ตอนที่ 171 ไอดีสำรอง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 171 ไอดีสำรอง
ในฐานะทหารที่ออกไปรบทุกคนไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน แต่เมื่อต้องตายหลายคนก็อยากจะให้ศพของตนได้กลับไปฝั่งหรือประกอบพิธีที่บ้านเกิด ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายที่ชนะเท่านั้นจะได้ขนศพทหารตนกลับบ้านเกิด ส่วนพวกแพ้นั้นพวกเขาไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้วจึงไม่มีใครมาคอยเก็บศพ
แต่การที่กายมาหาของในศพผู้เล่นพวกนี้ก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง
ดูเหมือนเราจะไม่ได้คิดไปเอง...ไอดีสำรองสินะ กายมีสีน่าไตร่ตรองอยู่หน้าศพผู้เล่นคนหนึ่ง พร้อมกับอุปกรณ์ที่คล้าย ๆ กันวางอยู่บนพื้นเปื้อนเลือด
เขาสังเกตมาสักพักแล้วว่าพวกผู้เล่นนี้มีมากกว่า 80 % ที่มีบางอย่างเหมือนกัน
อย่างแรกคือ พวกเขามีจำนวนอาวุธที่จำกัดและคล้ายกัน ส่วนใหญ่จะมีดาบคนละเล่ม มีดคนละเล่ม และเกราะเบาที่ราคาถูกมาก ๆ
อย่างที่สองคือ พวกนี้มีศิลปะการต่อสู้แค่ 1 อย่างและเหมือนกัน ที่นิยมสุดคือ ‘ฟาดฟัน’ และสามคือไม่มีของมีค่าอย่างเหรียญทองหรืออย่างอื่นติดตัวแม้แต่น้อย
อันแรกยังพอเข้าใจได้ว่าไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนจะมีเหรียญทองเป็นจำนวนมากให้ใช้จ่ายได้มาก จนสามารถหาซื้ออุปกรณ์ราคาแพงเพราะเกมเปิดตัวมาไม่นาน แม้จะอยู่กิลด์ใหญ่ก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะได้รีบแจกอาวุธมาจากกิลด์อีกทีก่อนออกมาสู้ ซึ่งอาวุธส่วนใหญ่ก็กากกว่าของที่เขาตีขึ้นมาซะอีก
ส่วนอันที่สองนี้น่าสงสัยสุด เพราะมันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกพิมพ์ออกมาจากที่เดียวกัน กายพอจะเดาได้ว่า ผู้เล่นเหล่านี้ใช้ไอดีสำรองในการทำสงคราม
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่างของลิงก์เกม ปกติแล้วลิงก์เกมเมื่อทำการยืนยันตัวตนแล้ว มันจะไม่สามารถให้คนอื่นใช้ได้อีก ทำให้หนึ่งลิงก์เกมเท่ากับหนึ่งคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหนึ่งคนจะใช้ลิงก์เกมได้อันเดียว
ทำให้พวกกิลด์ใหญ่ทุนหนามักจะสร้างไอดีสำรองขึ้นมา ซึ่งกายเคยได้ยินมาบ้างในโพสต์น์ต่าง ๆ คนพวกคือผู้เล่นเกมอาชีพ ไม่ได้หมายถึงพวกมือโปร แต่คือพวกพนักงานที่ได้ค่าจ้างมาจากกิลด์ใหญ่ ๆ
และต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่กำลังมาแรง เนื่องจากมันเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการยืนยันเรื่องมูลค่าเงินในเกมนี้ที่บริษัทลงทุนกับเกมราชันสงครามออนไลน์ต่างก็ผลักดันกันอย่างกระตืนรือร้น
ซึ่งต้องยอมรับว่ากิลด์ที่ทำได้ต้องเงินหนาพอควร เพราะนั้นหมายถึงกองทัพเดนตายเท่ากับเงินจำนวนในจำนวนมหาศาลที่ใช้ในการสร้าง พวกไอดีสำรองมีเป้าหมายเดียวคือ ฟาร์มเวลด้วยศิลปะการต่อสู้เดียว โดยไม่สนใจเนื้อเรื่องหรือศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ ทำให้ไอดีพวกนี้มักจะมีความสามารถเดี่ยว ๆ แบบเดียว จนขาดสมดุลคล้ายกับที่หัวหน้าหน่วยฝ่ายศัตรูที่เคยสู้กับทิฟอนที่หน้าด่าน 57 ซึ่งก็แพ้ราบคาบอย่างอนาถ
เพราะพวกเขาพัฒนาเร็ว แต่ก็อ่อนแอกว่าผู้เล่นที่เน้นสร้างสมดุลและฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้จนชำนาญในระดับเดียวกันมาก แต่มันก็มีประโยชน์อยู่ถ้าเอามาใช้เป็นทหารเดนตาย ซึ่งแบบที่กายเจอตอนนี้นั้นเอง
ซึ่งจากเหตุผลเหล่านี้ก็นำมาซึ่งข้อสาม ในเมื่อรู้ว่าต้องตาย ใครจะพกของมีค่าติดตัวมากัน
ขณะที่กายกำลังคิดกับตัวเองอยู่นั้น ตอนนั้นเองแสงแรกของดวงตะวันที่พึ่งขึ้นก็เริ่มสาดส่องเข้ามา ซึ่งที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้พิเศษอะไร เพราะไฟจากที่กำแพงนั้นยังส่องสว่างมากกว่านัก
แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อยนั้นก็คือ สายฝนที่ตกพร่ำ ๆ หรือ รุนแรงมาหลายวันได้หยุดตกแล้วราวกับมีใครไปปิดวาล์วน้ำไม่มีผิด
“ฝนหยุดตกแล้ว”
เขายกมือขึ้นสัมผัสกับอากาศ แม้ดูเหมือนจะหนาวเย็นแต่เพราะไฟที่ลุกไหม้ด้านล่างกำแพงยังติดอยู่ อากาศจึงอุ่นกว่าปกติ บวกกับกลิ่นคาวเลือดและเนื้อที่ไหม้จากการโดนเผา ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ต่างจากก่อนหน้าที่กายเคยขึ้นมารับลมที่นี่ลิบลับ
เสียงร้องครวญครางของทหารที่บาดเจ็บร้องดังออกมาทั่วไปตามบนกำแพง ซึ่งทั้งหมดเป็นทหารฝ่ายนครดาราฟ้าที่บาดเจ็บ ส่วนศัตรูนั้นไม่มีใครเจ็บ เนื่องจากทั้งหมดตายแล้ว
แม้มันจะดูโหดร้ายที่ไม่มีการเจ็บเฉลยเหมือนตามปกติ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ความตายของศัตรูคือสิ่งที่ควรจะเกิด อย่างน้อยก็ในความคิดของทุกคนเป็นแบบนี้ ส่วนกายนั้น เขาแค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ เพราะตัวเขาลำพังในตอนนี้ไม่มีพลังหรืออำนาจมากพอเปลี่ยนสงครามใด ๆ ได้ ทำได้เพียงไหลไปตามกระแสของการต่อสู้แล้วไม่ให้ตัวเองและคนที่ตนห่วงจมลงไปยังความตายจากสงรามก็ถือว่าดีมากแล้ว
ทิฟอนที่สภาพเต็มไปด้วยเลือดจากศัตรูเดินเข้ามาหากายจากด้านข้าง ทิฟอนมองดเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถามออกมา
“ภาพเบื้องหน้านี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ไม่ได้แย่ แต่อย่างไร ก่อนหน้านี้ก็ดีกว่า” กายกล่าวตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทิฟอนก็พยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเข้าร่วมกองทัพและอาศัยพลังของตนจนได้เป็นหัวหน้าหน่วย ประจำการอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ทุกครั้งที่ข้ามองวิวจากกำแพงนี้มักจะเป็นเหมือนเช่นเดิมตลอด มันน่าเบื่อกับการเห็นสิ่งเดิม ๆ แต่พอเกิดสงครามภาพเบื้องหน้าที่เคยมองตลอดกลับหายไปแล้ว เหลือแต่เปลวไฟสงครามและความตาย พอมาคิดดู การที่ข้าคิดว่าภาพก่อนหน้านั้นน่าเบื่อ อาจจะเพราะมันคือ สิ่งที่เรียกว่าความสงบสุขก็ได้”
“ต้องการให้ข้าทำอะไร” กายหันหน้าไปถามหัวหน้าหน่วยทิฟอน
“หัวหน้ากองพลเกลต้องการคนไปช่วยจัดการพวกที่เหลือด้านล่าง เนื่องจากทหารนายอื่น ๆ นั้นยุ่งกับมากกับการช่วยคนที่บาดเจ็บและเตรียมตัวสู้ในครั้งต่อไป ข้าจึงมีคนไม่พอ ถ้าเจ้ายังมีแรงเหลือก็มาได้”
“แน่นอน” กายตอบกลับ
“ข้าไปรอด้านล่าง” กล่าวจบทิฟอนก็เดินออกไป
กายเดินมาหามีอาและลิลี่ ก่อนจะถามสาวทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าจะไปด้วยกันไหม”
“อืม”
“ข้าไปด้วย”
มีอาและลิลี่พยักหน้ารับ
...
หลังจากเปลวไฟเผาไหม้น้ำมันไฟจนหมดมันก็เริ่มดับลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานเพลิงขนาดใหญ่ก็ดับแล้ว เหลือเพลิงที่ยังไหม้ต้นไม้หรือซากผืนป่าในบางจุดเท่านั้น แต่อีกไม่นานพวกมันก็คงจะดับลงเช่นกัน เพราะความชื้นในอากาศจากฝนที่ตกลงมา
ประตูทิศตะวันออกของป้อมปราการตะวันออก ค่อย ๆ เปิดแง้มออกมาหลังจากที่มันถูกปิดล็อกแน่นหนาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ แต่ผู้ที่ก้าวออกมาไม่ใช่ทิฟอนและพวก แต่เป็นทหารที่เดินเท้าออกมา ช่วยกันเก็บกวาดซากศพไหม้ดำที่กองกันสูงพอควรออกจากเส้นทางหน้าประตู
หลังผ่านไปไม่นานในที่สุดเส้นทางรอบประตูก็ถูกเก็บกวาด ทำให้ทหารที่นำโดยทิฟอนและทหารอีกราว ๆ 100 นายควบม้าออกมาจากประตู
ในกลุ่มทหารนี้เป็นการรวมกันของคนที่ไม่บาดเจ็บมากนัก ซึ่งนอกจากทิฟอนที่เป็นนักรบแท้จริงแล้ว ยังมีอีก 2 คนที่มาด้วย ซึ่งพวกเขาก็เป็นหัวหน้าหน่วยคล้ายกับทิฟอนและเป็นนักรบแท้จริงเช่นกัน
โดยไม่พูดพร่ามอะไรมาก ทิฟอนส่งสัญญาณแยกกันออกไปตามจุดต่าง ๆ ของสนามรบ ก่อนจะเริ่มลงมือตรวจสอบสนามรบ หน้าที่ของพวกเขามีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งคือจัดการพวกที่ยังไม่ตาย สองคือจัดการทหารสอดแนมของฝั่งตรงข้าม และสามคือดูให้แน่ใจว่าไม่มีลูกไม้อะไรแฝงอยู่ในสนามรบ
แม้ฟังดูแปลกที่พวกเขาช่วยกันสังหารผู้เล่นทำให้พวกเขาคืนชีพขึ้นมา แต่การทำแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นการช่วยผู้เล่นพวกนี้ เพราะจริง ๆ แล้วหลังจากผ่านการสังเกตมาสักพักพวก NPC นั้นก็พอเข้าใจว่า ยิ่งพวกมนุษย์ไฟตายครั้งหนึ่งหรือสองครั้ง พวกเขาจะระวังตัวมากขึ้นและไม่กล้าสู้จนตายอีก
แน่นอนว่ากายรู้ว่าต่อให้ตายจนครบสามครั้งพวกผู้เล่นที่ใช้ไอดีสำรองก็ยังสู้ตายเหมือนเดิมอยู่ดี และเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป เพราะเขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องไอดีหลัก และไอดีสำรองให้กับเหล่า NPC ยังไง
ทิฟอนนำทหารราว 35 นายตรงไปจุดหนึ่งของสนามรบ ซึ่งในทหารเหล่านั้นมีกาย มีอาและลิลี่รวมอยู่ด้วย
ตอนนี้ด้านนอกกำแพงนั้นเริ่มจะเต็มไปด้วยหมอกหนา ซึ่งหมอกชนิดนี้คือ หมอกฝน เป็นหมอกที่เกิดหลังฝนตก ในตอนที่ฝนตกทำให้พื้นดินได้รับความเย็นและความชื้นจากหยดน้ำฝน และเมื่อฝนตกเสร็จแล้วก็เจอกับความร้อนของเปลวไฟปะทะกับอากาศเย็นใกล้พื้นดิน ทำให้ไอน้ำควบแน่นกันจนกลายเป็นหมอก
หมอกที่หนาทำให้กายต้องระวังพอตัว
พอเห็นหมอกหนาแบบนี้แล้วมันก็คล้ายกับเจ้าหมอกกำลังถูกกลืนหายไปกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ยังดีที่ด้านข้างตัวของมันมีตะเกียงน้ำมันไฟแขวนติดมาด้วย กายลูบแผงคือเจ้าหมอก ซึ่งตัวของมันนั้นอุ่นมากทำให้เขารู้สึกสบายไปด้วยในวันที่อากาศเย็นแบบนี้
เท้าของเจ้าหมอกเหยียบย่ำไปในโคลน รอบตัวของพวกเขานั้นมีแต่หลุม เลือดและร่องรอยของการต่อสู้ แม้จะมีศพไม่มากอย่างที่คิด เพราะส่วนใหญ่ศัตรูเป็นผู้เล่นที่ตายและกลายเป็นลูกไฟ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลือด เลือดพวกนี้ออกมาจากตัวของผู้เล่นตอนที่บาดเจ็บ มันไม่ได้หายไปพร้อมกับพวกเขา แต่ไหลไปตามสนามรบจนดูเหมือนจะย้อมสีพื้นดินให้เป็นสีเลือด
แน่นอนว่าสีของเลือดและโคลนที่รวมกันนั้นไม่ได้เป็นสีแดงฉานแต่กับออกดำคล้ำและมีกลิ่นของสนิมเหล็กซะมากกว่า
“ตรงนั้น” หนึ่งในทหารพูดด้วยน้ำเสียงที่มีแค่พวกเขาที่ได้ยิน
กายมองไปตามทิศทางของที่ทหารนายนั้นบอก ซึ่งมีผู้เล่นนอนเจ็บอยู่บนพื้นขาทั้งสองแหลกขาดและร่างกายจมอยู่ในโคลนบางส่วน
ทิฟอนส่งสัญญาณให้ทหารสองนายแยกไปจัดการ ก่อนทุกคนจะกระจายตัวกันไป พวกเขาเริ่มปูพรมค้นหาไปเรื่อย ๆ และทหารที่แยกไปอย่างน้อยก็ต้องมีสองคนขึ้นไป
กายเองก็แยกมาด้วยพร้อมกับมีอาและลิลี่ ทั้งสามยังพอมองเห็นตะเกียงแสงจากทหารรอบ ๆ และเสียงสบถด่าของผู้เล่นที่บาดเจ็บจนถอยไม่ไหวอยู่เป็นระยะ
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นที่บาดเจ็บร้ายแรงจนถึงขั้นเสียอวัยวะมักจะเลือกตายอย่างไม่ลังเล เนื่องจากพอฟื้นกลับมาแล้วทั้งแขนขาของพวกเขาจะกลับมาเป็นปกติในทัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในสายตาผู้เล่น แต่ก็เป็นเรื่องที่สุดยอดในสายตาของ NPC
แน่นอนว่ากายนั้นคงไม่ยอมตายจนกว่าจะสู้ไม่ได้จริง ๆ ต่อให้เขาแขนขาขาดเขาก็จะยังไม่ยอมตายง่าย ๆ เนื่องจากไอดีที่เขาใช้นั้นมันสำคัญมากเกินไปและผู้เล่นมืออาชีพก็คิดแบบเดียวกันกับกายในเรื่องของไอดีหลัก
นอกจากนั้นกายยังรู้สึกว่าการเสียตัวละครนี้ไปจะทำให้เขาเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน