การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 15 คนที่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอ
ตอนที่ 15 คนที่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอ
“ข้อเสนอราคาที่ 500 เหรียญทอง ครับ!!!”
“บ้าจริง! ถ้าได้โอสถนั่นไปให้ลูกข้า มันต้องทำให้เด็กนั่นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นแน่ๆ”
“ข้าเองก็คิดเหมือนกัน แต่ราคา 500 เหรียญทอง มันก็…”
“นั่นสิ! ราคาขนาดนั้นมันแพงเกินไป เงินขนาดนั้นตระกูลของข้าต้องทำธุรกิจทั้งเดือนเลยกว่าจะได้มันมา จะเอามาซื้อมันแบบนี้ก็ไม่ได้สะด้วย”
หลังจากการเสนอราคาของพนักงานประมูลเสียซุบซิบก็ดังขึ้นมาทันที ทุกคนเข้าใจประโยชน์ของมันดีแต่ราคา 500 เหรียญทอง มันมากเกินไปสำหรับตระกูลขุนนางธรรมดา ส่วนตระกูลระดับสูงก็คงมองว่ามันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ เพราะพวกนั้นก็ทีหนทางในการหาโอสถแบบนี้ได้ไม่ยากถ้าต้องการ ยกเว้นตระกูล วอเตอร์ เพราะตอนนี้ตระกูลของผมไม่มีเส้นสายอะไรเหลืออยู่เลย พูดแล้วก็เศร้า แต่คนที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นก็คือผมเอง เฮ้อ~
แต่ว่า สำหรับผมแล้วเงิน 500 เหรียญทอง มันไม่ได้มากไปเลยถ้าแลกกับโอสถเม็ดนั้น พูดให้ถูกมันคงจะคุ้มค่ามากกว่าด้วยซ้ำที่จะได้มันมาในราคาแบบนี้ หึหึ! เมื่อคิดได้ผมก็ยกมือขึ้นเป็นเป็นสัญญาณ
“มาแล้วครับ ท่านแกนด์ดยุค วอเตอร์ ให้ราคาที่ 500 เหรียญทอง!!!”
ทุกสายตาในห้องจ้องมองมาทางผมทันทีด้วยแววตาแปลกใจ ไม่แปลกที่พวกนั้นจะแสดงท่าที่แบบนี้ออกมา ตอนนี้ทุกคนในห้องนี้ยังไม่รู้ว่าผมไม่ใช่ขยะแบบที่คิดอีกแล้ว แต่บางคนก็ฉลาดดีและมองผมด้วยใบหน้าตกใจ พวกที่แสดงออกถึงความตกใจพวกมันคงตรวจสอบพลังของผมไปแล้วแน่ๆ แล้วเห็นว่าพลังของผมอยู่ระดับ ก่อเกิดลมปราณ ระดับ 5
ระดับเพียงเท่านี้มันไม่ได้มากอะไรเลยด้วยซ้ำกับขุนนางอายุ 18 ปี แต่สำหรับคนที่เส้นลมปราณพิการตั้งแต่เกิด สามารถเพิ่มพลังบ่มเพราะได้มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คิดแล้วก็โชคดีที่ตอนนี้มี เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณ ติดมาในความทรงจำด้วย ถ้าไม่งั้นคงต้องเสียเงินและเวลาจำนวนมากเพื่อหาเธอคนนั้น
“ท่านแกนด์ดยุค มีหลายคนกำลังประเมินท่านอยู่!”
เสียงไคเซอร์ดังขึ้นแบบไม่พอใจเท่าไหร่นัก การประเมินตรวจสอบพลังคนอื่นในสถานที่แบบนี้มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทจริงๆ แต่ช่างพวกมันเถอะ ยังไงหลังจากนี้ผมก็ต้องเปิดเผยตัวตนเรื่องพลังอยู่แล้ว สร้างแรงกดดันเอาไว้กับพวกขุนนางเหล่านี้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“ช่างพวกมัน”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้พลังของท่านก็จะรู้ทั่วจักรวรรดิ แล้วเมื่อเป็นแบบนั้น-”
“ตระกูลแกนด์ดยุคอีกสามตระกูลก็จะเคลื่อนไหว! เจ้ากำลังจะบอกแบบนี้ใช่ไหม”
“ครับ…”
มันก็แน่นอนอยู่แล้วที่พวกนั้นอีกสามตระกูลจะเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวพวกมันคงทำทุกอย่างเพื่อกำจัดผมออกจากตระกูล หรือฆ่าให้ตายให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องเหตุผลก็เป็นเพราะขั้วอำนาจ เวลานี้ในจักรวรดรดินอกจากราชวงศ์ก็ไม่มีขั้วอำนาจไหนจะต่อกรตระกูลดยุคทั้งสามที่ปกครอง ใต้ ตะวันออกและตะวันตก ของจักรวรรดิได้ ถ้าตระกูล วอเตอร์ ที่ไร้ซึ่งอำนาจมาเป็นเวลานานเข้าร่วมสงครามขั้วอำนาจ มันคงกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกมัน แต่เรื่องนี้ผมก็คิดเอาไว้แล้วเหมือนกัน ถ้ามันแน่ก็ไสม้าเข้ามาเถอะ!
“600!”
โห่ว! ไม่คิดเลยว่าจะมีคนอยากได้เหมือนกันด้วย ผมมองไปยังคนที่ยกมือขึ้นมาทันทีเพราะอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่มันกล้ามาประมูลแข่งกับแกนดยุคแบบนี้ หืม~ นั่นมัน…. ดยุค มอแกน! เหอๆ ก็คิดอยู่ว่าใครกล้ามาเสนอแข่งราคากับผมแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับเจ้านี้สะได้ คงจะอารมณ์เสียน่าดูเลยสินะหลังจากเมื่อวานที่เราเล่นลูกของมันหนักขนาดนั้น เรมอน มอแกน ต่อจากเจ้านั้นก็พ่อมันเหรอเนี่ย
แต่แบบนี้มันก็ดี! มาเล่นสนุกกับมันหน่อยดีกว่า
“ท่านดยุค ข้าไม่คิดเลยว่าท่านต้องการแบบข้าเช่นนี้”
“ฮาฮา ท่านแกนดยุคโปรดอย่าคิดมากของในงานประมูลแห่งนี้ก็แค่เสนอราคาสู้มาเท่านั้น ตัวข้าก็มีลูกหลานในตระกูลหลายคนที่ต้องการใช้มัน”
ตอบได้ดี มันต้องแบบนี้แหละ
“เช่นนั้น 1,000 เหรียญทอง!”
“ทะ ท่านแกนดยุคท่านประมูลเพิ่มใช่ไหมครับ?”
พนักงานประมูลรีบถามทันทีหลังผมเสนอราคาไปอีกครั้ง จากสีหน้าของหมอนั่นผมเดาได้เลยว่ามันคงคิดว่า 500 ก็ขายยากแล้ว มาเจอราคาขนาดนี้คงตกใจเป็นธรรมดา
“…ข้าจะไม่พูดซ้ำสอง”
“ครับ! ถ้างั้นตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1,000 เหรียญทอง”
พูดจบพนักงานประมูลก็หันไปทางดยุค มอแกน อีกครั้ง ในห้องตอนนี้ถ้าจะสู้ราคากันก็มีเพียงผมกับเจ้านั่นนะแหละ ที่มองไปไม่ใช่แค่พนักประมูลเท่านั้น แต่ขุนนางคนอื่นในห้องก็หันมองไปทางเจ้านั่นเหมือนกัน ใบหน้าของดยุค มอแกน เวลานี้เริ่มบิดเบี้ยวนิดหน่อยพร้อมอยู่ในท่าทางคิดหนัก เงิน 1,000 เหรียญทอง สำหรับมันตอนนี้คงไม่ได้เยอะอะไรเพราะตระกูลของมันร่ำรวยจากการค้าขายหลายธุรกิจในเมืองหลวง แต่ว่าถ้าใช้เงินเกินตัวไปก็จะโดนตรวจสอบเอาได้ ธุรกิจตระกูลของมันไม่ได้มีแต่ขาวสะอาดแบบเดียวหรอก เอาสิ! จะทำยังไงต่อ
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดดยุค มอแกน ก็เหมือนจะสามรถตัดสินใจได้ มันยิ้มและมองมาทางผม
“ท่านแกนด์ดยุค ถ้าท่านต้องการข้าก็จะไม่ขัดท่านแล้ว…”
“ฮาฮาฮา ท่านดยุคก็พูดเกินไป ต่อให้ท่านสู้ราคามาอีกข้าก็ไม่ว่าอะไรท่านหรอกเพราะยังไงตระกูลของข้าก็มียศถึงแกนด์ดยุค คงไม่ยอมให้ตระกูลดยุคมาแย่งของที่ข้าอยากได้ไปหรอก”
“อึก…”
ดยุค มอแกน กัดฟันแน่นแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ที่มันพูดออกมาแบบนี้คงแปลว่ายอมแพ้เพื่อไม่ให้ขายหน้านั่นแหละ แต่ว่า มันคิดง่ายเกินไปที่จะยอมแพ้แล้วเรื่องทั้งหมดจะจบ หึหึ! เมื่อวานทำให้ลูกอับอายไปแล้ว วันนี้ก็ทำให้พ่อมันอับกายไปด้วยเลยแล้วกัน
“ถ้าท่านไม่ประมูลต่อเราคงไม่ต้องเสวนากันอีก แล้วอีกเรื่อง เนื้องจากการกระทำของท่านในวันนี้และ! …ในอดีตที่ผ่านมา ข้าในฐานะผู้นำตระกูล วอเตอร์ ขอประกาศเลยว่าจะทดแทนสิ่งที่โดนอย่างสาสมแน่นอน ในทุกๆ รายละเอียด…”
“ทะ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรครับ การประมูลเป็นธุรกิจถ้าใครจะ-”
“เหอ! ข้าว่าท่านเข้าใจความหมายที่ข้าพูดไปดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลไหนยังร่วมธุรกิจกับตระกูล มอแกน ก็หมายถึงเป็นศัตรูกับข้าเช่นกัน ข้าคิดว่าคนในห้องประมูลตอนนี้คงเข้าใจดีว่าข้าจะทำแบบไหนกับศัตรูของตัวเอง”
ในห้องตกสู้ความเงียบสงบในทันที บรรยากาศมีชีวิตแบบตอนผมเข้ามาแรกๆ มันหายไปจนหมดเหลือแต่บรรยากาศตรึงเครียดภายในห้อง แต่
ดยุค มอแกน ไม่คิดเลยว่ามันยังคุมสติตัวเองได้อยู่แบบนี้ ตอนแรกคิดว่าจะโวยวายหรือพยามพูดอะไรแก้ตัวสะอีก ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยิ่งพูดให้มันดูเลวร้ายขึ้นไปมากกว่าเดิมได้ แต่ถ้ามันเงียบแบบนี้ผมพูดอะไรไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมาก สมแล้วที่ยัยร่านเลือกให้ขึ้นมาเป็นตระกูลแกนด์ดยุคแทนทันที หลังจากที่ตระกูล วอเตอร์ หมดอำนาจ หึ! สงสัยจะดูถูกคนแบบมันไปหน่อย
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรให้ทำได้อีก ผมก็หันไปทางพนักงานประมูลแล้วพูดต่อ
“คงได้เวลานับได้แล้วไม่ใช่หรือไง!!”
“คะ ครับ! ถ้าเช่นนั้นเมื่อไม่มีใครเสนอราคาต่อ โอสถเม็ดนี้ก็เป็นของท่านแกนด์ดยุค วอเตอร์ ในราคา 1,000 เหรียญทอง…”
สายตาของพนักงานประมูลยังคงกวาดสายตารอบๆ เพื่อรอการตอบรับจากขุนนางคนอื่นๆ แต่มันก็ไร้ซึ่งการตอบรับจากขุนนางพวกนั้น มันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าใครบ้ากล้าขัดอีกครั้งผมคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่ๆ ตระกูล มอแกน ผมก็เชือดไก่ให้ลิงดูไปแล้ว ถ้าพวกมันมีสมองอยู่คงไม่มีใครกล้าขัดกันหรอก
“เช่นนั้นก็ปิดที่ราคา 1000 เหรียญทอง!!!”
ป๊อก!
พนักงานประมูลพูดขึ้นอีกครั้งหลังผ่านไปได้ไม่นาน พูดจบก็เคราะค้อนขนาดเล็กลงโต๊ะไปด้วยซึ่งเป็นการยืนยันว่าการประมูลครั้งนี้เสร็จเรียบร้อย เฮ้อ~ ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะไม่ได้สนุกกับตระกูล มอแกน แบบที่คิดเอาไว้ตอนแรก แต่ก็เอาเถอะยังไงเดี๋ยวก็หาทางจัดการพวกมันทีหลังก็แล้วกัน พวกนี้ถ้าไม่มียัยร่านให้การสนับสนุนพวกมันก็ไม่มีปัญญาทำเรื่องอะไรหรอก
ผมลุกขึ้นทันที หลังตัดสินใจได้
“ไปกันเถอะ ตอนนี้ได้ของที่สนใจแล้ว”
“ครับท่าน”
…..
บนรถม้า
เมื่อจัดการเรื่องการประมูลเรียบร้อยผมก็เดินทางกลับคฤหาสน์ตระกูลทันที ช่วงเวลาตอนนี้เป็นเวลาบ่ายอ่อนๆ ทำให้อากาศรอบนอกร้อนพอสมควร จะเดินทางไปไหนตอนนี้มันไม่ใช่เวลา อีกอย่างระหว่างดูการประมูลเมื่อกี้ผมก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย จึงอยากรีบกลับไปลองความคิดว่ามันใช่ได้ไหม ถ้าสามารถใช้ได้ผมจะสามารถเตือนเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนทั้งจักรวรรดิ… ไม่สิ! ต้องพูดว่าทั้งทวีปให้รับรู้เลยก็ว่าได้
“คือว่า…. ท่านให้ข้าขึ้นมาแบบนี้ทำไมครับ???”
ไคเซอร์ เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่รถม้าออกมาสักพัก ตามจริงในฐานะอัศวินหมอนี่ต้องไปขี่ม้าด้านนอกเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับรถม้าของผม แต่ผมมีเรื่องจะถามเลยให้เข้ามานั่งด้วยแบบนี้
“ตอนนี้อัศวินของตระกูลมีเท่าไหร่ ….เอาเฉพาะพวกที่ไว้ใจได้”