จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 128
บทที่ 128: การกำหนดแผนการจากเรื่องเล่า
เนา มีความสูงสองเมตรและมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ผิวของมันมีสีเขียวและสีเทาและมีรอยคล้ำรอบจมูก มันมีขนสีแดงอมชมพูเต็มตัวและหัวของมันดูคล้ายหมูป่าที่มีฟันสีเหลืองและตาก็มีสีแดงเลือด
ทุกคนกำลังมองไปที่ลูหลี่ พวกเขาทั้งหมดได้ตายไปในครั้งก่อนที่พวกเขาได้มาที่นี่และไม่ได้หวังสูงสำหรับความพยายามในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องการทราบว่าวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายเนาคืออะไร
"เมื่อเทียบกับบอสตัวอื่นๆแล้วเนานั้นแตกต่าง เนา ออดิงค์ เป็นมอนเตอร์ที่เคร่งเรื่องศาสนามาก" ลูหลี่กล่าว
"แค่บอกพวกเรามาว่าจะฆ่าเขาได้อย่างไร ฉันรู้ว่าเขานั้นเคร่งศาสนา ครั้งสุดท้ายที่พวกเราต่อสู้กันมัน มันก็พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเยน็อค "
คนอื่นๆที่ได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกขบขัน - พวกเขาไม่คิดว่เรื่องเล่าเหล่านี้มีประโยชน์ มันมีวิธีการใช้เรื่องเล่ามาเคลียร์บอสด้วยงั้นหรือ?
"เยน็อคเป็นเจ้าปีศาจที่ค่อนข้างอ่อนแอ"
ลูหลี่มองไปที่พวกเขาและเห็นว่าพวกเขาเริ่มรู้สึกท้อแท้ ราวกับว่าเขากำลังทำอะไรที่ดูเด็กน้อย
"มีวิธีการหากลยุทธ์จากเรื่องเล่านี้มาใช้ใช่ไหม?" หมีน้อยฮวนฮวนเป็นคนที่ตั้งสตูดิโอขึ้นมาดังนั้นเธอจึงมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ
"ถูกต้องแล้วละ นี่เป็นข้อมูลที่คุณต้องฟังเพื่อให้สามารถจัดการกับมันได้ "ลูหลี่พยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ" แต่ก็ยังมีอีกคนที่ต้องพูดถึง - คาซัส ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่อัจฉริยะ ตอนที่เขากำลังสร้างคุกแห่งนี้ ... "
"ใครคือ คาซัส?" ฮวนฮวนได้ถามลูหลี่ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล่าก่อนนอน
ลูหลี่ไม่โกรธที่คำอธิบายของเขาถูกขัดจังหวะและอธิบายเพิ่มเติมด้วยการแสดงออกแปลกๆบนใบหน้าของเขา "คาซัสจริงๆแล้วน่าจะถูกเรียกว่า คอสตัส เขาเป็นมังกร - เขาหนึ่งในคู่สมรสที่อายุน้อยที่สุดของ ราชินีมังกรแดง ... "
"คู่สมรสที่อายุน้อยที่สุดงั้นหรือ? นั่นหมายความว่าราชินีมังกรแดงมีคู่สมรสหลายคนงั้นเหรอ "
สมาชิกหญิงคนอื่นๆก็เริ่มให้ความสนใจ
"ฮิฮิ โดยสังเขป คาซัสนั้นเป็นมังกร แต่เขาเป็นมังกรแดงผู้เป็นอัจฉริยะในด้านเวทมนตร์ที่หาได้ยาก ด้วยพลังเวทมนตร์ของเขา เขากลายเป็นผู้นำกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของดาลาราน- 'สมัชชาทั้งหก' เขามักจะปรากฏในรูปร่างของเอลฟ์ชั้นสูง และใช้ร่างเดิมของเขาเฉพาะในสถานการณ์พิเศษเท่านั้น
"ว้าวมันฟังดูลึกลับและวิเศษมากๆ !"
ดูดู่รู้สึกตื่นเต้นกับมหากาพย์ของตัวละครเหล่านี้ในขณะที่คนอื่นๆก็ตกใจกับความรู้ของลูหลี่
ลูหลี่ไม่ได้ทำแค่นี้เท่านั้น ในชีวิตก่อนของเขาเมื่อเขาไม่ได้ฟาร์มทองตลอดทั้งวันเขาก็จะอ่านหนังสือของดานัสซัส
ในท้ายที่สุดลูหลี่ก็ได้ทำตามความปรารถนาที่จะเรียนรู้โดยธรรมชาติของเขาแม้ว่าจะไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนในโลกความเป็นจริงก็ตาม แม้กระนั้นก็ตามเขาก็รู้ว่าผลงานวรรณกรรมที่เรียกว่าเกมนี้เป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหนังสือเหล่านี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เพียงแค่เรื่องเหนือจินตนาการเรื่องเดียว เกมรุ่งอรุณก็ได้ใช้เวลาในการสร้างพวกมันเป็นเวลานาน อาจจะมีนักเขียนหมื่นกว่าคนที่จินตนาการด้วยกันและรวบรวมข้อมูลต่างๆ
มีหลายความลับที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าพวกนี้
หนังสือนี้ไม่ได้มีบทบาทตอนที่ลูหลี่อยู่ในหน่วยเก็บทอง แต่มันมีบทบาทกับเขาในชีวิตครั้งที่สองของเขาที่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
หากจะกล่าวถึงมังกรแดงคาซัส เขารู้ว่าจะได้รับรางวัลจากเควสระดับสูงสุดมีอะไรบ้าง จำนวน EXP เท่าไร ไอเท็มเวทย์มนต์ในตำนานและหนังสือทักษะเวทย์ฒนต์เป็นรางวัล
มันแย่มากที่เขาไม่ใช่นักเวทย์
"ฉันเล่าถึงไหนกันแล้วเนี้ย" ลูหลี่ขมวดคิ้ว
"นายบอกว่าคาซัสสร้างเรือนจำนี้ขึ้นมา ฉันยังคงไม่สามารถเชื่อได้ว่าเรือนจำนี้ถูกสร้างโดยมังกร "
ฮวนฮวนมองไปรอบๆคุกเพื่อหาเครื่องหมายมังกร แต่ก็ไม่พบอะไร
"ถูกต้องแล้ว คาซัสเป็นอัจฉริยะและยังเป็นนักเวทย์ เขาสร้างเรือนจำนี้ขึ้นมาโดยไม่มียาม"
ลูหลี่รู้สึกอึดอัดใจกับเนาในขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้า
"มันไม่จำเป็นต้องมียามงั้นเหรอ? นักโทษจะไม่หนีไปงั้นหรือ? " ดูดู่ถามด้วยความสงสัย
"แม้ว่าจะไม่มียาม แต่ก็มีใครบางคนที่ไม่ให้พวกเขาหลบหนี" ลูหลี่กล่าวขณะที่ชี้ไปที่ ออดิ่งค์ และกล่าวต่อว่า "เขาช่วยคาซัสกำจัดศัตรูต่างดินแดนที่ต้องการเข้ามาและนักโทษทั้งหมดที่ต้องการออกไป .”
"ยังไงกันละ?" การได้ยินเรื่องราวในครั้งนี้ยิ่งน่าแปลกใจยิ่งกว่าคุกที่ไม่มีการควบคุมเสียอีก
"คาซัสได้สร้างเซลล์ของเนาเป็นแท่นบูชาซึ่งสามารถสื่อสารกับเจ้าปีศาจได้ คุณคิดว่าออดิ๊งค์จะออกจากสถานที่ที่สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้งั้นเหรอ? "
"อาจจะไม่"
ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง
"ใช่แล้ว ออดิ๊งค์ได้ประจำการอยู่ที่นี่และไม่มีนักโทษคนใดสามารถหนีออกไปได้ ถ้ามันหิวก็จะกินทุกคนที่เข้ามาหรือนักโทษที่พยายามหลบหนี กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือกินทุกคนที่มันผ่านไป "
"คุณกำลังบอกว่าออดิ่งค์เป็นบอสที่มีเก่งที่สุดในดันเจี้ยน?"
ถ้าบอสตัวแรกมีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว พวกเขาจะยืนหยัดต่อสู้กับส่วนที่เหลือของดันเจี้ยนนี้ได้อย่างไร?!
"ใช่แล้ว แต่มันตราบเท่าที่ออดิ่งค์ยืนอยู่ที่แท่นบูชา มันก็จะมีทักษะและความแข็งแกร่งเหมือนบอสตัวสุดท้าย "
ลูหลี่จงใจย้ำคำว่า 'แท่นบูชา'
"อย่างไรก็ตามเมื่อสถานที่ที่เขาดึงพลังถูกทำลายเขาก็จะถูกฆ่าตาย"
"นายกำลังบอกว่าเราต้องทำลายแท่นบูชา?" ฮวนฮวนและคนอื่นๆต่างก็สงสัยเหมือนกัน
"แผนที่เราจะทำมันง่ายกว่านั้นนิดหน่อย คุณเห็นรูปปั้นสี่อันนั้นไหม? เมื่อบอสเริ่มดึงพลังจากพวกมันก็จะได้รับพลังโจมตีที่สูงรวมถึงพลังป้องกัน ในช่วงเวลานั้นเราจะมีเวลาสั้นๆเพื่อทำลายรูปปั้นนั้น มันจะทำได้เฉพาะตอนที่รูปปั้นมีช่องโหว่ แต่หากทำในตอนอื่นรูปปั้นจะทำลายไม่ได้ "ลูหลี่เน้น
"เห็นได้ชัดว่าคุณศึกษาเกี่ยวกับดันเจี้ยนมาก"
แฟรี่น้ำซึ่งไม่ได้ให้ความใส่เป็นพิเศษกับดันเจี้ยน แต่ในตอนนี้เธอกำลังยกย่องลูหลี่อย่างสูง "คุณมีความสนใจในสมาคมดิสซี่คอสไหม?" เธอได้ถามออกมา
ไม่น่าแปลกใจที่มีคนบอกว่าเธอไม่เข้าใจความเป็นไปของโลก - แต่เธอจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
"โทษทีนะฉันไม่สนใจที่จะเข้าร่วมสมาคมใดๆในตอนนี้ ฉันแค่พยายามที่จะช่วยเพื่อนของฉันและเรียกร้องรางวัลเท่านั้นเอง "
ลูหลี่ปฏิเสธเธอโดยตรง
"โอเค"
เมื่อเห็นว่าลูหลี่ปฏิเสธ แฟรี่น้ำก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ในความเป็นจริงก็คือเธอไม่ได้สนใจในสมาคมของเธอจริงๆ
"นักรบโจมตี อย่าเปิดใช้ทักษะลดความเสียหายของคุณ "ลูหลี่สั่ง เพื่อนใบไม้เพียงแค่พยักหน้าและมุ่งหน้าไปที่เนา
"เนื้อ~" เนื้อสด!" ออดิ๊งค์ไม่กินอะไรมาสองสามปีแล้ว ความหิวนี้ได้กระหน่ำมาที่จิตวิญญาณของเขาดังนั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นผู้เล่นเข้ามาใกล้
ช่วงเวลาที่มันเริ่มมาข้างหน้ามันก็ได้ร่าย ชารจ์อย่างรวดเร็ว
ชารจ์อย่างรวดเร็ว: ชารจ์ใส่เป้าหมาย ทำให้การโจมตีครั้งต่อไปของการขว้างทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
นี่เป็นทักษะเดียวกับที่พวกเขาได้เห็นเมื่อครั้งที่แล้ว มันมีความเสียหายสูง แต่ก็ไม่ร้ายแรง ทักษะที่พวกเขาต้องระวังคือ มอทอลสไตรค์
มอทอลสไตรค์: สร้างความเสียหาย 200% ของอาวุธให้แก่เป้าหมายและทำให้ได้ติดสถานะรับบาดเจ็บ หากมีการฮีลลงบนเป้าหมายที่ได้รับบาดเจ็บมันจะลดผลลง 50% เป็นเวลา 5 วินาที
ไม่เพียงแค่สกิลนี้สามารถสร้างความเสียหายได้มาก แต่มันก็ลดผลจากการฮีลด้วย หลายครั้งในระหว่างการต่อสู้เพื่อนใบไม้ต้องการที่จะใช้ทักษะลดความเสียหายของเขา อย่างไรก็ตามลูหลี่ได้บอกกับเขาว่าจะไม่ให้ใช้ดังนั้นตอนนี้ HP ของเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ