การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 19 ข้อเรียกร้องทั้งสองของ ไคล์ วอเตอร์
ตอนที่ 19 ข้อเรียกร้องทั้งสองของ ไคล์ วอเตอร์
“ถ้าเรื่องเนื้อเรื่องเรียบร้อยพวกเราก็มาคุยเรื่องส่วนแบ่งกันดีกว่า ตามกฎหมาย เหมือนข้าจะเคยได้ยินมาว่าผู้เขียนและร้านจะแบ่งกัน 50 – 50 โดยเรื่องค่าใช้จ่ายทางร้านจะเป็นคนออกทั้งหมด ค่าคัดลอก! ค่าขนส่ง! ค่าตรวจคำผิด! ข้าเข้าใจถูกหรือไม่?”
ผมลองศึกษาเรื่องกฎหมายเรื่องพวกนี้มานิดหน่อย ถึงตอนแรกจะไม่สนใจก็เถอะเพราะแค่อยากเตือนให้คนทั่วทวีปได้รับรู้ แต่ว่า ถ้าผมไม่ทำอะไรมันก็จะเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ หนังสือในโลกนนี้ถึงราคาจะไม่สูงมากแต่มันก็ซื้อได้แค่คนชนชั้นสูง และกลางเท่านั้น ชาวบ้านที่ยากจนไม่มีสิทธิ์ซื้อมันหรอก อีกอย่าง คนธรรมดาส่วนมากก็อ่านหนังสือไม่ออกกันด้วย
ส่วนเหตุผลที่ผมต้องไปสนใจชนชั้นล่างของประเทศแบบนี้ก็เป็นเพราะ กำลังรบ!
ยุคหายะนะตอนนนั้นผมลองเอาชนชั้นแรงงานที่ทำงานหนักมาฝึกบ่มเพราะดูเพื่อเพิ่มกำลังรบ ปรากฏว่าสำเร็จเกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก มากแบบมากจริงๆ ชาวบ้านที่ผ่านการทำงานหนักมาทั้งชีวิตร่างกายของคนเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งส่วนกล้ามเนื้อ ส่วนกระดูกและส่วนเส้นเอ้นเป็นรากฐาน เพราะงั้นการบ่มเพราะของแรงงานเหล่านั้นจึงเร็วกว่าพวกคนที่อยู่สบายๆ แบบพวกขุนนางไปเยอะ อีกอย่าง เรื่องของพรสวรรค์ก็มีส่วนเกี่ยวของด้วยเช่นกัน จากที่ผมเคยแบ่งเอาไว้ ผมได้แบ่งคนออกเป็นสามชนชั้นให้มันเข้าใจได้ง่ายๆ
1. ชนชั้นสูง พวกนี้ประกอบไปด้วยพวกที่ร่ำรวยและมีเงิน เช่น ขุนนาง พ่อค้าร่ำรวย เจ้าหน้าที่ของทางการหรือพวกทหารระดับสูงของกองทัพ และพวกอัศวิน
2. ชนชั้นกลาง พวกนี้ประกอบไปด้วยคนธรรมดาที่มีเงินใช้ แต่ยังชีวิตที่ดีภายในเมืองได้แบบไม่ลำบากอะไรมากมาย
3. ชนชั้นล่างหรือชนชั้นแรงงาน คนเหล่านี้ก็ตรงตามที่ชื่อที่ผมตั้งให้เลย คนเหล่านี้เพียงเกิดมาก็ต้องทำงานเพื่อแลกกับเงินน้อยนิด เพื่อให้มีข้าวกินไปวันๆ
มนุษย์ที่ผมแบ่งแยกมีสามชั้นชันแบบที่ผมบอกไป ส่วนอัตราส่วนก็ 5% , 10% , 85% เพียงมองตัวเลขก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะจำนวนชนชั้นล่างมันมากกว่าแบบเทียบกันไม่ติด และนี่แหละที่ทำให้ผมต้องสนใจพรสวรรค์ของคนเหล่านี้
“ท่านเข้าใจถูกแล้วท่านแกนดยุค ร้านข้าจะทำทุกอย่างและจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามที่ท่านบอกมา แต่ข้าสามารถเพิ่มให้ท่านมากกว่านั้น เอาตามตรง ข้าไม่อยากเจรจาธุรกิจกับท่านเลยเพราะข้าอยากให้ท่านกลับไปเขียนเล่มที่สองตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”
พูดออกมาตรงๆ เลยนะหมอนี่ เหอๆ
“แต่ในเมื่อท่านถามแบบนี้ข้าขอบอกเลยแล้วกัน ส่วนแบ่งที่ข้าให้ท่านได้คือ 90 – 10 ร้านข้าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดและข้าขอเพียง 10% เท่านั้น แต่ข้ามีข้อเสนออะไรบางอย่างให้ท่านตัดสินใจ”
“โอ้ว…. เสนอมาแบบนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
“ทั่วทวีป! ข้าต้องการคัดลอกนิยายของท่านแล้วส่งมันข้าทั่วทวีปแห่งนี้!!”
สีหน้าฮาฟเตอร์ เต็มไปด้วยความจริงจัง ถ้าเป็นคนอื่นคงตกใจถ้าได้ยินอะไรแบบนี้ไปแล้ว แต่เสียใจด้วยนะฮาฟเตอร์ เรื่องนี้ถ้านายไม่เสนอฉันก็ให้ทำเองอยู่แล้ว
หึหึ! ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะเสอนตัวออกมาก่อนแบบนี้ แต่ก็ไม่แปลกเลยที่หมอนี่จะเสนอเงินส่วนแบ่งในอัตราที่น่าเหลือเชื่อแบบนั้นออกมา ถึงจะอยากอ่านขนาดไหน แต่ยังไงหมอนี่ก็ยังมีเลือดของพ่อค้าอยู่สินะ
ส่วนเรื่องการส่งขายทั่วทวีปก็ไม่ต้องกังวล ตระกูล วินเทอร์ไฮ มีอำนาจในการทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เพราะแบบ-
ติ้ง!
[ ภารกิจ : การขายนิยายทั่วทวีป ]
[ หากท่านขายนิยายทุกๆ 10,000 เล่ม ท่าจะได้รับคะแนน 1 แต้ม เนื้องจากเป็นการขายจำนวนมากระบบจะให้แต้มท่านเพียง 1,000 แต้ม เมื่อขายได้ตามเป้าหมายเรียบร้อย ]
หึ! ขึ้นมาจนได้สินะเจ้าระบบนี่ แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆ มันจะให้แต้มกันง่ายๆ เช่นนี้
ตามที่เขียนบอกเอาไว้การขายได้หมื่นเล่มหนึ่งคะแนน ถ้าจะได้แต้มพันคะแนนก็ต้องขายให้ได้สิบล้านเล่ม เหอๆ แบบนั้นเพียงแค่จักรวรรดิก็น่าจะมีคนซื้อถึงแล้วละ ไม่จำเป็นต้องไปถึงทั่วทวีปหรอก แต่ว่า ยังไงมันก็บอกให้ขายทั่วทวีปก็ต้องขายตามที่ระบบระบุมา อีกอย่าง ‘เมื่อขายได้ตามเป้า’ ความหมายข้อความนี้คงให้ผมขายได้ครบก่อน จากนั้นมันถึงจะให้แต้มมาสินะ
“ท่านแกนด์ดยุค….!”
“อะ อ่า”
“ท่านเป็นอะไรไปครับ หลังจากข้าบอกเรื่องขายนิยายของท่านท่านก็เงียบไปเลย หรือว่าท่านไม่อยากให้ข้าขายที่อื่นนอกจากจักรวรรดิ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องกะ-”
“ไม่จำเป็น เจ้าขายได้เลย”
ผมตอบพร้อมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย เมื่อกี้ข้อความขึ้นมาเลยเสียเวลาคิดนิดหน่อยไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะเข้าใจผิดไปสะขนาดนั้น
“แต่เรื่องส่วนแบ่งข้าขอแค่ 50% ตามกฎหมายก็พอ”
“แต่…”
“ใจเย็นก่อน! ข้าไม่ได้ลดรายได้ของตัวเองเพื่อให้เจ้าได้เงินมากขึ้นหรอก เพียงแต่ข้ามีสิ่งที่ต้องการให้เจ้าทำอยู่สองอย่าง ถ้าเจ้าสามารถทำได้ เรื่องร่วมมือระหว่างพวกเราก็เป็นอันตกลง แต่ถ้าไม่ ….เจ้าก็น่าจะรู้ว่าจะเป็นยังไง”
สีหน้าฮาฟเตอร์จริงจังขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับหมอนี่แล้วเรื่องส่วนแบ่งคงสำคัญมากจริงๆ ก็อย่างว่านั่นแหละ นิยายที่ผมเขียนดีขนาดนั้นแถมยังมีอย่างน้อยๆก็สิบเล่ม กำไรจากการขายนิยายเรื่องนี้ต่อให้เป็นผมก็จินตนาการไม่ได้เหมือนกัน ว่ามันจะมากมายขนาดไหน ตอนนี้ ท่าทางของฮาฟเตอร์กลายเป็นพ่อค้าเวลาเตรียมตัวคุยเรื่องธุรกิจลงทุนไปแล้ว หึหึ!
“ท่านแกนด์ดยุคอย่าได้เกรงใจ ถ้าท่านต้องการและมันไม่เกินความสามารถของข้า ข้าสามารถทำให้ท่านได้แน่นอน”
ผมชู้นิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว หลังได้รับคำตอบ
“ข้อที่หนึ่งข้าต้องการเงิน 1 ล้านเหรียญทอง ข้าต้องทันทีหลังเราตกลงกันได้ เงินตรงนี้เจ้าสามารถหักจากข้าได้ทันทีหลังจากที่ขายได้และข้าจะให้ดอกเจ้า 10% เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับสิ่งนี้”
เงิน! ตอนนี้ถึงจะมีเงินอยู่หลายแสนเหรียญทองแต่มันก็ยังไม่พอกับแผนสร้างกองทัพ ส่วนเรื่องเงินที่จะทำกำไรจากน้ำตาลอย่างน้อยๆ ก็ต้องรอหนึ่งเดือนถึงสามเดือน เงินตรงส่วนนั้นยังเอามาใช้ไม่ได้ เพราะผมลงทุนกับน้ำตาลไปแล้ว ด้วยเหตุผลแบบนั้นเลยต้องใช้เงินหนึ่งล้านตรงนี้เพื่อแผนต่อไป
“…ไม่มีปัญหาท่านแกนดด์ดยุค ข้าสามารถให้ท่านได้!!”
อาฟเตอร์ ทำสีหน้าคิดหนักสักพัก แต่สุดท้ายก็ตอบสิ่งที่ผมพอใจออกมา
มันต้องแบบนี้แหละถึงจะตกลงกันได้แบบราบรื่น หึหึ! ตามจริงเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญทองมันเป็นเงินที่มหาศาลมากถ้าไม่ใช่ตระกุลขุนนางระดับสูงคงยากที่จะมีพวกมันในครอบครอง แต่ด้วยความั่งคลั่งของตระกูล วินเทอร์ไฮ เงินแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหรอก
เมื่อข้อที่หนึ่งเรียบร้อย ผมก็พูดต่อไปอีกว่า
“ส่วนข้อที่สอง …ข้าต้องการให้เจ้าจ้างคนเล่าเรื่องเพื่อให้ชาวบ้านและคนใช้แรงงานทั้งหมดเข้าถึงนิยายของข้า ส่วนการจ้างก็แน่นอน เจ้าเป็นคนจ้างและต้องจ้างคนเล่าเรื่องพวกนี้ไปให้ทั่วทวีป ไม่เว้นแม้แต่ชนเผ่าขนาดเล็ก…”
“ครับ???”
สีหน้าฮาฟเตอร์เต็มไปด้วยความสงสัย จากที่หมอนี่แสดงสีหน้าออกมาผมก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงได้สงสัยแบบนั้น นักเล่าเรื่อง! คนเหล่านี้ทำหน้าที่เล่าเรื่องต่างๆ เช่น นิยาย ตำนานหรืออะไรทำนองพวกนี้ คนเหล่านี้ส่วนมากแล้วไม่ไปยุ่งกับชาวบ้านตามหมู่บ้านเล็กๆ กันหรอก เพราะถึงไปก็ไม่ได้เงิน แต่วสำหรับผม แผนที่ผมคิดเอาไว้จะขาดคนพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด
อย่างที่ได้บอกไป จำนวนประชากรของคนชนชั้นล่างมีถึง 85% จากทั้งหมด และผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพราะพลังอาจจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ให้พูดง่ายๆ องค์หญิง เนร่า! เป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพราะที่อายุไม่เกิน 20 แต่มีพลังอยู่ในระดับ ราชาแท้จริง แถมทั่วทั้งทวีปยังมีคนแบบนี้ไม่ถึง 20 คน
แต่นั้นมันเป้นข้อมูลที่ผิด! จากการทดสอบของผมเมื่อยุคสมัยหายะนะแห่งมวลมนุษย์มาถึง จำนวนตัวเลขที่ถูกต้องก็คือ มากกว่า 10,000 คน ซึ่ง พวกที่เพิ่มเข้ามาเป็นชนชั้นกลางและคนชั้นล่างที่ได้รับการสนับสนุนเรื่องโอสถและเคล็ดวิชา เพราะเรื่องแบบั้น ผมเลยต้องให้ความสนใจกับชาวบ้านธรรมดาเพื่อเอาพลังพวกนั้นมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ถ้าเกิดผมเอาคนพวกนั้นมาฝึกก่อนที่จะเกิดเรื่อง มันก็เท่ากับว่า….
หึหึ! ไม่อยากคิดเลยว่าจะได้กำลังรบขนาดไหน
แต่ว่า ก่อนหน้านั้นคงต้องอธิบายเหตุผลให้ฮาฟเตอร์ยอมรับได้สะก่อน ตอนนี้ถ้าบอกเรื่องพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจไปมีหวังโดนระบบมันลบออกจากโลกนี้แน่ เหอๆ แต่ก็นั่นแหละ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปผมก็วางแผนเรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้วเช่นกัน คิดได้ผมก็พูดออกไปอีกว่า…