456 - ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่ลึกลับ 2
456 - ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่ลึกลับ 2
วังอสูรสวรรค์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ นั่นคือมหาอำนาจของเผ่าพันธุ์อสูร หลายแสนปีที่ผ่านมาไม่ทราบว่ามีราชาอสูรที่ปรากฏตัวออกมาจากที่นั่นมากมายแค่ไหน
แม้แต่ราชามังกรเขียวก็ยังถือกำเนิดจากวังอสูรสวรรค์!
สถานะของเหยาเยว่กงนั้นไม่ต่ำทราม และความแข็งแกร่งของเขานั้นน่ากลัวไม่เป็นรองทายาทดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย
“หรือที่ข้าพูดไม่เป็นความจริง?”
จินฉีเซียวต่อต้านด้วยความดุดันไม่แพ้กัน เพราะเขาเองก็มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน
ตระกูลจินจากที่ราบทางตอนเหนือนั้นตั้งตระกูลอยู่ที่ชายแดนของดินแดนรกร้างตะวันออก ว่ากันว่าพวกเขาเคยเดินทางออกจากดินแดนรกร้างตะวันออกด้วยซ้ำ
และที่ลึกลับที่สุดก็คือ มีตำนานเล่าขานว่าพวกเขาคือลูกหลานของสิ่งมีชีวิตอมตะจากดินแดนอื่น
ตำแหน่งของพวกเขาบนภาคเหนือนั้นไม่แตกต่างจากอาณาจักรต้าเซี่ยของภาคกลาง เขาไม่ได้รู้สึกสั่นคลอนแม้แต่น้อยต่อให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นทายาทของวังอสูรสวรรค์ก็ตาม
เหยาเยว่กงพ่นลมอย่างเย็นชาและกล่าวว่า
“ในอดีตมีอสูรโบราณตัวหนึ่งที่สร้างความวุ่นวายในภาคเหนือและถูกจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจับไว้เป็นสัตว์เลี้ยง
หลังจากที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณร่วงหล่น เขาก็แปลงกายเป็นมนุษย์พร้อมทั้งอพยพครอบครัวไปยังที่ราบตอนบนของภาคเหนือ
พวกเราเผาอสูรถือว่าตระกูลของพวกเจ้าคือคนทรยศ ภารกิจหลักของพวกเราวังอสูรสวรรค์ คือการทำลายล้างพวกเจ้าที่เป็นสายเลือดของคนทรยศให้สูญพันธุ์ไปจากแผ่นดิน”
เย่ฟ่านประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าตระกูลจินและวังสัตว์อสูรสวรรค์จะมีเบื้องหลังความแค้นที่เกิดขึ้นในรูปแบบนี้
“เหยาเยว่กง จักรพรรดิทองคำ(จิน)ผู้ยิ่งใหญ่บรรพบุรุษของพวกเราเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน การที่เจ้าสาดโคลนใส่พวกเราเช่นนี้หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า!”
“อสูรโบราณที่สร้างความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และอสูรคือราชาทองคำ ตอนนี้พวกมันย้ายข้างและพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์ช่างน่าหัวเราะยิ่งนัก”
แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความเกลียดชังต่อกันและกันเป็นอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะลงมือแต่อย่างใด ไม่นานพวกเขาก็สงบลง
อันเหมียวอี้รินเหล้าด้วยตัวเองจากนั้นก็ประคองเหล้าทั้งสองจอกไปมอบให้กับจินฉีเซียวและเหยาเยว่กงตามลำดับ
"เหมียวอี้ไม่ดีเองที่ทำให้สหายเต๋าทั้งสองต้องผิดพ้องหมองใจกัน เหมียวอี้ขอใช้สุราจอกนี้เพื่อขอโทษสหายเต๋าทั้งสอง"
ด้วยความขัดแย้งทั้งสองมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะล้มเลิกความแค้นเพียงเพราะหญิงงามคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาย่อมต้องให้เกียรตินางสักสามส่วน
สุดท้ายพวกเขาก็ดื่มสุราคนละจอกก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
คนข้างๆถามขึ้นว่า "พี่เยว่กง วังอสูรสวรรค์ถือเป็นมหาอำนาจที่มีประวัติยาวนานที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก ในอดีตพวกเจ้าเคยมีความขัดแย้งกับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ เจ้าพอจะบอกเล่ารายละเอียดได้มากกว่านี้หรือไม่? "
เหยาเยว่กงมองด้วยท่าทางสงบ เขากล่าวว่า
"แม้ว่าวังอสูรสวรรค์ของเราจะเคยทำสงครามกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ท้ายที่สุดความขัดแย้งของพวกเราก็จบลงด้วยดีไม่มีอะไรมากกว่านั้น"
“พี่เยว่กงอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น”
ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นและประสานมือเพื่อขอโทษ ในความเห็นของเขา วังอสูรสวรรค์น่ากลัวกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายเท่า เพราะอย่างน้อยๆสถานที่แห่งนั้นก็ชุมนุมไปด้วยราชาอสูรมากมาย
อันเหมียวอี้ที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเบาๆ ฟันหยกเป็นประกายระยิบระยับของนางมีความสดใสและนางก็กล่าวว่า
"พี่เยว่กง เหมียวอี้ก็อยากจะถามคำถามนี้มาตลอดเช่นกัน ข้ามีความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเป็นอย่างมาก"
เย่ฟ่านอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เหตุไฉนจึงต้องสนใจร่างเซียนโบราณมากถึงขนาดนั้น?
"ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณสามารถทำลายญาณวิเศษและอวตารได้ทุกชนิด กฏและข้อห้ามใดๆก็ไม่สามารถใช้กับเขาได้ เมื่อเขาเป็นผู้อมตะเขาจะเป็นเหมือนโม่บดเนื้อที่อยู่กลางสนามรบ และทุกคนจะพยายามหลีกเลี่ยงเขาให้ไกล"
เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน มหาอำนาจทุกแห่งของดินแดนรกร้างตะวันออกตอนนี้ล้วนมีร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งไม่เหมือนใคร สิ่งที่ร่างศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นพึ่งพานั้นคืออวตารอันยิ่งใหญ่
หากมันไม่สามารถใช้งานได้เมื่ออยู่ต่อหน้าของร่างเซียนโบราณ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่สามารถปราบปรามร่างเซียนโบราณได้อย่างแน่นอน
เย่ฟ่านรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย คนเหล่านี้กำลังจะขุดคุ้ยความลับของเขาออกมาเป็นคำพูด นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
เหยาเยว่กงไม่ได้เปิดเผยอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาจับจ้องไปยังดวงตาของชายหนุ่มทุกคนที่อยู่ในห้องและกล่าวว่า
"ตอนนี้ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งไหนที่ฝึกฝนร่างเซียนโบราณอีกหรือไม่" สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เซียงอี้เฟย
“ข้าเคยได้ยินมาว่าดินแดนของเจ้าก็ฝึกฝนร่างเซียนโบราณขึ้นมาคนหนึ่งเมื่อครั้งอดีต แต่ข้าไม่รู้รายละเอียด”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซียงอี้เฟย อันเหมียวอี้ได้รินเหล้าให้พวกเขาแล้วพูดว่า
“ไม่ทราบว่าพี่อี้เฟยจะถือเป็นข้อห้ามหรือไม่หากข้าต้องการสอบถามเรื่องนี้”
"มันก็ไม่ใช่ข้อห้ามอะไร! นั่นเป็นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลว" เซียงอี้เฟยกล่าว
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดเคยฝึกฝนร่างเซียนโบราณคนหนึ่ง พวกเขาลงทุนเป็นอย่างมากก่อนที่ร่างศักดิ์สิทธิ์คนนั้นจะเข้าสู่อาณาจักรตำหนักเต๋า
“มันเป็นหลุมลึกที่ไร้ก้น แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะถือได้ว่าร่ำรวยมากที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก
แต่สุดท้ายด้วยความพยายามของผู้อาวุโสระดับสูงสุดหลายคนรวมทั้งต้นกำเนิดหลายสิบล้านจิน พวกเราก็ไม่อาจทำให้เขาทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้ "
“แล้วชะตากรรมต่อมาล่ะ?” มีคนถามว่านี่เป็นคำถามที่ทุกคนกังวลมากที่สุด
เซียงอี้เฟยไม่ตอบและเงียบไป
“ข้าได้ยินมาว่าร่างเซียนโบราณคนนั้นน่าสงสารมาก” สวีเหิงกล่าวอย่างเย็นชา
"พวกเราลงทุนด้วยต้นกำเนิดหลายสิบล้านจิน สุดท้ายกลับไม่ประสบผลสำเร็จ หากพวกเราไม่ถอนทุนคืนบ้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราคงล่มสลายไปแล้ว" เซียงอี้เฟยกล่าวด้วยความเศร้าโศก
“มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คนคนหนึ่งจะใช้ต้นกำเนิดถึงล้านจินในการฝึกฝน หากเจ้าใช้ต้นกำเนิดมากถึงขนาดนั้นมันจะทำให้ทะเลแห่งความทุกข์ของเจ้าระเบิดอย่างแน่นอน” ใครบางคนวิเคราะห์อย่างเป็นกลาง
“น่าเสียดายที่การลงทุนครั้งนั้นมีความเสี่ยงอย่างยิ่งและพวกเราจบลงด้วยความล้มเหลว นั่นเป็นสาเหตุให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก”
"แต่ตอนนี้ภาคเหนือถูกเปิดเหมืองต้นกำเนิดขึ้นหลายแห่ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่ได้มีความคิดที่จะรับร่างเซียนโบราณเข้ามาฝึกฝนหรือ "
หลายคนไม่ตอบสนอง ความคิดที่น่ากลัวนี้คืออะไร?
ไม่ต้องพูดถึงความขุ่นเคืองระหว่างเย่ฟ่านและดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง
แม้ว่าพวกเขาจะค้นพบร่างเซียนโบราณคนอื่น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเลี้ยงดูยอดฝีมือที่ไม่ได้เกิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาโดยตรง
“เหตุใดคุณหนูอันจึงสนใจร่างเซียนโบราณมากนัก?” เย่ฟ่านพูดขึ้นทันที
“เหมียวอี้มุ่งมั่นกับเต๋า โดยต้องการเข้าใจที่มาของมัน ข้าเห็นในบันทึกย่อที่เขียนด้วยลายมือของบรรพบุรุษว่า ร่างเซียนโบราณถือว่ามีความใกล้ชิดกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุด”
องค์ชายต้าเซี่ยที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะด้วยความกล้าหาญ
"ร่างศักดิ์สิทธิ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงในอดีต ข้าคาดหวังให้เขาทำลายคำสาปและเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้สำเร็จ ข้ามีความคาดหวังในเรื่องนี้อย่างแท้จริง "
ทันใดนั้นอันเหมียวอี้ก็ลุกขึ้นเดินมาที่โต๊ะหยก หม้อทองแดงใบเล็กๆปรากฏอยู่บนมือของนางอย่างลึกลับ
"สาเหตุสำคัญของการชุมนุมในวันนี้ เหมียวอี้ต้องการให้สหายเต๋าทุกท่านช่วยดูว่าหม้อใบนี้มีความพิเศษอย่างไร?"
หม้อขนาดเล็กนี้ปกคลุมด้วยสนิมสีเขียว โดยมีภาพแกะสลัก ปลา แมลง นก และสัตว์ต่างๆ มันเป็นภาพแกะสลักที่ค่อนข้างหยาบและไม่มีความสวยงามใดๆ
แต่เมื่อเห็นดังนั้นการแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที เป็นไปไม่ได้ที่อันเหมียวอี้จะเชิญทุกคนมาที่นี่เพื่อดูวัตถุที่ผุพังชิ้นหนึ่ง ของชิ้นนี้มีความลับอะไรกันแน่?