บทที่ 581 เจอกันอีกครั้ง!(ตอนฟรี)
บทที่ 581 เจอกันอีกครั้ง!
“คุณจี้ ทำไมไม่ให้ผมไปกับคุณด้วยล่ะ?”
หลังจากที่จี้เฟิงพูดคุยสอบถามรายละเอียดพื้นฐานบางอย่างของเหยียนไท่กรุ๊ปกับหลินเซิงผิงและเซียวฉางเหอมาโดยละเอียดแล้ว จี้เฟิงก็ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบสถานการณ์อย่างคร่าวๆของเหยียนไท่กรุ๊ปด้วย จากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะไปหาผู้จัดการฝ่ายขายหรือบุคคลระดับหัวหน้าแผนกของเหยียนไท่กรุ๊ปด้วยตัวเอง
และเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้พบกับโจวเฉิงซิ่นผู้จัดการแผนกฝ่ายขายหรือผู้รับผิดชอบด้านการขายคนอื่นๆของเหยียนไท่กรุ๊ป ก่อนหน้านี้จี้เฟิงได้ใช้เงินมากกว่าสิบหยวนเพื่อพิมพ์นามบัตรมากล่องหนึ่งที่ชั้นล่างและแน่นอนว่าชื่อที่พิมพ์บนนามบัตรเป็นข้อมูลปลอม ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทยาที่จี้เฟิงคิดขึ้นมาเองไม่ได้มีอยู่จริงเลย
สรุปแล้วทั้งหมดนี้จี้เฟิงลอกเลียนแบบมาจากบริษัทยาฉางเหอของเซียวฉางเหอ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นเพียงนักธุรกิจรายย่อยบริษัทไม่ได้ใหญ่โตอะไร อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคนที่จะอยู่ในสายตาพวกเขา แต่เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของบริษัท ยังไงพวกเขาก็ต้องออกมาพบ!
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเซิงผิงก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เพราะยังไงจี้เฟิงก็ไม่ได้เปิดบริษัทยาจริงๆ และเมื่อถึงตอนที่เขาต้องพูดคุยกันอีกฝ่าย ก็มีแนวโน้มที่จะโดนจับโกหกได้
“ก่อนหน้านี้ที่ไปเจรจาขอความร่วมมือที่เหยียนไท่ คุณก็ไปกับลุงเซียวไม่ใช่เหรอ? ยังไงก็ต้องมีคนคุ้นหน้าคุณบ้างแหละ!” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “ดังนั้นคุณถึงไปกับผมไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมเอาอยู่ ว่าแต่คุณมีรูปของโจวเฉิงซิ่นบ้างรึเปล่า?”
อย่างน้อยก็ต้องรู้ไว้ว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างหน้าตายังไง ไม่อย่างนั้นต่อให้เห็นโจวเฉิงซิ่นก็จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่เขากำลังมองหา มันก็ไม่ต่างจากแมลงวันที่บินแบบไม่มีหัว
“ไม่มีเลย...” หลินเซิงผิงส่ายหัวด้วยความอับอาย เขามาเพื่อพูดคุยธุรกิจ แล้วจะไปคิดถึงเรื่องการขอถ่ายรูปอีกฝ่ายได้อย่างไร
“เอ๊ะ! ตอนที่เราไปงานจัดแสดงหินหยาบ ฉันจำได้ว่าเราถ่ายรูปไว้อยู่นะ และเหมือนจะติดโจวเฉิงซิ่นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่ารูปถูกลบออกไปหรือยัง!” เซียวฉางเหอที่อยู่ถัดจากหลินเซิงผิงพูดขึ้นและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและเลื่อนดูรูปที่อยู่ในเครื่องทันที
ทันใดนั้นสายตาของจี้เฟิงและหลินเซิงผิงก็มองไปที่เซียวฉางเหอทันที ถ้าพวกเขามีรูปภาพของโจวเฉิงซิ่นจริงๆ อย่างน้อยพวกเขาจะสามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงของโจวเฉิงซิ่นผ่านช่องทางอื่นๆได้ง่ายดายขึ้น!
“ลุงเซียวครับ คุณต้องหามันมาให้เจอนะ ไม่อย่างนั้นการจะหาโจวเฉิงซิ่นจากรูปร่างหน้าตาที่คุณอธิบายไว้อย่างเดียวคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก!” จี้เฟิงกล่าว
“ไม่ต้องห่วงไม่ต้องห่วง!” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ใบหน้าของเซียวฉางเหอกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่เวลาที่ผ่านมาหนึ่งวันก็ทำให้เขาสงบขึ้นมากแล้วและแน่นอนว่าเขารู้ว่ารูปถ่ายของโจวเฉิงซิ่นนั้นมีความสำคัญเพียงใด!
“โอ้!” ทันใดนั้นดวงตาของเซียวฉางเหอพลันสว่างขึ้น เขาชี้ไปที่หน้าจอบนโทรศัพท์มือถือของเขาและกล่าวว่า “นี่ไง! ชายวัยกลางคนหัวล้านๆที่สวมเสื้อลายสก๊อตสีน้ำเงิน คนนี้แหละโจวเฉิงซิ่น!”
จี้เฟิงคว้าโทรศัพท์มือถือของเซียวฉางเหอมาดูทันที ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือนี้เป็นภาพของหินหยาบที่มีความสูงประมาณครึ่งเมตร ถัดจากหินหยาบมีคนหนึ่งมองไปที่กล้อง เขาสวมเสื้อลายสก๊อตสีฟ้าและผมของเขามีเพียงส่วนครึ่งหลังบางๆเท่านั้น
“นี่คือโจวเฉิงซิ่น?!” จี้เฟิงขมวดคิ้วและถามว่า “ถ้าดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกเขาก็เหมือนคนดีคนหนึ่งเลยนะเนี่ย!”
โจวเฉิงซิ่นคนนี้ดูเป็นคนจิตใจดี หากเขาสวมแว่นตาเพิ่มเข้าไปก็จะเหมือนกับศาสตราจารย์หรือนักวิชาการที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี
คนโกหกที่มีหน้าตาแบบนี้ คงเกิดมาเพื่อทำมาหากินทางด้านการโกงโดยเฉพาะเลยสินะเนี่ย รู้สึกเสียดายหน้าตาและชื่อที่มีเสียงพ้องกับความซื่อสัตย์มีศีลธรรมจริงๆ!
“ปี๊บ... ปี๊บ...” จี้เฟิงกดโทรศัพท์มือถือสองสามครั้งอย่างรวดเร็วและส่งข้อความนี้เป็น MMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของเขา “ลุงเซียวครับ คุณสบายใจได้เลย ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน ตราบใดที่บริษัทยังดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ ก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่ และจะดีมากถ้าเอาบริษัทเป็นหลักประกันเพื่อยืมเงินจากธนาคารมาก่อน จะได้ไม่ต้องทำให้ธุรกิจของบริษัทต้องชะลอตัวลง!”
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อย “อนิจจา.. แก่ปูนนี้แล้วกลับเพิ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ เฮ้อ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอน่ะ ระวังตัวดีๆนะ อย่าทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง ไม่งั้นฉันกลัวว่าพวกเขาจะส่งคนมาจัดการกับเธอ อย่าลืมว่าที่นี่ไม่ใช่เจียงโจว อะไรหลายๆอย่างพวกเราไม่คุ้นเคย ถ้าพวกเราถูกปิดล้อมโดยอีกฝ่าย พวกเราก็ร้องหาใครช่วยไม่ได้!”
เรื่องคราวนี้ทำให้เซียวฉางเหอตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่าการออกไปต่างถิ่นเป็นเรื่องยาก ในเมืองหางโจวนี้เขาก็พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง แต่พอเขามีปัญหา ไม่มีสักคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ต้องพูดเรื่องให้ยืมเงิน แค่สอบถามข่าวคราวยังไม่ได้ พวกเขาคงกลัวว่าปัญหาของเซียวฉางเหอจะทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปด้วย?
ทั้งเรื่องถูกหลอก ถูกโกงและรู้ถึงสันดานที่แท้จริงของเพื่อนที่คบหากันมานานเวลาที่ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากทำให้เซียวฉางเหอรู้สึกท้อแท้
จี้เฟิงยิ้มน้อยๆและพยักหน้า “คุณลุงเซียว ทำใจให้สบายเถอะครับ ผมรู้ดีว่าต้องทำยังไง ก่อนอื่นผมจะไปที่ตึกเหยียนไท่ ยังไงไปดูสถานที่จริงก่อนย่อมดีกว่า แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเราค่อยมาคุยกัน!”
“ดี! เอาล่ะ ระวังตัวด้วย!” เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะกำชับอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ครับ!” จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า “อ้อ! ลุงเซียวครับ เมื่อผมออกไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นคุณก็อย่าออกไปไหนนะครับ แค่รอข่าวจากผมอยู่ในโรงแรมก็พอ เรื่องในตอนนี้คุณลุงเข้าไปยุ่งไม่ได้เด็ดขาด โอเคนะครับ... กัวเถา ไปกันเถอะ!”
“ครับ!” กัวเถาพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องและเพียงไม่กี่นาที เขาก็เดินกลับออกมาอีกครั้งแล้วล็อกประตู
ทั้งเซียวฉางเหอและหลินเซิงผิงไม่ได้สังเกตการณ์เคลื่อนไหวของกัวเถา แต่จี้เฟิงสังเกตเห็นและเข้าใจในทันทีว่ากัวเถาต้องไปที่ห้องเพื่อเตรียมอาวุธ เห็นได้ชัดว่าที่เซียวฉางเหอพูดซ้ำๆว่าต้องระวังตัวยิ่งเป็นการกระตุ้นให้กัวเถาเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
“งั้นผมไปก่อนนะครับคุณลุงเซียว!” จี้เฟิงกล่าวลาสั้นๆและรีบเดินออกไปกับกัวเถา
“ปัง!”
ทั้งสองคนเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว และทันทีที่พวกเขาปิดประตูรถ กัวเถาก็เอื้อมมือไปที่ด้านหลัง “บอสจี้ เก็บปืนพกนี้ไว้กับตัวนะครับ ถ้าตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจริงๆ คุณต้องรีบมาหลบอยู่ข้างหลังผมทันที..”
จู่ๆจี้เฟิงก็ยิ้ม “อะไร นายคิดว่าเรากำลังจะบุกเข้าถ้ำเสือหรือว่าไปปราบมังกรหรือยังไง เราแค่ปลอมตัวไปเจอพนักงานออฟฟิศของเหยียนไท่กรุ๊ปเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกหน่า!”
กัวเถากล่าวว่า “ในฐานะผู้คุ้มกัน ผมควรปกป้องความปลอดภัยของเจ้านายมาเป็นอันดับหนึ่ง แน่นอนว่านั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม!”
จี้เฟิงไม่คิดที่จะโต้แย้งอีกต่อไป เขายิ้มและพยักหน้า “โอเคๆ!”
อย่างไรก็ตาม ที่ที่พวกเขาจะไปจะไม่เกิดอันตรายใดๆ แม้ว่าจะไปที่เหยียนไท่กรุ๊ป แต่การไปครั้งนี้ก็เป็นเพียงการไปเยี่ยมชมธรรมดาเท่านั้น เหยียนไท่กรุ๊ปไม่ใช่ถ้ำเสือหรือบ่อมังกรที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ แล้วมันจะเกิดอันตรายได้ยังไง?
แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความหวังดีของกัวเถา จี้เฟิงจึงยอมรับมันโดยไม่โต้แย้งอีก
“ไปกันเถอะ!” จี้เฟิงพยักหน้า
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่เคยมาที่หางโจว แต่พวกเขาก็สามารถหาตึกเหยียนไท่ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดติดริมทะเลสาบทางตะวันตกได้อย่างง่ายดายผ่านระบบนำทาง
แม้ว่าตึกเหยียนไท่ที่มีเพียง 30 ชั้นจะไม่ได้โดดเด่นที่สุดในเมืองหางโจว แต่ผู้คนทั้งหมดในเมืองนี้ต่างก็รู้ว่าตึกทั้งตึกนั้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งมันน่าทึ่งมาก!
จากข้อมูลที่จี้เฟิงค้นคว้าหามานั้น แม้ว่าเหยียนไท่กรุ๊ปนี้จะเป็นของรัฐวิสาหกิจ แต่ในความเป็นจริง กลุ่มบริษัทเหยียนไท่ประกอบด้วยหุ้นหลายหุ้น ในส่วนที่รัฐเป็นเจ้าของไม่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุด คิดเป็น 20% จากหุ้นทั้งหมดเท่านั้น ในขณะที่หุ้นเอกชนคือ 40% ! ส่วนหุ้นที่เหลือจะกระจัดกระจายอยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อยต่างๆ
ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วกลุ่มบริษัทเหยียนไท่นี้ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจเลย แต่เป็นกิจการร่วมค้า พนักงานระดับกลางบางคนมีสถานะอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับพนักงานระดับล่างลงมาพวกเขาไม่แตกต่างจากพนักงานของกลุ่มบริษัทอื่นๆ
หุ้นของผู้ถือหุ้นเอกชนรายที่ใหญ่ที่สุดเป็นของกลุ่มบริษัทที่เรียกว่าเซิ่งฉี สำหรับกลุ่มบริษัทเซิ่งฉีนี้ จี้เฟิงไม่ได้ตรวจดูรายละเอียดอะไรมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทนี้ในอินเทอร์เน็ตและที่ยิ่งไปกว่านั้น จุดสนใจของจี้เฟิงในตอนนี้อยู่ที่เหยียนไท่กรุ๊ปและโจวเฉิงซิ่น ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทเซิ่งฉีจี้เฟิงคงต้องเลื่อนออกไปก่อน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกสงสัยก็คือในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเหยียนไท่กรุ๊ป รายชื่อของหุ้นส่วนระดับล่างและระดับกลางยังพอสามารถค้นหาได้ แต่กลับไม่มีชื่อของประธาน และสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับประธาน มันเต็มไปด้วยชื่อของกลุ่มบริษัทเซิ่งฉี!
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทร่วมการค้าประเภทนี้หรือบริษัทที่มีการร่วมทุนกันในเครือ ผู้ใต้บังคับบัญชาจากทุกฝ่ายจะแต่งตั้งประธานและผู้จัดการทั่วไปเพื่อคอยดูแลจัดการบริษัทเพื่อให้ดำเนินการไปอย่างเป็นระบบมีขั้นตอน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเพียงแค่ชื่อของกลุ่มบริษัทในคอลัมน์ประธานบริษัท
นอกจากนี้จี้เฟิงยังไม่พบชื่อของโจวเฉิงซิ่นเป็นพนักงานของเหยียนไท่กรุ๊ปอีกด้วย! เขายังคงไม่ทิ้งประเด็นที่ว่า โจวเฉิงซิ่นคนนี้มีตัวตนจริงหรือไม่ พูดง่ายๆก็คือ โจวเฉิงซิ่นคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของเหยียนไท่กรุ๊ปจริงหรือ?
“บอสครับ เรามาถึงแล้ว!” เสียงของกัวเถาทำให้จี้เฟิงกลับมามีสติอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
“ห๊ะ?!”
จี้เฟิงตื่นตัวขึ้นทันที “อ้อ! โอเค! กัวเถา นายไปกับฉันและแสร้งทำเป็นเลขาของฉันก็แล้วกันนะ!”
“ครับบอส!” กัวเถาพยักหน้าตอบ
ทั้งสองจอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดหน้าอาคารเหยียนไท่อย่างรวดเร็ว และเดินตรงเข้าไป เมื่อมองแวบแรก พวกเขาทั้งสองคนที่อยู่ในชุดสูทสวมรองเท้าหนัง ส่วนกัวเถาก็ถือกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ พวกเขาดูเหมือนนักธุรกิจมากจริงๆ
แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่า นอกจากข้อมูลและบทบาทปลอมๆของพวกเขาแล้ว ในกระเป๋าเอกสารใบนั้นยังมีมีดสามเหลี่ยมและปืนพกพร้อมกับกระสุนสำรองอยู่เต็มกระเป๋า ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง!
ทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องโถงของอาคารเหยียนไท่ จี้เฟิงก็มองไปที่แผนกต้อนรับ ตรงนั้นมีหญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวหลายคนยืนอยู่ หน้าตาของพวกเธอยิ้มแย้มแจ่มใส่และรับแขกที่มาเยี่ยมทุกคน
“สวัสดีค่ะท่านสุภาพบุรุษทั้งสอง มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งที่แผนกต้อนรับถามด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเหลือบมองไปที่กัวเถา
กัวเถาเข้าใจทันที เขาก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีครับ พวกเรามาจากเมืองอื่น ส่วนนี่คือประธานบริษัทยาของเรา พวกเราต้องการพูดคุยกับคนของบริษัทเหยียนไท่หรือเป็นตัวแทนจากแผนกการขาย ไม่ทราบว่า...”
ตามที่นัดแนะกันไว้ก่อนหน้านี้ กัวเถารับหน้าที่พูดจาติดต่อประสานงาน
ในเวลานี้จู่ๆจี้เฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นใครบางคน!
เมื่อลิฟต์ห้องโถงเปิดออก มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา คนที่อยู่ด้านหน้าแต่งกายด้วยชุดสูท เขามีท่าทางสุภาพนอบน้อมมาก แต่สายตาของจี้เฟิงกำลังเพ่งมองไปยังคนที่อยู่ตรงกลางด้านในสุด และคนคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เขาคือ... โจวซื่อหลิน!
…จบบทที่ 581~❤️