39
Ep.39
หนึ่งกระบี่หนึ่งแส้ปะทะ เกิดเสียงเอี๊ยดดด! ดังบาดหู
ร่างของเจิ้งสุ่ยไถลกระเด็นถอยไปหลายเมตรภายใต้ผลพวงนี้
ซ่งจื่อจินเห็นแบบนั้น ก็ยิ่งอาศัยประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ ควบคุมแส้ยาวโจมตีเจิ้งสุ่ยไม่ยั้ง
แต่เจิ้งสุ่ยเองก็ไม่คิดแสดงคามอ่อนแอออกมาเช่นกัน ฝ่าเท้าเขากระทืบลงกับพื้นอย่างแรง ใช้กระบี่ฟาดฟันตอบโต้
อีกทั้งเจิ้งสุ่ยยังไม่ลืมหาช่องว่างโจมตี ซ่งจื่อจินที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ
ปราณกระบี่ฟาดฟันออกไป อย่างไรก็ตาม ภายใต้พลังจิตอันแข็งแกร่งของซ่งจื่อจิน เขาสามารถหลบเลี่ยงพวกมันก่อนถึงตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
“นายว่าผลจะเป็นยังไง?” ระหว่างรับชม ฉู่เซวียนหันไปถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ “คิดว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ”
“หือ? นี่นายดูไม่ออกหรอ เดี๋ยวเจ้าซ่งจื่อจินนั่นก็ตายแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหัวแสดงท่าทีดูถูก พูดอย่างมั่นใจว่า “ผู้ใช้พลังเลเวล 4 ธรรมดาริอาจท้าทายผู้สืบทอดกระบี่เลเวล 4 อยากจะรู้จริงๆ ว่าใครกันที่มอบความกล้าแบบนี้ให้เขา”
“อ๋า? ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น” ฉู่เซวียนถามด้วยความสงสัย
“เพราะการฝึกฝนของผู้สืบทอดมีต้นกำเนิดจากประสบการณ์อันล้ำค่าในความทรงจำ ขณะที่ผู้ใช้พลังต้องค่อยๆคลำหาทางไปทีละขั้นด้วยตัวเอง พูดแค่นี้คงไม่ต้องบอกแล้วมั้งว่ารากฐานของใครแน่นกว่า” ชายหนุ่มพูดเบาๆ
ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนร้องอ๋อ พยักหน้าว่าเข้าใจ
“ดูนั่น! เหมือนพวกเขาจะตัดสินแพ้ชนะกันแล้ว”
ในเวลานั้นเอง จู่ๆผู้ชมรอบด้านร้องอุทานขึ้นมา
ได้ยินเสียงฮือฮา ฉู่เซวียนอดหันมองลงไปยังสนามประลองไม่ได้
เขาพบว่าเวลานี้ทั้งสองได้หยุดโจมตีต่อเนื่องแบบในตอนแรกแล้ว ทั้งคู่ยืนอยู่คนละฟากของสนามประลอง เผชิญหน้ากันจากระยะไกล
แม้ลมหายใจของเจิ้งสุ่ยจะค่อนข้างยุ่งเหยิง แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในทางกลับกัน ซ่งจื่อจินสภาพไม่ดีนัก ผมเพ้าเขากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าบนตัวขาดวิ่น เนื่องจากต้องทานรับปราณกระบี่เป็นจำนวนมาก ก็ต้องมีบ้างที่หลบไม่พ้น
เจ้าตัวสูดหายใจลึก บางทีอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าขืนสู้ยืดเยื้อต่อไป คงเป็นตนที่พ่ายแพ้
ซ่งจื่อจิน กล่าวเสียงเบา แต่ทุกคนกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน “เจิ้งสุ่ย มาตัดสินแพ้ชนะกันในกระบวนท่าเดียวเถอะ”
สิ้นเสียง แส้ยาวที่กลับมาอยู่ในมือเขาก็เริ่มขยับ และหากเพ่งมองดีๆจะพบว่าหนามแหลมที่ปกคลุมในตอนแรกค่อยๆหลุดลอก กลายเป็นเศษเสี้ยงใบมีดคมกริบนับไม่ถ้วนลอยล่องในอากาศ
เจิ้งสุ่ยแม้ต้องเผชิญกับกลุ่มใบมีดมหาศาล ทว่าบนใบหน้าเขากลับไม่แสดงออกถึงความตื่นตระหนก
“ก็ดี ในเมื่อเป็นแกเองที่มองหาความตาย งั้นฉันจะเติมเต็มความปรารถนาให้เอง”
สิ้นเสียง กระบี่ทองคำขนาดเล็กที่ไม่น่าเกิน 10 นิ้ว พุ่งออกจากปากเขา ลอยล่องอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
เห็นภาพนี้ ม่านตาซ่งจื่อจินหดลีบลงอย่างกะทันหัน “กระบี่แห่งโชคชะตา? นี่แกฝึกฝนมันสำเร็จแล้ว!?”
ต่อมา กระบี่ทองคำขนาดเล็กค่อยๆสั่นไหวอย่างช้าๆ พร่ามัวเป็นเงา แยกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ เพิ่มจำนวนออกไปเรื่อยๆ
เพียงหนึ่งลมหายใจสั้นๆ รู้สึกตัวอีกทีมันก็ปกคลุมพื้นที่สนามประลองไปครึ่งแถบแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็สวยสิ! เจิ้งสุ่ย! มาลองกันซักตั้ง ว่ากระบี่แห่งโชคชะตาของแก กับใบมีดมังกรวายุของฉัน ใครมันจะเหนือกว่ากัน!” ซ่งจื่อจินหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ตัดสินใจเปิดการโจมตีก่อน
ใบมีดนับไม่ถ้วนเสมือนดั่งห่าฝน ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตของเขา มันม้วนกลืนไปทางเจิ้งสุ่ยที่อยู่ไม่ไกล
“จงสะบั้น!” เจิ้งสุ่ยไม่สนใจเสียงโวยวายของซ่งจื่อจิน สะบัดมือชี้นิ้วไปทางอีกฝ่าย
จากนั้น กระบี่ทองคำขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนกวาดฮือออกไปราวพายุคลั่ง ปะทะเข้ากับใบมีดเล็กๆบนท้องฟ้า ในชั้นอากาศเต็มไปด้วยเสียงบรรเลง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
ไม่ทราบว่าพื้นเวทีสร้างมาจากโลหะผสมอะไร แต่เมื่อกระบี่และใบมีดเฉือนโดนมัน สิ่งที่เกิดขึ้นมีแค่จุดประกายไฟเท่านั้น
ความผันผวนของพลังงานอันรุนแรงกระจายไปทั่วสนามประลอง โล่พลังงานที่ปกคลุมเวทีคล้ายตกอยู่ภายใใต้แรงกดดันอย่างหนัก แสงเริ่มหม่น เกิดการกระพริบถี่รัว
ในคราเดียว ผู้ชมบนอัฒจันทร์รอบด้านส่งเสียงกรีดร้องออกมา บนหลายจุดเริ่มเกิดการจลาจล