การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 5 การเข้าพบ จักรพรรดิสวรรค์ 2
ตอนที่ 5 การเข้าพบ จักรพรรดิสวรรค์ 2
“เอ่ะ!!!”
“เอ่ะ!!!”
หลังผมพูดเรื่องที่ต้องการไปเสียงอุทานก็ดังขึ้นมาสองเสียง คนที่ตกใจไม่ได้มีเพียงจักรพรรดิสวรรค์คนเดียเท่านั้น แต่อัครเสนบดี ไอรอน ก็ทำหน้าตกใจจากเรื่องที่ได้ยินเหมือนกัน ทั้งสองกำลังมองผมเหมือนกับว่าไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
ซึ่งเรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วเพราะผมเข้ามาหาพวกท่านทั้งสองเมื่อไหร่ก็จะเอาเรื่องขององค์หญิง เนร่า ขึ้นมาพูด แล้วก็เป็นการเลื่อนงานแต่งงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก เฮ้อ~ สองคนดีคนรู้นิสัยองค์หญิง เนร่า ดีสินะถึงได้พยามขัดขวางเอาไว้ตลอด
โดยเฉพาะ จักรพรรดิสวรรค์ เขาคงรู้นิสัยลูกตัวเองดีเลยพยามไม่ให้ผมแต่งงานกับเธอแบบนั้น ถึงจะเป็นลูกของตัวเองแต่เขาก็ไม่ได้รักเท่ากันทุกคนเพราะองค์หญิงและองค์ชายต่างก็มีเบื้องหลังที่ต่างกันออกไป
อย่างเช่นยัยร่านเนร่า แม่ของเธอเป็นองค์หญิงประเทศข้างเคียงที่เดินทางมาเพื่อสานสัมพันธ์ประเทศเท่านั้น ตัวจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีทางเลือกเลยต้องทำให้เธอเกิดมาตามสัญญา คิดไปคิดมาชีวิตยัยร่านมันก็น่าสงสารอยู่หรอกที่ไม่ได้รับความรักจาดพ่อแบบนี้ แต่ว่า เมื่อคิดถึงเรื่องที่เธอทำเอาไว้ในชีวิตก่อนมันก็…. ผมได้แต่ยืนกัดฟันและบีบมือแน่นเพราะความโกรธ
“ไคล์ เจ้าหมายความว่าจะยกเลิกจริงๆ ใช่ไหม?”
รอบนี้อัครเสนบดี ไอรอน เป็นคนกล่าวขึ้นมา ใบหน้าของเขามองผมด้วยใบหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันทางด้านจักรพรรดิสวรรค์ก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
“ครับ ข้ารับไม่ได้กับเรื่องที่องค์หญิงทำเอาไว้”
“เช่นนั้นก็ช่วยบอกหน่อยว่าลูกสาวข้าทำอะไรเอาไว้”
“ครับ”
หลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟัง เรื่องงานวันเกิดที่เกิดขึ้นเพียงใส่สีเติมไข่ไปนิดหน่อยเท่านั้นว่ามันร้ายแรงขนาดไหน ถึงจะเหมือนเป็นการใส่ร้ายแต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยเพราะถ้าผมถอนตัวไม่ทันเรื่องตระกูล วอเตอร์ โดนทำลายมันก็เป็นเรื่องจริง การที่ผมกล้าพูดกับทั้งสองแบบนี้ เพราะผมมั่นใจว่าเขาทั้งสองอยู่ข้างเดียวกับผมแน่นอน
อีกอย่าง ที่ตระกูลของผมโดนลดขั้นลงไปมันเกิดหลังจากที่จักรพรรดิสวรรค์ตายไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ว่าพระองค์ช่วยตระกูลผมเอาไว้เมื่อตอนนี้มีชีวิตอยู่ขนาดไหน ส่วนทางอัครเสนบดี ไอรอน ก็ไม่ต้องไปพูดถึง การเล่าเรื่องแบบนี้ให้ทั้งสองคนฟังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เฮ้อ~ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของข้าจะกล้าทำขนาดนั้น แบบนี้คงต้องมีการลงโทษกันบ้าง”
“หึ! ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือไงองค์จักรพรรดิ”
อัครเสนาบดี ไอรอน ขึ้นเสียงแบบไม่พอใจ
“แบบนี้สมควรส่งตัวกลับประเทศทั้งแม่และลูก ถึงองค์หญิงจะมีเลือดท่านอยู่ครึ่งร่างกายแต่นิสัยแบบนั้นมันเป็นนิสัยของพวกประเทศชั้นต่ำอย่างประเทศ เมเบอร์ ชัดๆ ถ้าตอนนั้นพวกมันไม่ร่วมมือกับอาณาจักร แล้วปิดกันเส้นทางสายไหมที่ซื้อขายท่านก็ไม่ต้องยอมเอาองค์หญิงจากประเทศพวกมันเข้ามา”
อื้ม! เรื่องนั้นต้องย้อนไปประมาณ 20 ปี ก่อนหน้านี้ ทวีปแห่งนี้จักรวรรดิยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ก็มีประเทศเล็กๆ มากมายที่ตั้งรอบๆ แถมในทวีปแห่งนี้ยังมีสี่ประเทศที่ยิ่งใหญ่พอๆกัน 1.จักรวรรดิ 2.อาณาจักร 3.ราชอาณาจักร 4. สหราชอาณาจักร ถึงจักรวรรดิจะยิ่งใหญ่แต่ก็ดูถูกกำลังทหารของประเทศเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน ด้วยการหลีกเลี่ยงปัญหาจักรพรรดิสวรรค์เลยยอมทำตามคำเรียกร้องของพวกมัน ทั้งๆที่ตอนนั้นใช้กำลังทหารแก้ปัญหาก็ได้แต่พระองค์ก็ไม่ทำ
เวลานั้นประเทศเล็กๆ อย่างประเทศ เมเบอร์ มันร่วมมือกับอาณาจักรเพื่อปิดกันเส้นทางซื้อขายทางตอนเหนือของจักรวรรดิไม่ให้เดินทางซื้อขายได้ และเพื่อการนั้นพวกมันเลยเสนอให้องค์หญิงประเทศตัวเองเข้ามาในจักรวรรดิแห่งนี้แล้วให้มีลูกหนึ่งคนกับจักรพรรดิสวรรค์ แถมยังให้เป็นคู่หมั่นกับผมตั้งแต่เกิดขึ้นมาอีก หึ! เป็นแผนการที่วางได้สุดยอดจริงๆ หลังตั้งตัวได้คงต้องไปเยี่ยมเยือนพวกมันสักหน่อย
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกครับ ข้ามีทางจัดการที่ดีกว่านั้น ข้ายอมองคหญิง เนร่า มานานหลายปี ข้าคิดว่าข้าต้องเอาคืนนางสักหน่อยถ้าเช่นนั้นข้าคงไม่พอใจ อีกอย่างประเทศ เมเบอร์ ที่เห็นตระกูลของข้าเป็นของเล่นแบบนี้คงต้องได้รับรางวัลจากข้าสักหน่อย”
“โอ้ววว…”
จักรพรรดิสวรรค์ มองผมด้วยแววตาหรี่ลงเล็กน้อย
“ถ้างั้นก็หมายความว่าเจ้าจะจัดการเองสินะ”
“ครับ”
ผมก้มหน้าลงนิดหน่อยหลังตอบไป
“ตอนนี้ข้าขอเวลาสักหน่อย ยังไงองค์จักรพรรดิก็ช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ด้วย”
“แน่นอน ไม่มีปัญหา”
ไม่คิดว่าเรื่องมันจะง่ายดายขนาดนี้ จาการแสดงออกขององค์จักรพรรดิคงไม่ชอบยัยนั้นอยู่แล้วแน่ๆ แต่เอาเถอะ เรื่องมันง่ายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันถ้าได้รับการคุ้มครองจากองค์ชาย ซิคฟรีส และ จักรพรรดิสวรรค์
ชีวิตยัยนั่นคงปลดภัยในพระราชวังแห่งนี้ ถึงจะมีชีวิตที่ลำบากกว่าเดิมสัก 10 เท่า ไม่สิ! มันอาจจะเป็น 100 เท่า ก็ได้ ในพระราชวังแห่งนี้ถ้าไร้ซึ่งอำนาจคุ้มครองคงใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แล้วละ แล้วประเทศฝั่งแม่ของเธออย่างประเทศ เมเบอร์ คงให้ความช่วยเหลืออะไรไม่ได้หรอก ถ้าพวกนั้นกล้าแทรกแซงจักรวรรดิพวกมันคงโดนกวาดล้างเป็นแน่ หึ!
เอาละ เรื่องทีหนึ่งเคลียร์เรียบร้อยต่อไปก็ต้องพยามเตือนเรื่องพวก-
“ว่าแต่เจ้ามีความคิดอะไรกับเรื่องพวกนี้ไหม”
“ครับ?”
ก่อนจะได้พูดอะไรจักรพรรดิสวรรค์ก็ยื้นกระดาษมาให้ผมก่อน 1 แผ่น กระดาษแผ่นนี้มันโดนเอามาจากด้านหน้าของอัครเสนบดี ไอรอน ที่มองมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่ ซึ่ง สิ่งที่เขียนเอาไว้มันมีเขียนเอาไว้เพียงสองข้อ และบนหน้ากระดาษก็เขียนเอาไว้ว่า [ ปัญหาใหญ่ของจักรวรรดิ ]
มีข้อความเขียนเอาไว้ว่า
……..
1. การเพิ่มขึ้นของทรัพย์สมบัติขุนนางและชนชั้นสูงของประเทศที่มากเกินไป
2. การส่งออกของที่มากเกินไปของจักรวรรดิ สมบัติมีค่ากำลังออกจากประเทศไปเป็นจำนวนมากและกำลังทำให้ประเทศรอบๆ แข็งแกร่งขึ้น
……..
โห่ว! ไม่คิดเลยว่าปัญหาใหญ่ทั้งสองอย่างจะโดนทั้งสองเล็งเห็นอยู่ก่อนแบบนี้
ในอนาคตปัญหาเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วมันก็กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากด้วย อย่างข้อที่หนึ่ง จำนวนทรัพย์สมบัติของพวกชนชั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนราชวงศ์ไม่สามารถควบคุมดูแลได้ อำนาจทางการเงินมันน่ากลัวอย่างแท้จริงไม่งั้นองค์หญิง เนร่า คงไม่เสียความสงบขนาดนั้นเมื่อผมบอกว่าต้องการเหมืองทองคืนจากเธอ
พวกที่มีเงินเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ขุนนางเท่านั้น ชนชั้นสูงที่ระบุเอาไว้คือ ขุนนาง , พ่อค้า ,พระจากโบสถ์ พวกที่มีอำนานต่างก็นับร่วมเป็นพวกชนชั้นสูงทั้งหมด และถ้ายิ่งปล่อยเอาไว้คนพวกนี้ก็จะสมสะเงินและอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงเวลานั้นราชวงศ์ก็ไร้อำนาจเรื่องการเงินลงทันที พอเป็นแบบนั้นราคาของในจักรวรรดิก็จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามที่กลุ่มคนที่มอำนาจต้องการ ถ้าถามว่ามันจะกลายเป็นไปปัญหายังไงก็ต้องบอกเลยว่ามันเป็นปัญหาแบบสุดๆ
เมื่อถึงเวลาแบบนั้นพวกมันขอหรือให้ทำอะไรจักรวรรดิก็ไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่เลือกได้คือยอมทำตามที่พวกมันต้องการเท่านั้น แต่ก็ถือว่าดีที่ทั้งสองคนสามารถเข้าใจปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นแบบนี้ก่อนแล้วผมเองก็มีความรู้จากที่อยู่บนโลกติตัวมาด้วย …นับว่าพวกท่านปรึกษาถูกคนแล้ว
“งั้นข้อหนึ่งต้องขึ้นภาษีเท่านั้นครับ ถ้ายังปล่อยเอาไว้แบบนี้พวกชนชั้นสูงของประเทศจะมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกมันมีอำนาจมากเกิไปการควบคุมก็จะลำบากทันที ตอนนี้ต้องทำให้พวกชนชั้นสูงจ่ายเงินออกมาให้มากที่สุดแล้วพวกท่านก็เข้าไปควบคุมพวกนั้นทันทีเมื่อโอกาศ”
ทั้งสองคนทำหน้าอึ้งหลังผมพูดจบ ก็แน่ละ ขุนนางที่ได้ชื่อว่าไม่ได้เรื่องที่สุดของจักรวรรดิพูดอะไรแบบนี้ออกมามันต้องแปลกแน่นอน ใบหน้าของทั้งสองบอกได้ชัดเจนเลยละว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่หลังจากได้ฟังที่ผมบอกไปเมื่อกี้ เหอๆ ถึงจะมองใบหน้าของสองคนนี้แล้วเจ็บใจก็เถอะ แต่มันก็ไม่มีคำพูดอะไรจะพูดจริงๆ
“นับว่าเป็นหารวิเคราะห์ที่ดี แต่การขึ้นภาษีมันทำไม่ได้หรอก”
“ถูกต้องแล้วละ ไอรอนพูดถูกแล้วไคล์ ตอนนี้ภาษีจักรวรรดิโดนเก็บลงตัวไปแล้ว ถ้าเพิ่มตอนนี้มันไม่ใช่การไปกดดันพวกชนชั้นสูงแต่มันจะได้กดดันประชาชนที่เป็นแรงงานของประเทศ ถ้าพวกมันโดนเก็บภาษีเพิ่มขึ้นพวกมันก็ไปขูดกับคนธรรมดาอยู่ดี”
ใช่! เรื่องแบบนั้นมันต้องเกิดแน่นอน ถ้าเกิดขึ้นภาษีคนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่พวกชนชั้นสูงของประเทศแต่เป็นชนชั้นกลางและล่างต่างหาก ถ้าจักรวรรดิเพิ่มการเก็บภาษีการค้าขายพวกนั้นก็แค่ไปกดราคารับซื้อของพวกชนชั้นล่างที่เป็นแรงงานการผลิตเท่านั้น เรื่องนี้ต่อให้ไปพูดให้คนธรรมดาฟังก็เข้าใจได้ทันที แต่ผมไม่ได้พูดออกไปเพราะไม่มีแผนหรอก
“ถ้างั้น …พวกท่านไม่เก็บภาษีที่เก็บได้แต่พวกชนชั้นสูงกันละ?”
“ยังไง เจ้าช่วยบอกมาเพิ่มหน่อย”
อัครเสนบดี ไอรอน ทำหน้าจริงจังทันตาเห็น
“การเก็บภาษีแบบนั้นมันจะทำได้ยังไง ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบที่เจ้าพูดมาก่อน”
ท่านไม่เคยได้ยินมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะในโลกนี้มันยังไม่มีใครคิดขึ้นมาไงละ หึหึ! การเก็บภาษีแบบที่ผมกำลังจะเสนอนั้น ผมเอามาจากโลกที่ผมจากมา ซึ่งใครเป็นคนคิดก็จำไม่ได้แล้วเพราะผมไม่ได้สนใจชื่อคนคิดขนาดนั้น อีกอย่าง มันก็ผ่านมานานมาแล้วด้วยจำไม่ได้มันก็ไม่แปลก …ขอโทษด้วยนะผู้คิด ขอยืมความคิดของท่านเพื่อช่วยประเทศนี้หน่อยก็แล้วกัน
ผมเงียบสักพักแล้วยิ้มเล็กน้อยกับคำถามของอัครเสนบดี ไอรอน จากนั้นก็พูดออกไปว่า
“ข้ากำลังพูดถึงภาษีสิ้นค้าฟุ่มเฟือย!”