การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 13 กู้เงิน 2
ตอนที่ 13 กู้เงิน 2
ใบหน้าของ ซาอุส เดอุส แข็งค้างไปในทันทีหลังที่ผมพูดไป จำนวนเดือนที่ลดลงที่ผมพูดไปมันเป็นช่องวางขนาดใหญ่อย่างมากกับข้อเสนอเดิมที่หมอนี่พูดออกมา และวางแผนไว้
12 เหลือ 5 มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่คนจ่ายหนี้ต้องการลดเวลาชำระหนี้ของตัวเองลงแบบนี้ ในยุคกลางอย่างตอนนี้คงยังไม่มีใครคิดสิ่งนี้ออกมากันแน่ แต่วันนี้แหละที่มันกำลังจะเกิดขึ้น
“ท่านดยุคแบบนั้นมัน-”
“เงียบไปก่อนไกอา ข้าทำอะไรข้ารู้ตัวเองดี”
“…ครับ”
ที่ไกอาแสดงท่าทางร้อนรนออกมามันก็ไม่แปลกหรอก เงินจะใช้ภายในตระกูลต่อเดือนมันยังไม่พอแถมมากู้เงินแล้วลดระยะเวลาในการจ่ายหนี้คืนแบบนี้อีก ขอโทษด้วยนะไกอาที่ไม่ได้บอกเรื่องน้ำตาลกับเจ้าแต่ต่อให้บอกอะไรไปตอนนี้เจ้าก็ไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ หลังจากหยุดไกอาเอาไว้ได้ผมก็หันไปพูดกับซาอุสที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตกใจอยู่อีกครั้ง
“ว่าไง สนใจข้อเสนอของข้าหรือเปล่า?”
“นะ แน่นอนครับท่านแกนด์ดยุค แต่ถ้าทำแบบนั้นท่านก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร พูดตามตรงข้าให้ท่านยืมก็เพื่อต้องการดอกเบี้ยที่ท่านจ่ายให้เท่านั้น ข้าไม่ได้ต้องการเหมืองทองของท่านเลย”
ตอแหล!!! แกมันหวังเหมืองทองชัดๆ ยังกล้าพูดออกมาได้เต็มปากแบบนั้นอีกนะ
“แต่ถ้าท่านต้องการลดเวลา ข้าก็ตกลง เพราะยังไงสะคนที่จะได้ประโยชน์มันก็เป็นข้า”
ระหว่างพูดออกมมาซาอุสก็ทำสีหน้าเศร้าหน่อยๆ เหมือนคนกำลังเศร้าเพราะไม่ต้องการจะพูด แต่สีหน้าแบบนั้นมันเป็นการแสดงเท่านั้นแหละ ในใจของมันคงกำลังคิดว่า ‘มันโงจริงๆ ที่ลดเวลามาแบบนี้ เท่านี้ระยะเวลาที่จะได้เหมืองทองจากหนึ่งปีคงเหลือห้าเดือน’ มันต้องมีความคิดคล้ายๆ แบบนี้อยู่แน่ เหอ!
“เช่นนั้น เจ้าก็ต้องลดดอกเบี้ยให้ข้าด้วยไม่ใช่หรือไง”
“ครับ???” ?_?
“ดอกเบี้ยที่เจ้าคิดมันเป็นเวลา 1 ปี แต่ข้ากูแค่เพียง 5 เดือน ไม่ใช่หรือไง เป็นแบบนั้นแล้วเจ้ายังคิด 10% ที่เป็นดอกเบี้ย 1 ปี อีกงั้นเหรอ จากการคิดของข้ามันสมควรลดไปราว 40 – 60 % ถึงข้าจะยอมรับข้อเสนอในการกู้เงินครั้งนี้ได้”
“นี่….”
ใบหน้ายิ้มเศร้าๆ ของมันปลี่ยนเป็นแข็งค้างอีกครั้ง หลังจากผมพูดของเสนอของตัวเองไป คงกำลังตกใจกับกำไรที่ลดลงกระทันหันนั่นแหละ ถึงดอกเบี้ยจะไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้นแต่กำไรของมันก็จะหายไปอย่างน้อยที่สุด 1 แสนเหรียญทอง คนแบบมันที่ทำธุรกิจเรื่องธนาคารคงเข้าใจเรื่องผลประโยชน์เหล่านี้ได้ในทันที ที่พูดอะไรไม่ออกแบบนี้เป็นตัวยืนยันอย่างดี
และที่ผมลดเวลาชำระกับมันก็เพื่อการนี่แหละ ที่ลดไม่ใช่เพราะกลัวเสียเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง แต่ว่า ซาอุส เดอุส มันไม่ใช่คนของจักรวรรดิ ชื่อแบบนี้เป็นของคนอาณาจักรที่เป็นประเทศขนาดใหญ่ที่ปกครองทิศตะวันตกของประเทศ ซึ่ง การทำให้เงินไหลออกจากประเทศน้อยเท่าไหร่มันก็เป็นเรื่องที่ดีเท่านั้น อีกอย่างข้อเสนอที่ผมเสนอไปผมมันใจว่ามันไม่กล้าปฏิเสธเรื่องนั้นแน่นอน เพราะมันมีสิ่งล้อตาล้อใจอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ได้เหมืองในเวลาห้าเดือนถ้าผมไม่สามารถจ่ายเงินได้
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ ข้าพร้อมช่วยเหลือท่านอยู่แล้ว”
คิดสักพัก ในที่สุดคำตอบของออกมาจากปากของซาอุส ถึงครั้งนี้การตอบจะตอบมาด้วยสีหน้าจริงจังมากก็เถอะ หึหึ! เท่านี้มันก็คงจะรู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้เจอกับแกนด์ดยุคขยะแบบที่ตัวมันคิดเอาไว้ สีหน้าจริงจังแบบนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีเลยละ
“ลดดอกเบี้ยเท่าไหร่?”
“…เฮ้อ~ ท่านนี้สุดยอดจริงๆ เลยนะครับ ตั้งแต่ที่ข้าทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กเดินทางไปก็เยอะหลากหลายประเทศในทวีปแห่งนี้ พึ่งมีท่านคนแรกนี่แหละที่ทำให้ข้าถอยและกดดันได้ขนาดนี้”
“ขอบคุณ”
ผมปั้นหน้ายิ้มตอบรับไป คำที่พูดออกมาก็รู้อยู่หรอกมันไม่ใช่คำชมทั้งหมด
“คงได้เต็มที่ 50% มากกว่านั้นไม่ได้แล้วครับ!”
“ตกลง! เอาตามนั้นเลย”
“ครับ?!?!?!”
ใบหน้าเซอุสเต็มไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง ในใจมันคงไม่คิดว่าผมจะยอมรับง่ายๆ แบบนี้หรอก แต่เสียใจด้วยฉันไม่มีเวลามาเสียกับนายขนาดนั้นหรอก อีกอย่างค่าดอกเบี้ยลดไปตั้งแสนสองหมื่นเหรียญทอง การเจรจาครั้งนี้มันจบตั้งแต่นายยอมลดค่าดอกเบี้ยให้แล้ว และที่ผมรีบจบการสนทนาแบบนี้ก็เพราะรู้นิสัยของพวกพ่อค้าดีเพราะเมื่อชีวิตที่แล้วต้องซื้อขายกับพวกเหลี่ยมจัดแบบหมอนี่บ่อยๆ
“ทะ ท่านจะไม่ขอลดเพิ่มเหรอครับ”
“หืม…. นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าสามารถลดเพิ่มได้หรือไง ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้พูดว่า ‘มากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ’ ออกมาแล้วงั้นเหรอ”
“อึก… เรื่องนั้นมันก็จริง…. ไม่สิ! ถ้าพูดอ้อมค้อมกับคนฉลาดแบบท่านมันก็เสียเวลาเปล่าๆ เอาเป็นว่า ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านจะเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนอะไร จากการเจรจาของเราสองคนสิ่งที่ข้าสัมผัสจากท่านได้มีแต่เพียงความมั่นใจเท่านั้น”
ออกมาจนได้สินะ! นี่แหละที่ผมพยามปิดเรื่องการเจรจากับหมอนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ถ้าบอกเรื่องที่จะลงทุนไปคงขอลดดอกเบี้ยได้อีก 10% แน่นอน แต่เรื่องแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก ทำไมต้องให้เจ้านี่หมอรับส่วนแบ่งเงินหลายล้านด้วยละ เมื่อคิดได้ผมก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจทันที แล้วตอบไปว่า
“เรื่องนั้นก็เป็นเงื่อนไขด้วยงั้นเหรอ?”
เซอุส สีหน้าซีดลงทันที
“มะ ไม่ใช่ครับ ทะ ท่านอย่าได้เข้าใจผิดข้าก็แค่ถามท่านเท่านั้น ถ้าท่านไม่อยากบอกข้าก็ไม่อยากรู้”
“อ่า รู้แบบนั้นก็ดี และข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โลภมาโดยทำอะไรไม่เข้าเรื่อง เช่น การแอบสืบอะไรทำนองนั้น”
“ไม่แน่นครับ ข้าจะไปทำแบบนั้นกับขุนนางระดับสูงได้ยังไง!!”
“เช่นนั้นก็ดี งั้นเป็นอันว่าข้อเสนอของเราเสร็จสิ้น พวกเรามาทำสัญญากันเลยดีกว่า”
“ครับ…”
หลังจากขู่ไปเรียบร้อยผมและเซอุสก็เริ่มทำสัญญากันทันที สัญญาพวกนี้จะทำหน้าที่แบบสัญญาเงินกู้ในโลกที่ผมจากมา แต่ว่ามันแรงกว่ากันนิดหน่อย เพราะถ้าไม่จ่ายเจ้าหนี้สามารถยึดของที่เอามาค้ำประกันเงินกู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากกรมยุติธรรมของจักรวรรดิ ซึ่งการทำแบบนี้ผู้เสียเปรียบก็คือผู้กู้ยืมเงิน แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผมหรอก ยังไงผมก็หามาคืนมันได้แน่นอน
…..
ณ ด้านนอกธนาคาร
เมื่อได้เงินมาแล้วผมกับไกอาก็เดินออกมาด้านนอก รถม้าที่ผมเอามาด้วยสีสองคันเพราะเตรียมมาเผื่อขากลับที่จะขนเงินไปด้วยอยู่แล้ว และรอบรถม้าก็มีอัศวินคุมกันอย่างแน่นหนาคันละ 5 คน ด้วยจำนวนคุมกันขนาดนี้ผมสามารถมั่นใจได้ว่าเงินพวกนี้จะเดินทางไปถึงคฤหาสน์ตระกูล วอเตอร์ ได้อย่างปลอดภัย พวกอัศวินเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ก็จริง แต่มันก็ไม่มีใครกล้าปล้นเงินขุนนางกลางถนนในเวลากลางวันกันหรอก
“ไกอาเจ้าเอาเงินทั้งหมดไปซื้อน้ำตาลทั้งหมดสะ!”
“ครับ?”
ระหว่างมองอัศวินขนเงินขึ้นรถม้าผมก็ออกคำสั่งไปด้วย แล้วก็แน่นอน การตอบกลับของไกอามันเป็นเรื่องที่ผมคิดเอาไว้แล้วที่ต้องอุทานด้วยเสียงสงสัยแบบนี้
“ท่านครับน้ำตาล ทำไมพวกเราต้อง-”
“ให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะ ข้าคิดของข้าเอาไว้แล้ว และก็เก็บเป็นความลับเอาไว้ด้วยว่าตระกูลของพวกเรากำลังกว้านซื้อน้ำตาล”
การใช้เงินสองล้านเหรียญทองซื้อน้ำตาลคงทำให้จักรวรรดิปั่นปวนได้เลย เพราะงั้นดลยต้องปกปิดตัวตนเอาไว้ก่อน เพราะมันอาจจะมีตระกูลฉลาดแล้วกว้างซื้อตามผมก็ได้ ยิ่งซาอุสที่คุยเมื่อครู่ หมอนั่นต้องพยามตามสืบแน่นอนว่าผมจะเอาเงินสองล้านนี่ไปลงทุนกับอะไร
“….ก็ได้ครับ แต่ข้าคิดว่าสองล้านมันมากเกินไป ต่อให้น้ำตาลทั้งจักรววรดิก็คงมีจำนวนไม่พอ”
ถูกต้องแล้ว! ราคาน้ำตาลตอนนี้ตกโลละประมาณ 1 เหรียญเงิน ซึ่งร้อยเหรียญเงินก็จะเท่ากับหนึ่งเหรียญทอง ถึงราคาของมันจะไม่ได้ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป
ราคานี้ครอบครับชนชั้นกลางสามารถซื้อมาประกอบอาหารได้แบบสบายๆ แต่มันก็ยังถูกอยู่ดีสำหรับราคาของมันในตอนนี้ หึ! ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครคิดหรอกว่าไม่อีกกี่เดือนต่อจากนี้ราคาของมันจะขึ้นไปเป็นสิบเท่า หรือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ และในเมื่อจะทำกำไรได้ทำไมต้องทำน้อยๆ ด้วยละ…
“ถ้าจักรวรรดิไม่พอก็ซื้อประเทศรอบข้างสิ ”
“แต่แบบนั้น…”
“ไม่ต้องคุยอะไรต่อแล้ว ข้าบอกให้จัดการก็ไปจัดการตามคำสั่ง เมื่อเวลามาถึงเจ้าก็จะเข้าใจเองว่าทำไมข้าถึงได้กว้านซื้อน้ำตาลขนาดนี้!!”
“ครับ ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำตามคำสั่งทันที”
ไกอา เดินไปทางรถม้าทันทีหลังเข้าใจ แต่ระหว่างหมอนั่นกำลังเดินไปผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้
“บอกให้ทหารขนเงินห้าแสนขึ้นรถม้าของข้า ข้าจะเอาพวกมันไปใช้”
“ครับท่าน”
ตอนแรกคิดว่าจะได้เงินไม่ถึงสองล้านเลยไม่ได้คิดจะเอาไปทำอะไร แต่ในเมื่อมีมากกว่าที่คิดแบบนี้เอาไปซื้อโอสถและสมุนไพรมาเพิ่มการบ่มเพราะดีกว่า ถึงจะมีเคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณ แต่ถ้าใช้บ่อยๆ มันก็อันตรายเกินไปเพราะร่างกายของเราอ่อนแออยู่ บ่มเพราะเพื่อเพิ่มพลังแบบคนปกติ ก็เป็นอีกหนทางที่จะทำให้ผมสามารถแข็งแกร่งได้เร็วขึ้น
“ท่านแกนดยุค เรียบร้อยแล้วครับ”
ชายที่เดินมาพูดกับผมตอนนี้มีชื่อว่า ไคเซอร์ มีคำแหน่งเป็นหัวหน้าอัศวินของตระกูล วอเตอร์ เป็นชายแก่อายุประมาณ 50 ปี สวมชุดเกราะหนักสีน้ำเงินเงา พร้อมกับดาบเหล็กขนาดใหญ่ด้านหลัง ชายคนนี้ก็เป็นอีกคนที่ตายไปในสงครามครั้งที่ 1 ที่พวกเผ่าปีศาจและเผ่าเทพบุกเข้ามาในเมืองหลวง
แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สิ่งที่น่าสนใจของชายคนนี้ก็คือ ระดับจักรรรดิ ขั้นที่ 5 เป็นพลังบ่มเพราะที่น่ากลัวจริงๆ พลังขนาดนี้คงเป็นนายพลของกองทัพได้สบายๆ
“ท่านต้องการเดินทางไปที่ไหนต่อครับ?”
ไคเซอร์ ถามถึงเป้าหมายทันทีหลังรถม้าของไกอาเดินทางออกไป ซึ่งการถามแบบนี้ก็ปกติเพราะผมเก็บเงินอีกห้าแสนเหรียญทองเอาไว้ในรถม้าของตัวเอง หลังได้ยิ้มคำถามผมก็ยิ้มอ่อนๆ แล้วตอบไปว่า
“โรงประมูลอาเรส!”