๊กกี้ไม่ได้ขอให้เรามาเลย" ชายสูงและผอมได้ตอบอีกว่า "ฉันเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้เอง อย่างน้อยก็เพื่อคุณป้านุ้ยเถอะ ได้โปรดช่วยพี่ใหญ่บั๊กกี้ด้วย"
"ไม่ใช่ว่าเขาเคยเข้าคุกมาหลายครั้งแล้วงั้นเหรอ"
เมื่อมองไปที่เขตข้างนอก ลูหลี่ทำได้แต่คิดถึงซอยน่าสงสารที่เขาได้เติบโตขึ้นมา
เขาเพิ่งจากไปเพียงเดือนเดียว แต่เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาได้อาศัยอยู่ในโลกที่ต่างกัน
"คราวนี้พวกเขาจับกุมพี่ใหญ่บั๊กกี้และบอกว่าเขาไปข่มขืืนใครบางคน เขาอาจจะติดคุกถึง 10 ปี "
แบล็คกี้ลดศีรษะลงและคนอื่นก็ยังยืนนิ่งๆเหมือนหุ่นไม้ที่ไม่กล้าพูดอะไร
"10 ปีงั้นเหรอ"
ลูหลี่ถอนหายใจ
ไม่มีทางที่บั๊กกี้จะสามารถอยู่ในคุกได้นานถึง 10 ปี มันคงจะเป็นเวลาไม่นานนักที่เขาถูกส่งตัวเข้าไปในคุกและถูกฆ่าโดยพัศดี
"พี่ใหญ่บั๊กกี้ไม่มีทางจะทำแบบนั้นหรอก เขา... " แบล็คกี้พูดอ้อมแอ้ม
"ฉันรู้ พวกนั้นต้องการอะไรล่ะ? " ลูหลี่ได้ตัดบทแล้วเข้าประเด็นทันที
"พวกเขาต้องการให้เรามอบที่ดินทั้งหมดให้แก่พวกเขาและเงินจำนวน 100,000 ดอลลาร์"
แบล็คกี้กัดฟันแน่นด้วยความโกรธและคนอื่นๆก็ดูจะรู้สึกโกรธมากเช่นกัน
พวกเขาเป็นเพียงอันธพาลบางส่วนจากเขตสลัม รายได้ของพวกเขาเดิมค่อนข้างจะไม่มีอยู่แล้วและถ้าพวกเขาสูญเสียที่ดินของพวกเขา พวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าการตายเสียอีก นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถจ่ายเงินได้ถึง 100,000 ดอลลาร์
"บอกให้ปล่อยพวกเขาปล่อยบั๊กกี้ก่อนและพวกคุณถึงจะยกที่ดินทั้งหมดให้พวกเขา สำหรับ 100,000 ดอลลาร์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าพวกเขาไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับอะไร ฉันสามารถเอาเงินให้พวกเขา 20,000 ดอลลาร์สำหรับความพยายามของพวกเขา "ลูหลี่พูดหลังจากคิดสักครู่ "ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ ก็บอกพวกเขาว่าบั๊กกี้เป็นเพื่อนของฉันและเราจะดูกันว่าพวกนั้นจะทำอะไร"
"พี่ใหญ่ลูหลี่ ทำไมคุณถึงจะจ่ายเงินให้พวกนั้น?"
คนอื่นๆต่างก็สับสนอย่างสิ้นเชิง
"นั้นเพราะว่าพวกเขามีเบื้องบนคอยสนับสนุน ดังนั้นพวกนายทำได้แค่ประนีประนอมเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วนายจะทำอะไร? ประท้วงงั้นเหรอ? " ลูหลี่มองไปที่เขาและคนปัญญาทึบเหล่านี้
"พี่ใหญ่บั๊กกี้ต้องไม่เห็นด้วยที่จะให้พวกเรายกที่ดินให้พวกเขาไปแน่ มีพวกเราหลายสิบคนที่ต้องการหาเลี้ยงชีพอยู่ "แบล็คกี้รีบตอบกลับมาทันที
"มีคนๆหนึ่งกำลังจะสูญเสียชีวิตของเขาอยู่และนายมากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นเหรอ? ตั้งแต่นายมาหาฉัน นายก็ควรจะทำตามที่ฉันพูดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้บั๊กกี้เน่าตายอยู่ในคุกเถอะ เขาทำให้ป้านุ้ยโกรธจนถึงแก่ความตายและฉันก็ตัดสัมพันธ์กับเขาไปเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว "
ป้านุ้ยเป็นเพื่อนบ้านของลูหลี่และบั๊กกี้คือลูกชายของเธอ
เมื่อลูหลี่ยังอายุน้อย ป้านุ้ยก็ดูแลเขาและน้องสาวของเขา เธอปฏิบัติกับพร้อมกับดูแลลูซินอย่างดี
สำหรับทุกคนที่ทำดีกับน้องสาวตัวน้อยของเขา เขาก็จะปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี
นี่คือปรัชญาที่ลูหลี่ตั้งขึ้นตั้งแต่เขายังเด็ก
เขาเติบโตขึ้นพร้อมกับลูกชายของคุณป้านุ้ย แต่บั๊กกี้นั้นเริ่มเดินไปตามทางที่ต่างกัน เขาเริ่มที่จะหัวรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นจนทำให้แม่ของเขาตายไปด้วยความโกรธ หลังจากนั้นไปพวกเขาก็เป็นคนแปลกหน้า
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ลูหลี่เคยโกรธเคืองบั๊กกี้เสมอและไม่ได้ทำอะไรกับสถาการณ์ของบั๊กกี้เลย เช่นนั้นแล้วผู้บงการคนนั้นก็สามารถที่จะทำตามที่เขาพอใจได้
หลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่ ลูหลี่ก็ได้ทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกมากมายต่อเหตุการณ์ของป้านุ้ย
แม้ว่าการกระทำของบั๊กกี้จะเป็นที่น่ารังเกียจ แต่ลูหลี่ก็ไม่ต้องการให้เขาตาย
"โอเค ตราบเท่าที่พี่ใหญ่บั๊กกี้ของเราปลอดภัยเ ราก็จะยอมทำทุกอย่าง" แบล็คกี้พยักหน้าอย่างละอายใจ "ขอโทษด้วยพี่ใหญ่ลูหลี่ เราไม่สามารถไปหาคนอื่นได้ เราจึงทำได้เพียงมาที่นี้เพื่อหาคุณเท่านั้น"
"ผู้ติดตามทั้งหมดของนายยังอยู่กับพวกนายไหม?"
ลูหลี่รู้สึกหงุดหงิด เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงคณะสมุนของบั๊กกี้
พวกเขาเป็นเหมือนกับกลุ่มก้อนคนเลวและพวกเขาเป็นคนบาปที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่มีคนดีสักคนในกลุ่มนั้น การมีอยู่ของพวกเขานั้นเป็นปัญหาใหญ่
"ถ้ารวมฉันด้วยแล้ว ก็มีพวกเราอยู่ 42 คนที่กำลังรอให้พี่ใหญ่บั๊กกี้ออกมา ไม่มีคนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์เลยในหมู่ของพวกเรา "แบล็คกี้กล่าวอย่างภูมิใจในขณะที่เขาตบหน้าอกของเขา
"พี่ใหญ่ลูหลี่ถ้าคุณอยู่กับกลุ่มของเรา พวกเราก็จะไม่ถูกรังแกแบบนี้"คนในกลุ่มนั้นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังแบล็คกี้ได้พูดโพล่งออกมาซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนพูดออกมา
ทุกคนรู้สึกเหมือนกันและมองไปที่ลูหลี่ด้วยความคาดหวัง
พวกเขานั้นจงรักภักดีพี่ใหญ่บั๊กกี้ แต่มันเป็นความสงสารที่เขานั้นเป็นคนประเภทที่มักจะบ้าบิ่นเกินไปและมักจะทำตัวเสมอตัวกับพวกเขา
ลูหลี่ได้ให้รายละเอียดการติดต่อกับแบล็คกี้แล้วค่อยๆส่ายหัวเบาๆขณะที่คนอื่นจ้องมองมา "ฉันแตกต่างกับพวกนายทุกคน"
อันที่จริงฉันแตกต่างกับพวกเขาไม่ใช่เพราะฉันมีน้องสาวตัวน้อย
หลังจากเดินทางกลับมาจากการวิ่งของเขา ลูหลี่ก็พาน้องสาวตัวน้อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย
เวลานี้เหมาะสำหรับการตรวจสอบแบบเต็มรูปแบบ โรงพยาบาลในเมืองหมายเลข 1 ได้ให้ความสำคัญกับโรคของเธอและแพทย์ที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลได้ทำการตรวจร่างกายของเธอด้วยตัวเอง
เป็นเวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมงหลังจากการตรวจสอบ ผลลัพธ์ก็ได้ถูกวางลงบนโต๊ะของห้องให้คำปรึกษา
นอกจากผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลอันดับ 1 แล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลประจำเมืองอันดับ 2 พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารและโรงพยาบาลอื่นๆ
ในผลตรวจนั้นข้างๆก็มีกรุ๊ปเลืือดของผู้บริจาคและชุดของข้อมูลอื่นๆอยู่
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ในระหว่างการให้คำปรึกษาพวกเขาไม่สามารถหาผู้บริจาคที่เหมาะสมในฐานข้อมูลของผู้บริจาคแห่งชาติได้
ลูหลี่และลูซินหวังว่าพวกเขาจะพบผู้บริจาคที่เหมาะสมที่จะปรากฏตัวขึ้นมาในไม่ช้า
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องกันว่าโรคร้ายของลูซินยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการรักษาอื่นเช่นกัน
ลูหลี่ใช้เวลาทั้งวันกับน้องสาวตัวน้อยของเขาและหลังจากจัดการเตรียมทุกอย่างให้เธอเข้านอนแล้ว เขาก็เข้าไปในเกม