การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 18 หลายวันต่อมา
ตอนที่ 18 หลายวันต่อมา
หลายวันต่อมา
ฮูว…. ผมถอนหายใจและค่อยๆ ลืมตาขึ้น ไม่คิดเลยว่าโอสถที่ได้มาจะมีประโยชน์กับผมถึงขนาดนี้
ระดับลมปราณแท้จริง ขั้นที่ 1 การที่พลังเพิ่มขึ้นขนาดนี้บอกตามตรงมันเกินความคิดที่ผมคิดเอาไว้เอามากๆ ตอนแรกคิดว่าจะเพิ่มไปถึง ก่อเกิดลมปราณ ระดับ 7 – 8 เท่านั้น แต่นี้มันขึ้นมาอีกระดับเลย
หึหึ! หมู่บ้านโอสถสวรรค์น่าสนใจจริงๆ ที่ทำโอสถคุณภาพสูงแบบนี้ออกมาได้ แต่
หมู่บ้านโอสถสวรรค์ ตามความจำของผมไม่มีชื่อยู่ในหมู่บ้านหรือประเทศเมื่อยุคหายะนะเดินทางมาถึงเลย เป็นไปได้ว่าพวกนี้มีความสามารถมากจนเผ่าปีศาจและเผ่าเทพเลยจัดการพวกนี้ไปก่อน อื้ม! คงต้องลองติดต่อซื้อวัตถุดิบกับพวกนั้นดูว่าจะมีวัตถุดิบที่เราต้องการเพื่อรักษาอลิสไหม
วัตถุดิบที่ผมต้องใช้รักษาน้องสาวนั้นมันมีหลายอย่างมาก เท่าที่คิดตอนนี้การหาในจักรวรรดิอย่างเดียวมันไม่พอแน่นอน เพราะวัตถุดิบและสมุนไพรพวกนั้นกระจายตัวอยู่ทั้งทวีป ถ้าไม่เกิดยุคหายะนะแห่งมวลมนุษย์ขึ้นและทุกประเทศเอาของทุกอย่างที่ตัวเองออกมาใช้งาน ผมคิดว่าผมก็คงไม่เจอวิธีรักษาหรอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ท่านครับ มีคนมารอพบท่านสองคนครับ”
ระหว่างกำลังม้วนกับความคิดเรื่องยารักษา เสียงเซบาสก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาเซบาสก็เดินมาหน้าประตูตลอดแต่ไม่พูดอะไร ความสามารถของชายคนนี้มันสุดยอดจริงๆ รู้แม้กระทั่งว่าผมดูดซับเสร็จแล้วแบบนี้ แต่ว่า สองคนงั้นเหรอ? ตามที่คิดเอาไว้มันต้องเจ้าของร้านหนังสือคนเดียวไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้มีสองคน???
หนังสือนิยายที่ผมเขียนคิดยังไงเจ้าของร้านก็ต้องติดต่อมาอยู่แล้ว เพราะแบบนั้น ระหว่างดูดซับการผมก็วางแผนเรื่องนี้เอาไว้นิดหน่อย แต่อีกคนนี้สิ ยัยร่านคงไม่ได้ส่งใครมาก่อกวนอีกหรอกนะ เฮ้อ~ อยากไปฆ่ายัยนั่นให้มันจบๆ สะแล้วสิ แต่ถ้าทำแบบนั้นคงได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาอีก จะถล่มตึกก็ต้องถล่มที่เสา! การจะฆ่ายัยนั่นผมต้องทำลายขุมอำนาจสุดท้ายของเธออย่างประเทศ เมเบอร์ ให้ได้ก่อน
“ข้ากำลังออกไป”
“ครับ”
หลังจากเตรียมตัวนิดหน่อยผมก็เปิดประตูออก จากนั้นก็ถามไปว่า
“ใครมาหาข้าตั้งสองคน?”
“คนที่หนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่มาขอพบท่านเมื่อหลายวันก่อน และชายคนนั้นก็มาทุกวัน ส่วนอีกคน เหมือนว่าจะเป็นพ่อค้าที่ไกอาตามตัวมาเพื่อซื้ออะไรบางอย่างครับ ไกอาบอกว่าไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ต้องให้ท่านไปคุยเท่านั้นครับ”
พ่อค้า???
ออ! ตอนแรกก็สงสัยเมื่อได้ยินว่าไกอาให้คนอื่นเข้ามาแบบนี้ แต่ไม่ต้องสงสัยแล้วละเพราะสิ่งที่ผมให้ไกอาทำนอกจากน้ำตาลก็คือเรื่อง แร่สวรรค์! ผมได้วาดรูปเหมือนมันเพื่อให้หมอนั่นไปตามหา ตอนแรกที่สั่งไปก็คิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อตามหา ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะสามารถหาพ่อค้าที่ขายแร่นั่นได้เร็วเช่นนนี้ หึหึ! แผนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วสิ
“สองคนนั้นอยู่ไหน?”
“ข้าแยกห้องทั้งสองคนเอาไว้ครับ ท่านอยากไปเจอใครก่อน”
“งั้นก็บอกให้พ่อค้าแร่คนนั้นรอก่อน ข้าจะรีบไปเจรจาทันทีหลังเรื่องหนังสือเรียบร้อย”
“ครับท่าน”
……
“ท่านแกนดยุค!!! ท่านเป็นคนที่สวรรค์ประทานมาแน่นอนครับ!!!”
เมื่อเข้ามาในห้องยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียก็ดังขึ้นมาทันที คนที่กำลังพูดกับผมตอนนี้คือเจ้าของร้านหนังสือที่ผมพูดถึง และเขาจะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยเหลือมนุษย์หลายร้อยล้านคนบนทวีปแห่งนี้
เขาเป็นชายสวมขุดผ้าไหมเหมือนกับพวกพ่อค้ารวยๆ รูปร่างอ้วนนิดหน่อยและกำลังมองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมแบบสุดๆ
ถามว่าทำไมถึงรู้ว่าหมอนี่กำลังชื่นชมก็ไม่อยาก ในยุคหายะนะแห่งมวลมนุษย์ผมออกเดินทางไปไหนก็จะเจอแววตาแบบนี้ตลอด คนธรรมดา พ่อค้า ขุนนางและราชวงศ์ ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหนในทวีปก็ได้รับความชื่นชมแบบนี้
ซึ่งก็แน่ละ ถ้าไม่มีผมเป็นคนวางแผนโดยใช้ความรู้จากโลกเก่าจนทำให้มนุษย์สามารถสู้กับเผ่าเทพและเผ่าปีศาจได้เป็นเวลานาน พวกมนุษย์ทั้งหมดก็คงโดนฆ่าทิ้งไปหมดแล้ว เพราะงั้นแววตาแบบนี้ผมเข้าใจดีว่าหมอนี่ไม่ได้มาหาผมเพื่อผลประโยชน์หรือคิดไม่ดี
“ท่านคือ…”
“ออ!”
เจ้าของร้านถอยห่างจากผมทันที จากนั้นก็ก้มตัวลงเล็กน้อย
“ข้ามีนามว่า ฮาฟเตอร์ วินเทอร์ไฮ เป็นเจ้าของร้านขายหนังสือ ‘วินเทอร์ไฮ’ ข้ามมาพบท่านวันนี้ก็เพื่อชื่นชมกับผลงานที่ท่านส่งให้ข้าเมื่อไม่กี่วันก่อนครับ ผลงานของท่านมันสุดยอดมาก เพียงแค่ได้อ่านก็ไม่สามารถหยุดได้แถมอ่านไปอ่านมามันก็หมดเล่มแบบข้าไม่รู้ตัว เพราะแบบนะ-”
“เจ้าต้องใจเย็นๆก่อน ฮาฟเตอร์ อันดับแรกพวกเราไปนั่งคุยกันก่อนดีไหม”
“อะ นะ นั่นสินะครับ ขออภัยจริงๆ”
ฮาฟเตอร์ ยิ้มอ่อนๆ แล้วตรงไปยังที่นั่งของตัวเองเมื่อกี้ทันที ส่วนผมก็เดินตามไปแล้วนั่งฝั่งตรงข้าม ก็ขอบคุณอยู่หรอกที่หมอนี่ชื่นชมผลงานของผมขนาดนั้น แต่ว่า การที่ผมเขียนเรื่องนั่นขึ้นมามันไม่ได้เพื่อให้หมอนี่ชื่นชมคนเดียวสักหน่อย แต่มันเป็นทั้งธุรกิจ และความอยู่รอดของมนุษย์หลายร้อยล้านคน คงจะมาฟังหมอนี่ชื่นชมทั้งวันไม่ได้หรอกต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
“เอาละเช่นนั้นพวกเราคุยกันดีกว่า อย่างที่เจ้าได้อ่านไปนั่นเป็นเพียงผลงานเล่มที่หนึ่งเท่านั้น ข้าเขียนมันขึ้นมาจากพล็อตเพียงเล็กน้อยโดยที่ยังไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบด้วยซ้ำ ตอนแรกข้าก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกันว่ามันพอจะเอาไปขายได้หรือไม่ แต่คงไม่ต้องถามเรื่องแบบนั้นแล้ว…”
“แน่นอนสิครับ!! สุดยอดผลงานแบบนั้นข้าแทบอยากเก็บเอาไว้คนเดียวด้วยซ้ำ!!”
“ฮาฮาฮา ข้าเข้าใจคำพูดของเจ้าดี”
เมื่อชาติก่อนผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันช่วงอ่านนิยายที่สนุกๆ แล้วปัญหาอีกอย่างสำหรับการอ่านนิยายก็คือ การรออัพตอนไหน! ถ้าให้เปรียบตอนนี้คงเป็นการเขียนเล่มใหม่ต่อจากเล่มที่หนึ่ง ผมเชื่อว่าที่ฮาฟเตอร์มาหาผมแบบนี้คงไม่ได้คิดเรื่องธุรกิจเลยด้วยซ้ำ แต่หมอนี่มาเพื่อรอเล่มสองเล่มสามและเล่มต่อๆ ไปต่างหาก
อยู่ๆ ฮาฟเตอร์ก็ทำหน้าสงสัย
“ข้าของถามอะไรท่านหน่อยได้ไหมครับ?”
“เชิญ”
“เมื่อกี้ท่านบอกว่ายังไม่ถึง 10% เท่ากับว่านิยายเรื่องนี้มีมากกว่า 10 เล่ม…. ปะ เป็นแบบที่ข้าคิดอยู่ใช่ไหมครับ?”
ผมพยักหน้าเป็นการให้คำตอบไปแทน
การที่หมอนี่ถามออกมามันเป็นเพราะจำนวนเล่มที่มากเกินไป ในโลกนี้หนังสือที่ยาวมากที่สุดก็มีไม่เกิน 5 เล่ม ต่อนิยายหนึ่งเรื่อง แต่ว่า เมื่อเอาความรู้ปัจจุบันในโลกที่ผมจากมาการยืดเนื้อเรื่อง การสร้างปมเล็ก การสร้างปมใหญ่ ของพวกนี้สามารถทำให้นิยายมากกว่าสิบเล่มก็ได้
แต่ถ้าทำแบบนั้นมันผิดกับกับความคิดช่วงแรกของผม สิ่งที่ผมต้องการคือทำให้มนุษย์ทั่วทั้งทวีปรู้ตัวว่าพวกเรานั้นไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวทวีปเดียวในโลก ก็เลยต้องเขียนให้จบภายในสิบเล่มและใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 – 2 ปี เพื่อให้นิยายที่ผมเขียนกระจายไปทั่วทวีปของมนุษย์
นี่แหละสิ่งที่ผมคิดเอาไว!
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอเสียมารยาทหน่อยนะครับท่านแกนด์ดยุค ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้น”
“เชิญเจ้าว่ามา”
“ถ้ามันยาวขนาดนั้นเรื่องของท่านจะไม่ออกทะเลงั้นเหรอ ข้าเห็นนิยายมามากที่ผู้เขียนต้องการจะขายได้เยอะ จนทำให้เนื้อเรื่องเดินช้าจนหมดความสนุกไป”
หึ! แกไม่รู้หรอกว่ากำลังพูดกับใครอยู่ฮาฟเตอร์ เหอๆ เรื่องออกทะเลแบบหมอนี่พูดมาผมคนนี้เจ็บมาเยอะแล้วละ เพราะนักเขียนนิยายหลายเรื่องที่ผมเคยอ่านก่อนที่มายังโลกนี้มันก็เป็นแบบนั้นจำนวนมาก ตัดจบบ้างละ หายบ้างละ ออกทะเลบ้างละ เพราะเรื่องแบบนั้น ก่อนจะเริ่มเขียนผมเลยวางพล็อตเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เรื่องเหล่านั้นมันจะไม่เกิดกับนิยายของผแน่นอน วงเล็บ อย่าง! แน่! นอน!
“อย่างงั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย ว่าลองอ่านแล้วเห็นอะไรมากเกินไปในนิยายข้าไหม”
ฮาฟเตอร์ ส่ายหน้าอย่างเร็วเมื่อผมถามจบ
“คำพูด! บทบรรยาย! ความรู้สึกตัวละคร! ท่านเขียนทั้งหมดออกมาได้อย่างลงตัว เอาตามจริงข้าแทบไม่เชื่อเลยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้ในโลกที่ข้าเกิดมาด้วย นิยายทีย้อนเวลามาเพื่อแก้ไข้อดีตแบบนี้ แค่คิดข้าก็แค้นแทนตัวเองแล้ว แต่อย่างน้อยตัวเองของท่านก็มีคนรักอยู่เคียงข้าง”
สีหน้าฮาฟเตอร์ระหว่างอธิยายออกมาจริงจังอยากเอามากๆ ถ้าผมบอกไปว่านางเอกที่หมอนี่พูดถึงต้องโดนแยกจากพระเอก หมอนี่ต้องอารมณ์เสียแน่ๆ หึหึ! แต่มันเป็นพล็อตยังไงทั้งสองก็ต้องแยกจากกัน เสียใจด้วยนะฮาฟเตอร์ แต่ถ้านายอ่านเล่มสองนายคงอ้าปากค้างแน่ๆ
“แบบนั้นแล้วเจ้าว่าข้าจะออกทะเลอีกงั้นเหรอ”
“คือ…”
ฮาฟเตอร์ พูดอะไรไม่ออกจากสิ่งที่ผมถามไป ก็แน่นอนละ ถ้าตอบว่ายังออกอีกผมคงต้องพิจารณาเรื่องผู้ร่วมลงทุนใหม่แล้วละ ถึงร้านของหมอนี่จะดีที่สุดในจักรวรรดิ แต่ก็ไม่ได้มีเพียงร้านเดียวสักหน่อย
“ไม่แน่อครับ! ข้ามั่นใจ!! ….ที่ข้าถามเพราะสงสัยเฉยๆ”
ดี! นี่แหละที่ฉันต้องการจากนายฮาฟเตอร์ หึหึ! ถ้างั้นก็มาเริ่มแผนต่อไปเลยแล้วกัน หลังจากคุยเรื่องข้องใจเรียบร้อย สิ่งต่อมาที่ผมต้องคุยกับหมอนี่ก็คือ ธุรกิจ!