ตอนที่แล้ว14 - ไม่มีอะไรมากก็แค่แขนหัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป16 - การกลับมา

15 - ร้องออกมาแล้วจะหายเจ็บไหม?


15 - ร้องออกมาแล้วจะหายเจ็บไหม?

หมอเห็นแผลเปิดฉีกขาดที่หลังมือของหลินฟ่าน และเลือดก็พุ่งออกมา ท่ามกลางเลือดสีแดงพวกเขามองเห็นแม้แต่กระดูกสีขาวที่ด้านใน

“ไปเตรียมห้องผ่าตัดเร็ว”

พยาบาลรีบวิ่งออกไปข้างนอก

“พี่สาวพยาบาลอย่ากังวลไปเลย ผมรอได้ไม่ต้องรีบ” หลินฟ่านเห็นพยาบาลตื่นตระหนกเขาก็เตือนให้เธอผ่อนคลายจิตใจ

“สหายนักเรียนมากับเรา ไม่ต้องกังวล อาการของคุณโอเคไม่ร้ายแรง” หมอปลอบโยน

อาการบาดเจ็บของหลินฟ่านรุนแรงมาก หากเป็นคนธรรมดาคงต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดไปแล้ว แต่นักเรียนคนนี้นิ่งสงบเกินไป มันราวกับว่าเขาไม่มีประสาทรับรู้ความเจ็บปวด

หรือบางทีความเจ็บปวดอาจทำให้เส้นประสาทของเขาเป็นอัมพาตชั่วคราว แต่เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว เขาควรจะแสดงความเจ็บปวดออกมาบ้าง

ภายในวอร์ด.

เพื่อนนักเรียนอ้าปาก ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

มีคนกระซิบ

“นั่นคือเฉินหยางที่เรารู้จักใช่ไหม”

“เขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเราไปแล้ว”

เฉินหยางเคยเป็นเด็กผู้ชายที่ทุกคนเรียกว่าน้องสาว ตอนนี้คำพูดของเขาหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ มันแตกต่างจากเฉินหยางที่พวกเขาเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง

ห้องผ่าตัด.

“หมอ อย่าฉีดยาสลบให้ผม”

หลินฟ่านกำลังนอนอยู่บนโต๊ะผ่าตัด มองดูหลอดไฟปฏิบัติการที่คุ้นเคยเหนือหัวของเขาอย่างเงียบ ๆ มันยังคงพร่างพรายถึงแม้จะไม่ได้อยู่ที่เดิม แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม

หมอได้ยินคำขอเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“ถ้าไม่มียาสลบอาจจะเจ็บปวดจนช็อคเลยก็ได้”

“ไม่ คุณไม่เข้าใจ ผมมีเจตจำนงเหมือนเหล็กกล้า ความเจ็บปวดคือการฝึกฝน ผมชินกับมันมานานแล้ว” หลินฟ่านกล่าว

ขณะที่หมอกำลังจะพูดอะไร พยาบาลที่อยู่ด้านข้างก็ดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ ความหมายก็ชัดเจนมาก

ถ้าเขาบอกว่าไม่ต้องการพวกเราก็แค่ไม่บอกเขาว่ามันเป็นยาสลบเท่านั้นเอง

ณ ขณะนี้.

วิสัญญีแพทย์เตรียมเข็มยาสลบไว้นานแล้ว

"นี่คืออะไร?" หลินฟ่านถาม

“นี่เป็นยาวิเศษ ดีสำหรับอาการบาดเจ็บทางร่างกาย ไม่ต้องกังวล มันไม่ใช่ยาสลบแน่นอน”

วิสัญญีแพทย์ยิ้ม เขาเลือกตำแหน่งเหนือไหล่และฉีดยาสลบเข้าไปด้วยความเร็วที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถทำได้

หลินฟ่านยิ้มอย่างพอใจ

“อะไรก็ได้ขอแค่ไม่ใช่ยาสลบก็พอ เพราะผมไม่มีเงินติดตัวสักแดง”

แพทย์และพยาบาลมองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจกระบวนการคิดของหลินฟ่าน มันเป็นเพราะอายุของพวกเขาห่างไกลกันเกินไปหรือไม่?

เงิน?

พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องเงินเลย

ไม่นานก็มีเสียงของกรรไกรและเสียงของผิวหนังที่ถูกตัด ใบหน้าของหลินฟ่านไม่มีอารมณ์และความรู้สึกใดๆ เขาคุ้นชินกับโรงพยาบาลนานแล้ว

โรงพยาบาลจิตเวชชิงซานคือบ้านของเขา

โรงพยาบาลกลางคือบ้านหลังที่สองของเขา

ในขณะที่ครุ่นคิด หลินฟ่านหลับตาและผล็อยหลับไป เสียงกรนของเขาดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

“เธอคิดว่านักเรียนคนนี้แปลกๆหรือเปล่า” พยาบาลถาม

“ก็มันแปลกๆนิดหน่อย เขาต่างจากคนไข้ที่ฉันเคยเจอมาตลอดทั้งชีวิต”

“เขารอดมาได้ยังไง”

“เธอคงไม่เชื่อหรอก ฉันได้ยินจากเพื่อนนักเรียนของเขาว่าในขณะที่เขากำลังเปิดหน้าต่าง เขาก็เอื้อมมือออกไปจับตัวชายที่กระโดดจากชั้น 25 โดยตรง”

“ที่น่าเหลือเชื่อคือเขาไม่ส่งเสียงกรีดร้องสักแอะ มันเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย”

ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นหมอพยาบาลที่ลงมือผ่าตัดหลินฟ่านพวกเขาก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ

บาดแผลนี้น่ากลัวมาก เขาทนได้อย่างไรถึงไม่ร้องออกมา!

ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาในการทำแผลนี้นานเท่าไหร่

หลังจากสิ้นสุดการผ่าตัดพยาบาลคนหนึ่งก็เอาพลาสเตอร์มาพันแขนขวาของหลินฟ่านซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เธอมองดูนักเรียนที่อยู่ข้างหน้าอย่างสงสัย และอดไม่ได้ที่จะถามว่า

“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

"เจ็บครับ." ใบหน้าของหลินฟ่านยิ้มอยู่เสมอ

“ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาได้นะ”

“ถ้าร้องออกมาแล้วจะหายเจ็บไหม” หลินฟ่านถาม

พยาบาลตกตะลึงและกล่าวเบาๆไว้ว่า

“ไม่”

“ถ้าไม่หายเจ็บจะร้องออกมาหรือไม่มันก็ไม่มีความหมาย จริงหรือเปล่า?” หลินฟ่านพูดอย่างเฉยเมย

"ถูกต้อง?"

หลินฟ่านมองดูพยาบาลสาวด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

ฉากนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นระหว่างคนไข้และพยาบาล

แต่ในความเป็นจริงพยาบาลค่อยๆก้มศีรษะลง เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย รอยยิ้มในดวงตาของเขามันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆและอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

“อย่ามองฉันแบบนี้ได้ไหม มันทำให้ฉันกลัว” พยาบาลเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้งแล้ง

"ตกลง."

หลินฟ่านตกลงแต่รอยยิ้มของเขาไม่ได้หายไปไหน มันเป็นรอยยิ้มที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่โรงพยาบาลจิตเวชชิงซานแล้ว

ในตอนแรกเขาเห็นทุกคนยิ้มแบบนี้ เพื่อไม่ให้แปลกแยกจากคนอื่นเขาจึงต้องยิ้มแบบนี้ด้วย

หลังจากนั้นทุกคนจะมองตากันและเข้าใจซึ่งกันและกัน ต่อให้พวกเขาต้องยิ้มทั้งวันทั้งคืนพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีปัญหาอะไร

ณ ขณะนี้.

ภายในวอร์ด.

หยางจื่อเถียนมองไปที่รูปถ่ายในโทรศัพท์ มันเป็นรูปถ่ายแขนของเฉินหยางหลังจากที่เขาช่วยชีวิตชายชราคนนั้นไว้

หลังจากทำสติอยู่ชั่วครู่เขาก็ส่งรูปนั้นลงไปในกลุ่มอย่างรวดเร็ว

ข้อความมีว่า

“พี่ใหญ่เฉินโคตรเท่เลย เขาช่วยชีวิตชายชราที่กระโดดตึกจากชั้น 25 พวกนายดูแขนเขาสิมันน่ากลัวขนาดไหน”

…………..

ถังเจี๋ยไรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะไปโรงเรียนได้ยังไงเมื่อเขาถูกไอ้ตุ๊ดเฉินหยางทุบตีต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน

เมื่อเปิดลิ้นชักเขาหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา

“คราวนี้ฉันเจอปัญหาหวังว่าแกจะเป็นทางออก”

เขายืนอยู่หน้าลิ้นชักและมองดูมีดสั้นด้วยการตัดสินใจที่ยากลำบาก

ดิง!

ข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น

ถังเจี๋ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดหน้าจอ

ทันใดนั้นความคิดที่อยู่ในสมองของเขาหายไปทันที!

เฉินหยางยืนอยู่หน้าหน้าต่างด้วยรอยยิ้ม เขาก้มศีรษะลงและลูบหัวของชายชราด้วยความอ่อนโยน แต่ที่แขนข้างหนึ่งของเขานั้นมีกระดูกเสียบพ้นออกมา

ภาพถ่ายนี้มีผลอย่างมากต่อถังเจี๋ย

คุรุ!

ลำคอของเขาสั่นสะท้าน

บูม!

ถังเจี๋ยปิดลิ้นชักพร้อมกับล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา ความคิดที่จะเอามีดไปแทนเฉินหยางหายไปในพริบตา

"ขอโทษ ฉันผิดเอง"

เขาเป็นแค่เด็ก...

เขาชอบที่จะรังแกเพื่อนนักเรียน แต่เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเฉินหยางคนที่บ้าคลั่งไม่กลัวแม้แต่ความตาย

รอยยิ้มประหลาดที่เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพแขนที่พังยับเยินทำให้เขาหวาดกลัวจับใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด