การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 8 จัดระเบียบตระกูล
ตอนที่ 8 จัดระเบียบตระกูล
[แต้มของคุณตอนนี้มี 10 แต้ม]
[เคล็ดวิชา]
[อาวุธ]
[โอสถ]
[หมายเหตุ: ตอนนี้คุณมีแต้มไม่เพียงพอที่จะเปิดซื้อขายโซนอาวุธและโอสถ สามารถทำรายงานได้เพียงแค่เคล็ดวิชาเท่านั้น โปรดระวังเรื่องการใช้แต้มเพราะชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับมันในเวลาจำเป็น]
หืม… นี่มันระบบร้านค้าแบบในเกมจริงๆ เหมือนขนาดนี้มันต้องใช่แน่นอน แต่มันติดตรงที่นี่มันชีวิตจริงๆ นี่สิ เรื่องพวกแต้มก็พอเข้าใจอยู่หรอกแต่ไอ้ตรงหมายเหตุช่วงท้ายอะไรของมัน [แต้มสำคัญต่อชีวิต] ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าพูดถึงแต้มหมดแล้วตายหรือโดนลบก็ไม่น่าใช่เพราะถ้ามีเรื่องแบบนั้นระบบมันคงบอกมาก่อนแล้ว
ช่างเข้าใจยากสะจริง
แต่ยังไงก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน ตอนนนี้ลองทำเท่าที่ทำได้ดูก่อนคิดมากไปตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไร ตัดสินใจได้ผมก็กดเข้าเคล็ดวิชาทันทีเพราะสิ่งที่ผมเข้าได้มันมีปุ่มนี่ปุ่มเดียว
แปะ!
หลังจากกดไปอีกครั้งที่ปรากฏด้านหน้าของผมตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเคล็ดวิชามากมาย แต่มันก็น่าเศร้าเพราะเคล็ดวิชาที่ผมสามารถแลกได้ตอนนี้มีเพียง เคล็ดก้าวพริบตา
ตามความทรงจำผมเคยเจอพวกเผ่าปีศาจใช้เคล็ดวิชาแบบนี้อยู่เพื่อหลบหนีจากการต่อสู้ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนที่ระดับพลังพระเจ้าแบบผมมันก็ไร้ความหมายเพราะงั้นเคล็ดวิชานี้มันไม่จำเป็นเลย อีกเรื่อง ถึงตอนนี้ระดับพลังของผมจะเหลือเพียงก่อเกิดลมปราณ ขั้นที่ 1 แต่ในเรื่องความทรงจำของผมมันไม่ได้หายไป แค่ฝึกนิดหน่อยก็ใช้เคล็ดวิชาพวกนั้นได้แล้ว
แต่
ตอนนี้เคล็ดวิชาที่เอามาใช้กับร่างกายอ่อนแอแบบนี้มันแทบไม่มีเลยสักอย่าง เท่าที่รู้วิชาที่สามารถใช้ได้ก็แค่วิชามารที่ทำให้ผมรอดชีวิตในสงครามหลายต่อหลายครั้ง ซึ่ง มันชื่อว่า เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณ! ชื่อของมันก็ตรงตามชื่อ มันเป็นเคล็ดวิชามารของแท้เลยละ ถ้าไม่มีมันผมคงเป็นแค่ขยะตลอดชีวิตเพราะเส้นลมปราณพิการแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่เมื่อมีเคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณเรื่องเส้นลมปราณพิการมันก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป
แต่เรื่องวิชาเอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมเจอเคล็ดวิชาน่าสนใจเข้าแล้ว [เคล็ดวิชาอวัยวะทองคำ] ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีของดีให้แลกในร้านค้าแบบนี้ ถ้าได้เคล็ดวิชานี่มาแล้วเอามาใช้ร่วมกับเคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณผมคงสามารถก้าวขึ้นไประดับพระเจ้าได้ภายในเวลาไม่นาน หึหึ! จากที่อ่านคุณสมบัติ ดูเหมือนกับว่ามันจะทำให้ร่างกายภายในแข็งแรงเหมือนทองคำ ถ้าแบบนั้นก็หมายความว่าร่างกายจะสามารถรับภาระหนักได้ แต่
ราคา 100 แต้ม!
บ้าจริง! แต้มจะหายังไงมันยังไม่แน่ไม่นอนเลย แล้วต้องหาอีกตั้ง 90 แต้ม เพื่อจะได้มันมาแบบนี้อีก พูดตามตรงจนปัญหาเหมือนกัน ถึงชาติก่อนจะเป็นจอมพลคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิก็เถอะ แต่ไม่ว่าจะพยามทำความเข้าใจยังไงก็ไม่เข้าใจระบบนี้จริงๆ เหมือนจะช่วยแต่ก็เหมือนจะไม่ช่วย พูดตามตรงเหมือนมันมีมาเพื่อผลักดันหรือกดดันให้ผมทำตามหน้าที่มากกว่า
ระหว่างกำลังนั่งหนักใจ รถม้าก็หยุดลง
“ท่านดยุคพวกเรามาถึงแล้วครับ”
เสียงคนคุมรถม้าดังขึ้นมา ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูออกจากรถทันทีเพราะการกลับมาอีกครั้งในชีวิตนี้ยังมีอีกคนที่ผมอยากเจอ นั่นคือน้องสาวของผม อลิส วอเตอร์ เธอเป็นน้องผมสองปีและพิการตั้งแต่เด็กไม่สามารถเดินได้ตลอดชีวิต การได้กลับมาเห็นเธออีกครั้งแบบนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ชาติก่อนเธอโดนเผ่าเทพฆ่าตายในสงครามครั้งที่ 1 ในเมืองหลวง และเพราะเหตุผลนั้นแหละที่ผมสมัครเข้าเป็นทหารเพื่อล้างแค้น แต่ตอนนี้ผมมีโอกาสอีกครั้ง น้องสาวของผม ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้
“เซบาส”
“ครับนายท่าน”
เมื่อลงมาจากรถม้าผมก็เจอกับคนรับใช้ยืนรอรับอยู่ มีทั้งพ่อบ้านและเมดรับใช้ เซบาส ที่ผมเรียกออกมาตอนนี้เป็นชายแก่รูปร่างเหมือนทหารและเป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูล วอเตอร์ มาตั้งแต่รุ่นปู่ของผม ถ้าให้พูด ชายคนนี้คือคนที่ภัคดีต่อตระกูล วอเตอร์ อย่างแท้จริงๆ
“ฉันไม่เห็นอลิสที่นี่เธอไปไหน ปกติต้องมารอรับฉันที่นอกบ้านเมื่อกลับมาไม่ใช่หรือไง”
“ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ท่านอลิสโดนกักบริเวณอยู่”
“ห่ะ?!?!?”
กักบริเวณ!!! น้องสาวของแสนดีแบบนั้นจะไปทำอะไรผิดได้ ผมแทบคุมตัวเองไม่อยู่เลยเกือบตะโกนด่าเซบาสไปแล้ว แต่ว่า ยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของหมอนี่แน่นอนเพราะหมอนี่ไม่มีอำนาจหรือจะทำเรื่องอะไรแบบนั้น และคนที่จะสามารถทำแบบนั้นได้ในบ้านก็มีเพียงสองคน ผมเป็นหนึ่งในนั้น หึ! ลืมมันไปสะสนิทเลย
“ลุงของฉันอยู่ไหน?”
“ท่านคาสันออกไปด้านอก แจ้งว่าจะกลับมาช่วงเย็นของวันนี้ครับ”
ยังทำตัวเหมือนเดิมเลยสินะ คาสัน รอมเซอร์ คนที่เซบัสกำลังพูดถึงตอนนี้เป็นลุงของผมเองมันเป็นพี่ในตระกูลแม่ของผม มันมียศเพียงบารอนแต่ดันเข้ามาในตระกูล วอเตอร์ โดยอ้างว่าเข้ามาช่วยดูแล แต่แล้วนั่นมันก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้นเพราะมันนี่แหละที่ทำให้ตระกูล วอเตอร์ แทบไม่เหลืออะไร เรื่องกักบริเวณอลิสก็คงเป็นมันเองที่เป็นคนสั่งแบบนั้น นึกถึงมันทีไรก็อารมณ์เสียทุกครั้งเลยจริงๆ
ฮูว…. เมื่อพยามสงบอารมณ์จนสำเร็จ ผมก็พูดออกไปต่อ
“ตั้งแต่วันนี้ คาสัน รอมเซอร์ จะไม่ได้รับสิทธิ์ในตระกูลนี้อีกต่อไป ส่งคนไปแจ้งหมอนั่นด้วยว่าตั้งแต่นี้ให้วางมือทั้งหมดทุกเรื่องที่ดูแลอยู่ ส่วนเรื่องอลิสเธออยากจะทำอะไรก็ให้ทำจะไม่มีการสั่งกักบริเวณอะไรแบบนี้อีก”
เซบาส เงยหน้ามองขึ้นทันที ตั้งแต่ที่เริ่มคุยเซบาสจะก้มหน้าเวลาคุยกับผมคตอด แต่ครั้งนี้เขากับเงยหน้าขึ้นมาพร้อมสีหน้าแปลกใจแบบสุดๆ
ใบหน้าแบบนั้นผมสามารถเดาได้ทันทีว่าเซบาสกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง แต่มันก็น่าคิดนั้นแหละ สมัยก่อนผมเชื่อฟังคาสันมันตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่ครั้งนี้กลับสั่งไม่ให้มันเข้ามายุ่งกับตระกูลสะได้ ที่ตกใจไม่ได้มีแค่เซบาสแต่คนรับใช่คนอื่นก็แสดงอาการแบบนี้ออกมาเหมือนกัน
“คำตอบละ?”
“ขะ ขออภัยครับ ข้าจะรีบดำเนินการตามท่านสั่งทันที”
“อืม… แล้วก็อีกเรื่อ งฉันคิดว่าวันนี้คงถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดหนอนที่พวกมันฝังตัวอยู่ในตระกูล วอเตอร์ ฉันคิดว่านายจะสามารถลากตัวออกมาให้ฉันได้ ขอภายในหลังอาหารเชื่อวันพรุ่งนี้”
เซบาส ฉีกยิ้มขึ้นมาทันที
“ครับ…. ข้ากำลังรอเวลานี้อยู่เลย ตามท่านแกนดยุคต้องการ”
เซบาสถึงจะเป็นพ่อบ้านแต่ก็ดูถูกไม่ได้ หมอนี่มีพลังระดับราชาแท้จริง ถ้าเอาพลังนี่ไปสมัครเป็นทหารคงได้เป็นแม่ทัพคุมทหารนับพันคนหรือหมื่นคนได้สบายๆ แต่ก็ชายคนนี้ก็เลือกรับใช้ตระกูล วอเตอร์ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากหรอก แต่ที่รู้ก็คือ เซบาสต้องทำงานที่สั่งสำเร็จแน่…
คงได้เวลาจัดระเบียบตระกูลใหม่สักที!
…..
“ทำไมพวกเธอออกมาด้านนอก อลิสละ?”
หลังจากจัดการเรื่องที่ต้องทำจบผมก็ตรงมาห้องของอลิสทันที แต่เมื่อมาถึงก็เห็นเมดรับใช้ทั้งสองคนของเธอยืนอยู่หน้าห้อง เมดรับใช้ปกติแล้วต้องอยู่กับเจ้านายตลอดเวลา แปลกมากที่พวกเธอออกมายืนหน้าห้องกันแบบนี้
“ทะ ท่านอลิสหลับไปแล้วคะ”
“หลับ? หลับได้ยังไงนี้มันพึ่งเที่ยงอยู่เลย”
“คือว่า…”
เมดอีกคนเหมือนอยากพูดอะไร แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกมา
“มีอะไร รีบพูดมา!!”
“ท่านพี่!!! ช่วยข้าด้วย!!!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมาผมไม่รอช้า รีบใช้ข้าพังประตูเข้าห้องทันที เสียงที่ตะโกนออกมามันจะเป็นเสียงใครอื่นได้อีก คนที่เรียกผมแบบนี้ในคฤหาสน์มันมีเพียงน้องสาวของผมคนเดียวเท่านั้น แถมยังเป็นเสียงที่เธอกำลังหวาดกลัวเอามากๆ ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ร่างกายของผมก็ไปก่อนแล้ว
นะ นี่มัน….
ภาพที่ผมเห็นด้านหน้าตอนนี้มันทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่าในอดีตมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมเจอกับเธอทีไรก็เห็นเธอใส่เสื้อแขนยาวและกระโปงยาวตลอด ตอนนี้รอบตัวอลิสที่นั่งรถเข็นมีคนรับใช้หลายคนถือไม้อยู่ในมือ แถมร่างกายของเธอยังเต็มไปด้วยบาดแผลจากการที่โดนไม้พวกนั้นตีอยู่อีก
ชิ! นี่ตลอดเวลาน้องเราต้องโดนแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ….!!!!!
บัดซบ!....
“ท่านมาแล้วสินะคะ ท่านดยุค การที่ท่านเข้ามาแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะคะ รู้สึกว่าข้าคงต้องไปสอนมารยาทให้ท่านด้วยเหมือนกันสินะ”
คนที่พูดขึ้นมาตอนนี้เป็นผู้หญิงสวมชุดดูดี เธอเป็นครูสอนพิเศษให้กับอลิสที่ตระกูลของผมจ้างมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเพราะเห็นว่ามีความสามารถ แต่ไม่คิดเลยว่าจะกล้าทำอะไรแบบนี้ เฮ้อ~ ตามจริงก็ว่าจะมาทำตัวเป็นพี่ชายใจดีต่อน้องสาวตัวเองสักหน่อยแท้ๆ เฮ้อ~
ตอนนี้คงทำตัวเป็นคนดีไม่ได้แล้ว
หมับ! ผมใช้มือบีบคอผู้หญิงที่พูดออกมาเมื่อครู่แล้วใช้เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณทันที
“ทะ ท่านกกำลังจะ อากกก!!!”
สิ้นสุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของขยะหนึ่งล่างก็โดนโยนลงพื้นไปหนึ่งร่าง ขณะเดียวกัน เมื่อดูดซับเรียบร้อยพลังของผมก็เพิ่มขึ้น ก่อเกิดลมปราณ ขั้นที่ 2 เหอ! ไม่คิดเลยว่าดูดซับพลังขยะแบบนี้จะทำให้ขั้นพลังเพิ่มขึ้นด้วย ตัวเราคงอ่อนแอลงไปจริงๆ ถ้าเป็นช่วงพลังอยู่ในระดับพระเจ้าต่อให้ดูดคนปกติแบบนี้นับล้านคนพลังมันก็แทบไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคนที่หนึ่งเรียบร้อย ผมก็พุ่งตัวเข้าหาพวกคนที่เหลือในห้องทันที 1 2 3 4 5 6 7 ผมเริ่มดูดซับพลังจากพวกคนรับใช้ทีละคน ร่วมทั้งเมดสองคนที่โกหกผมด้านหน้าห้องด้วย และแล้วพลังบ่มเพราะของผมก็อยู่ในระดับ ก่อเกิดลมปราณ ขั้นที่ 3