การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 9 จัดระเบียบตระกูล 2
ตอนที่ 9 จัดระเบียบตระกูล 2
หลังจากความโมโหที่เกิดขึ้น รอบตัวของผมก็เต็มไปด้วยศพหลายศพที่ร่างกายแห้งเหมือนโดนดูดน้ำออกมาจากร่างกาย ซึ่งที่เป็นแบบนี้มันคือเอกลักษณ์ของเคล็ดวิชามารดูดกลืนลมปราณ พลังปราณก็เปรียบเหมือนกับเป็นพลังชีวิตของแต่ละคนการโดนดูดออกมาแบบนี้ก็เท่ากับว่าเสียพลังชีวิตไปทั้งหมด
เหอ! พวกมันต้องดีใจด้วยซ้ำที่ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้วฆ่าพวกมันในทันทีแบบนี้ ถ้าผมคุมอารมณ์อยู่พวกมันคงไม่ได้ตายสบายๆ เช่นนี้ ถ้ายังไม่ตายผมจะทรมานพวกมันให้คิดสะว่าตายยังดีกว่ากันเลย
“ท่านพี่….”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นมาฟังแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าเธอตกใจขนาดนั้น ถ้าเป็นตัวผมเวลานี้ในชาติก่อนการฆ่าแมลงสักตัวก็ยังไม่กล้า มาเห็นฆ่าคนแบบนี้จะหวาดกลัวมันก็เป็นเรื่องที่ชะ-
“ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
ผมหันไปมองอลิสทันทีเมื่อเธอถามออกมา
เจ็บ? ตอนนี้เธอต้องกลัวแล้วให้เราออกจากห้องสิ ทำไมถึงได้ถามอะไรแบบนี้ออกมาได้ แล้วอีกอย่าง คนที่เจ็บมันน่าจะเป็นเธอไม่ใช่หรือไงแผลเต็มตัวแบบนั้น มันคงได้ได้โดนสร้างขึ้นมาแค่วันหรือสองวันแน่นอน นี่เธอต้องทนมาขนาดไหนกันนะ
เมื่อเห็นเธอไม่กลัว ผมก็เดินเข้าไปหาเธอแล้วคุกเข้าลงหนึ่งข้างเพื่อเสมอความสูงกับเธอที่กำลังนั่งรถเข็นอยู่ จากนั้นก็กำมือเธอเอาไว้แบบเบาๆ พรางยิ้มออกไปด้วย
“พี่ไม่เป็นอะไร น้องคงทนมากสินะ”
อลิส ส่ายหน้าไปมา
“ไม่เลยคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกท่านพี่ก็มาช่วยข้าพอดีอีกด้วย”
ครั้งแรกงั้นเหรอ แผลแบบนี้ต่อให้เป็นเด็กน้อยก็เข้าใจว่ามันไม่ได้พึ่งเกิดมาวันนี้วันแรก บางแผลก็เริ่มตกสะเกล็ดแล้วด้วย แต่ในเมื่อเธอไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้เราก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดอะไรให้มันมากความ ครั้งนี้ยอมปล่อยผ่านไปก่อนแล้วกัน
“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ดีเลย ถ้าข้ามาช้ากว่านี้พวกมันคงทำร้ายน้องของข้าไปแล้ว”
“ค่ะ” ^_^
เหอๆ รู้แล้วทำเป็นไม่รู้แบบนี้แล้วมันอารมณ์เสียจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจอมพลคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิ กำแพงสุดท้ายของมวลมนุษย์ อย่างเรา ต้องมาแกล้งทำเป็นไม่รู้ในเรื่องน้องสาวตัวเองโดนทำร้ายแบบนี้ อลิส เองก็เหมือนกัน ที่ยิ้มคุยด้วยแบบนี้ก็เพื่อให้เราผ่อนคล้ายและไม่อยากให้รู้สึกผิดสินะ
“ว่าแต่ท่านพี่มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เห่ะ???”
“ก็ท่านมาหาข้าก่อน แถมยังขัดคำสั่งของลุงคาสันแบบนี้อีกที่เข้ามาพบข้า ถ้าท่านลุงกลับมาก็อาจจะลงโทษท่านพี่ด้วยมันจะ…”
“ไม่จำเป็นต้องกลัว นับตั้งแต่วันนี้ตระกูล วอเตอร์ จะไม่ต้อนรับหมอนั่นอีกต่อไป”
“ค่ะ?”
ใบหน้า อลิส เต็มไปด้วยความแปลกใจ อยากที่บอกไปในสมัยนี้คาสันพูดอะไรมาผมก็ยอมทำตามคำพูดของหมอนั่นทั้งหมด เรื่องของอลิสโดนกักบริเวณก็เหมือนกันถ้าผมรู้เรื่องนี้คงไม่ช่วยอะไร แถมยังสะใจด้วยซ้ำที่น้องสาวตัวเองโดนรังแก เหอ! คิดถึงอดีตแล้วอยากด่าตัวเองว่าขยะจริงๆ
“เรื่องคาสันน้องไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างที่พี่มาวันนี้ก็เพราเรื่องขาของน้อง”
“ขาข้า?”
ในชีวิตก่อนผมเสียใจตลอดและหาวิธีรักษาอาหารพอการของอลิสตลอดเวลา ถึงเธอจะตายไปแล้วในชีวิตก่อนแต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้แล้วหาวิธีตลอดเวลาในการรักษาอาการแบบนี้ และในที่สุดมันก็สำเร็จจนได้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถรักษาเธอได้ในทันทีอยู่ดี เพราะสมุนไพรและวัตถุดิบในการทำโอสถมันไม่ได้หาง่ายๆ แถมยังมีสมุนไพร
“ข้ามีวิธีรักษามันแล้ว แต่เจ้าต้องรอก่อน”
“ค่ะ… ข้าเชื้อใจท่าน”
ถึงอลิสจะยิ้มแล้วตอบมาก็ตาม แต่น้ำเสียงของเธอก็เศร้าอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงแบบนี้มันก็เรื่องปกติอยู่แล้วเพราะตั้งแต่เด็กตระกูล วอเตอร์ หาวิธีรักษาขาของเธอมาตลอด แต่ตลอดระยะเวลา 15 ปี เธอก็ยังไม่สามารถยืนได้และนั่งรถเข็นตลอดเวลาเมื่อต้องเดินทางไปไหนมาไหน ซึ่ง ถ้าอธิบายง่ายๆ มันก็แปลว่าการรักษาทั้งหมดมันล้มเหลว เพราะงั้นท่าทางแกล้งยิ้มแบบนี้ออกมาจากหน้าเธอมันก็เรื่องปกติ
ไม่เกินหนึ่งปี เราต้องทำให้ขาของเธอใช้งานให้ได้!
…..
เช้าวันต่อมา
หลังจากตื่นนอนผมก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ อาหารจำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้าของผมหลายสิบจาน อาหารพวกนี้ไม่คิดเลยว่าจะได้มีเวลานามานั่งกินอีกครั้ง ในยุคหายะนะแห่งมวลมนุษย์ ต่อให้เป็นราชวงศ์ก็ไม่ได้สัมผัสอาหารหรูแบบนี้หรอก แค่มีอาหารให้ก่อนจนอิ่มสามมือมันก็ยากเกินความสามารถแล้ว ส่วนขุนนางและคนธรรมดาไม่ต้องพูดถึง กินแค่หนึ่งมือมันก็ถือว่าดีมากแล้ว
มีอยู่หนึ่งครั้งที่ผมและทหารกว่าหนึ่งล้านคนต้องสู้ติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน โดยพวกไม่มีอาหารตกถึงท้องกันเลย พอคิดถึงตอนนั้นแล้วมองอาหารตรงหน้ามันก็นะ เหอๆ ชีวิตก่อนสงครามช่างดีจริงๆ สงครามมันไม่ได้มีอะไรดีเลยจริงๆ …เฮ้อ~ ถ้าเลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยงมันอยู่หรอก แต่คงอำอะไรแบบนั้นไม่ได้
“ท่านพี่ ท่านไม่กินงั้นเหรอ?”
ลืมกินไปเลย คิดถึงอดีตอันแสนขมขืนเกินไปสินะ
“กินสิ!”
“ค่ะ”
จากนั้นผมและอลิสก็เริ่มกินอาหารบนโต๊ะทันที ระหว่างกำลังกินก็คุยกันนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องสมัยเด็กที่พวกเราชอบไปเล่นกันบ่อยๆ ตามความทรงจำช่วงเวลานี้ผมกับอลิสคุยกับแบบนับคำได้เลยละ ผมเสียใจตลอดที่ปล่อยให้น้องสาวตัวเองตายไปแบบที่แทบไม่ได้คุยกันเลย แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ผมสามารถทำให้เธอมีความสุขได้ ผมสามารถช่วยเธอได้ ผมสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบในอดีตมันเกิดขึ้นอีกแล้ว
“ท่านพี่ ถ้างั้นวันนี้ข้าขอตัวนะคะ”
หลังทานอาหารเรียบร้อย อลิสก็พูดขึ้นมาทันที
“เจ้าจะไปไหนงั้นเหรอ?”
“ข้าไม่ได้ไปไหน แต่เมื่อเช้าเซบาสบอกว่ามีคนรับใช้ดกว่า 40% โดนไล่ออกไป ข้าคิดว่าจะประกาศรับสมัครและคัดเลือกคนที่จะเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง”
“ออ~”
เซบาส ทำงานเร็วตามคาดจริงๆ 40% ฟังจากจำนวนพวกมันคงไม่ใช้สายขององค์หญิง เนร่า คนเดียวแน่นอน เหมือนว่าพวกขุนนางตระกูลอื่นๆ จะมองว่าตระกูล วอเตอร์ เป็นอาหารชั้นดีของพวกมันสินะ ถึงได้ส่งคนของตัวเอามาแทรกแซงขนาดนี้ หึ! ครั้งนี้จะปล่อยพวกแกให้รอดไปก่อน วันเวลาที่ฉันจะชำระแค้นมันคงจะมาถึงอีกในอีกไม่นาน
ส่วนเหตุผลที่อลิสจะเป็นคนไปดูเองก็เพราะเธอได้รับหน้าที่ใหม่ที่ผมมอบให้ไป เรื่องในบ้านตอนนี้ผมยกให้เธอดูแลทั้งหมด ยกเว้นเรื่องเงิน เงินในตระกูลตอนนี้มันแทบไม่มี… ไม่สิ! เรียกให้ถูกต้องเรียกว่ามันกำลังติดลบอยู่ต่างหาก คงต้องไปตรวจสอบสักหน่อยว่าตอนนี้เรามีอะไรเหลืออยู่บ้าง
“อ่า น้องไปได้เลย จะรับเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้เอาที่น้องเห็นสมควร เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงเพราะตระกูลเราจะไม่ลำบากเรื่องนั้นอีกต่อไป”
“ค่ะ…”
หลังตอบอลิสก็หันไปทางเมดรับใช้ข้างผนัง
“มาพาข้าไป”
“ค่ะ คุณหนู”
หลังจากอลิสออกไปจากห้องผมก็หันไปทางเซบาสที่ยืนอยู่ผนังห้องด้านซ้าย
ตามมารยาทของขุนนางจักรวรรดิ เวลาที่เจ้านายกินอาหารคนรับใช้ทั้งหมดจะมาร่วมตัวกันที่นี้ แต่ว่า ด้วยขนาดที่ใหญ่และมีคนรับใช้นับร้อยคนเลยทำให้เข้ามาบางส่วนเท่านั้น หรือจะพูดง่ายๆ พวกที่ยืนอยู่ในห้องตอนนี้ได้รับการคัดเลือกมาจากเซบาสแล้วว่าไว้ใจได้ เพราะงั้นการพูดคุยในห้องนี้ต้องเป็นความลับแน่นอน รู้แบบนั้นผมเลยถามออกไป
“พวกคนรับใช้ทรยศอยู่ไหน?”
“ข้าสั่งให้คนเอาไปขังที่โกดังเก็บของแล้วครับ พวกมันยอมสรภาพออกมาแล้วว่าเป็นคนของตระกูลไหนบ้างที่ส่งพวกมันเข้ามา”
พูดจบ เซบาส ก็ล่วงมือลงไปในเสื้อพ่อบ้าน จากนั้นก็เอากระดาษ 1 แผ่น ออกมา
“นี่ครับ… รายชื่อตระกูลทั้งหมดที่ส่งพวกมันเข้ามา”
“อ่า”
ผมรับมาแล้วรีบเปิดอ่านทันที สมแล้วที่เป็นเซลบาสทำหน้าที่ได้ดีโดยไม่ได้สั่งแบบนี้ คิดแล้วก็เสียดายที่ในชาติก่อนไม่ใช้ความสามารถของชายคนนี้ให้เกิดประโยชน์ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงตอนนี้ผมก็สามารถใช้ความสามารถของเขาได้แล้ว หึหึ!
ตระกูลในกระดาษตอนนี้มีมากกว่า 10 ตระกูล และในนี้ก็มีตระกูล มอแกน ที่เป็นตระกูลของ เรมอน มอแกน ที่ผมพึ่งไปมีเรื่องกับมันมาด้วย เหอ! แม้กระทั่งคนของยัยร่านเนร่ายังมีเลยสินะ แปลว่าการกว้างล้างของเซบาสครั้งนี้คงกวาดล้างแบบถอนลากถอนโคลนจริงๆ แต่ว่า เรื่องหลังจากวาดสายตาดูจนหมดผมก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างขึ้นในรายงานอันนี้ ซึ่งมันก็คือ ไม่มีสายของตระกูลแกนดยุคอื่นๆ
นอกจากผมแล้วจักรวรรดิยังมีอีกสามตระกูลแกนดยุค แต่ตอนนี้กลับไม่มีสายพวกมันอยู่เลย
“แน่ใจใช่ไหมว่าจัดการหมดแล้ว เซบาส”
“แน่นอนครับท่านดยุค ข้าดูพวกมันมาเป็นเวลานานไม่มีทางพลาดแน่นอน”
“ทำไมในรายงานถึงไม่มีตระกูลแกนดยุคอื่นๆ อยู่เลย?”
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่า ก่อนที่ท่านจะกลับมาเมื่อวานนี้มีคนงานจำนวน 10 คนลาออกไปโดยไม่รับเงินเดือนหรือเอาข้าวของไปด้วย ข้าคิดว่า…”
“พอ! ข้าเข้าใจแล้ว”
หึ! สมแล้วแล้วที่เป็นตระกูลทรงอำนาจ พวกมันไม่ได้มีเพียงกำลังรบเท่านั้นแต่สมองและข่าวสารก็เร็วเช่นกัน ถ้าให้เดาพวกมันคงรู้เรื่องของผมที่ทำในงานวันเกิดองค์หญิง เนร่า และเข้าเฝ้าจักรพรรดอสวรรค์กันแน่ถึงได้ถอนคนออกไปเร็วแบบนี้
พวกเรา 4 ตระกูลแกนดยุคแห่งจักรวรรดิ ภายนอกอาจจะดูว่าเป็นมิตรกันก็ตาม แต่นั่นมันเป็นเพียงฉากหน้าให้คนอื่นเท่านั้นแหละ เพราะจริงๆแล้ว เหล่าตระกูลแกนดยุคกำลังแข่งกันเพื่อเพิ่มอำนาจและกำลังทหาร ถึงมันจะเป็นเรื่องอันตรายแต่จักรพรรดิสวรรค์ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าราชวงศ์มีปัญหากับขุนนางหรือเหล่าชนชั้นสูงมันยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าราชวงศ์มีปัญหากับตระกูลแกนดยุคมันจะกลายเป็นสงครามภายในทันที หึ! รู้สึกว่าปัญหาที่แท้จริงที่เราควรแก้ก่อนเตรียมตัว มันคงเป็นปัญหาภายในจักรวรรดิสินะ…
เอาเถอะ ตอนนี้คิดมากไปก็เท่านั้น มาทำเรื่องที่ทำได้ก่อนดีกว่า คิดได้ผมก็ลุกขึ้น
“นำทางข้าไปโกดังที่ขังพวกมัน”
“ครับท่าน!”
ผมและเซบาสเดินออกจาห้องอาหารทันทีหลังคุยจบ ส่วนเหตุผลที่ผมกำลังจะไปหาพวกคนรับใช้ที่ทรยศก็ไม่ได้เพราะต้องการข้อมูลอะไรจากพวกมัน แต่จะให้พวกมันได้ทำประโยชน์ครั้งสุดท้ายของชีวิตมาต่างหาก