ตอนที่แล้วตอนที่ 169 ศรกลายเป็นบันได
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 171 ไอดีสำรอง(อ่านฟรี)

ตอนที่ 170 แค่คนที่หลงเข้ามา(อ่านฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 170 แค่คนที่หลงเข้ามา

เคิร์ตเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ชอบเล่นเป็นโจรมาก เขามักจะออกปล้นเพียงคนเดียวเสมอ คติประจำใจของเขาคือ ปล้นแต่ของ ไม่ฆ่าคน เพราะเขาคิดว่าการเป็นโจรที่ดีก็ต้องมีเอกลักษณ์ของตนเอง

ในเจ็ดวันก่อนเคิร์ตได้วางแผนแอบเข้ามากับผู้เล่นกลุ่มหนึ่งและลอบเข้ามาในกองกำลังของกิลด์ ส่วนเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อเข้าไปขโมยของสิ่งหนึ่งที่ได้รับมาจากสายข่าวลับที่ไม่ลับอย่าง พิราบขาว ที่จริงเขาซื้อข่าวนี้มาอย่างเงียบ ๆ และวางแผนมาสักพักแล้ว

และแผนของเขานั้นก็สำเร็จ เขาแอบเข้าไปในสถานที่เก็บสมบัติของพวกนั้นได้และขโมยของมีค่าสิ่งหนึ่งออกมาได้สำเร็จ แต่ความซวยก็เกิดขึ้น เพราะหลังจากขโมยของสำคัญของพวกกิลด์ใหญ่ ๆ ได้แล้ว เขาดันพลาดไปอยู่ในจุดที่ไม่ควรอยู่ ทำให้ตอนนี้ถูกต้อนมาพร้อมกับผู้เล่นจำนวนมาก เมื่อไม่มีทางเลือกจึงได้แต่เล่นตามน้ำไป

เมื่อรู้ตัวอีกทีเคิร์ตก็มายืนอยู่ในสนามรบแล้ว

ในสมองของเคิร์ตกำลังคิดหาทางหนีไปจากตรงนี้ เขาไม่ยินดีที่จะเอาหนึ่งในชีวิตที่มีค่าของไอดีนี้มาทิ้งเพียงเพราะการต่อสู้ไร้สาระที่ป้อมปราการนี้ เขาต้องหนีออกไปจากที่นี่และนำถ้วยรางวัลในการปล้นครั้งนี้ออกไปให้ได้

แต่ก่อนจะได้ทำอะไรสงครามก็เริ่มขึ้นแล้วผู้เล่นต่างพากันวิ่งเข้าหาป้อมปราการ ซึ่งเคิร์ตก็ต้องวิ่งตามไปเพราะถ้าเขาเกิดวิ่งไปคนละทางจะโดนทหารที่ตามหลังมาสังหารทันที

ในตอนนั้นก็มีหอกยิงมาจากป้อมกำแพง ซึ่งเขาไม่มีทางเลือกมันว่าศรอย่างแน่นอน เนื่องจากมันใหญ่มากในความคิดของเขา หอกยิงกระทบกับพื้นที่ซึ่งห่างจากเขาไปไม่เกิน 20 เมตรเท่านั้น ก่อนจะระเบิดเปลวเพลิงเผาไปพื้นที่นั้นจนหมด

ทำเอาเคิร์ตล้มลงก้นกระแทกพื้น เขายกมือกันหน้าไว้เพราะคลื่นความร้อนจากเปลวเพลิง หลังคลื่นความร้อนเบาลงเคิร์ตก็มองไปยังจุดนั้นด้วยสีหน้าซีดขาวจากความตกใจ พื้นที่ตรงหน้าโดนเผาไม่มีชิ้นดี ถ้าเกิดเขาขยับไปอีกสักสิบยี่สิบเมตรคงตายไปด้วย และของที่ขโมยมาก็จะถูกทิ้งไว้ การทำงานหลายวันของเขาก็จะเสียเปล่า

“ข้าต้องหาที่หลบอย่างน้อยก็ต้องไม่วิ่งเข้าไปตายต่อ” เขากวาดตามองไปรอบสนามรบ มันแทบไม่มีพื้นที่ตรงไหนให้หลบได้เลยแม้แต่น้อยแต่นั่นมันในความคิดคนอื่น

ในฐานะที่เขาอยากเป็นจอมโจรชื่อดัง เคิร์ตได้ฝึกการหลบซ่อนในสถานที่ต่าง ๆ มามาก และเขาก็เจอพื้นที่หนึ่งน่าสนใจและมั่นใจว่ามันพอจะให้ซ่อนจนจบสงครามได้แน่นอน

นั้นก็คือบริเวณโคลนจากน้ำขังในพื้นที่กว้าง ซึ่งมันโดนเหยียบย่ำจนเละจากเท้าของผู้เล่นและทหาร นอกจากนั้นก็มีศพกระจายอยู่ทั่ว ซึ่งเป็นศพที่โดนยิงจากลูกศรตาย

ส่วนใหญ่จะเป็นศพทหารและมีศพผู้เล่นอยู่บ้าง ผู้เล่นพวกนี้ที่ตายส่วนใหญ่ไม่ใช่สมาชิกกิลด์ แต่เป็นผู้เล่นเดี๋ยวที่เข้ารวมเพราะเงินในภายหลัง ซึ่งไอดีพวกเขาก็ตายครบสามครั้งแล้ว

เคิร์ตไม่รอช้าวิ่งเข้าหาก่อนจะทิ้งตัวลงในจังหวะที่เกิดเสียงระเบิดจากหอกเพลิงที่ยิงมากระแทกกับพื้น ซึ่งหลังหมอบลงไปแล้ว เขาก็รีบกลิ้งตัวไปกับโคลนและเลือด ก่อนจะขยับตัวไปแอบข้างศพผู้เล่นและดึงศพผู้เล่นอีกศพหนึ่งเขามาทับตัวเอง

แต่ไม่แค่นั้นด้วยความเป็นมืออาชีพ เคิร์ตรีบโกยเอาดินโคลนกลบฝังตัวเองเท่าที่จะทำได้ ทำให้เหมือนตรงนี้มีศพอยู่สองเท่านั้นถ้าไม่สังเกตดี ๆ แทบจะมองไม่เห็นเคิร์ตที่นอนอยู่ใต้ศพ

เคิร์ตยังเหลือพื้นที่ไว้ให้มองดูสถานการณ์รอบ ๆ ได้ เขาเห็นผู้เล่นกลายเป็นลูกไฟลอยหายไปบนท้องฟ้าต่อเนื่อง ซึ่งทำเอาเขาหวั่นใจกับภาพนี้พอสมควร แต่ที่ทำเอาเขากลัวจริง ๆ นั้นคือ อยู่ ๆ กำแพงของป้อมปราการก็มีช่องเปิดออก ซึ่งต่อมามีของเหลวสีดำไหลออกมาตกใส่ผู้เล่นและทหารฝ่ายนครแสงเทวาด้านนอกกำแพง

ในใจของเคิร์ตนั้นเขารู้สึกเหมือนกำแพงเหล็กกำลังหลังโลหิตออกมา

แต่ต่อมาก็มีทหารฝ่ายนครดาราฟ้าที่ยิงศรเพลิงลงมาตามจุดต่าง ๆ บ้างก็ปาคบเพลิงลงไปด้านล่าง ก่อนที่เปลวไฟโลกันตร์จะลุกไหม้เผาตามพื้นด้านล่างของกำแพง มีเสียงของผู้เล่นร้องโหยหวนออกมาเป็นระยะ พร้อมกับลูกไฟที่พุ่งขึ้นฟ้าไปมากขึ้นและเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า ทำให้เห็นว่าจำนวนผู้เล่นที่ตายไปนั้นมากกว่าที่ผ่านมารวมกัน

“บ้า...บ้าไปแล้ว” ปากของเคิร์ตสั่นเทา เมื่อเห็นภาพตรงหน้า โชคดีที่เราหลบตรงนี้และแกล้งนอนตายไม่อย่างนั้นเราคงตายไปและการทำงานหนักหลายวันที่ผ่านมาคงเป็นไร้ค่าทันที

เขาเลื่อนมือไปจับกล่องเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ตรงหน้าอกด้วยความหวงแหน

การต่อสู้ยังไม่จบ เพราะหลังจากป้อมปราการใช้มันเพลิงจุดไฟทั่วทั้งกำแพง กั้นไม่ให้ทหารศัตรูบุกฝ่าเข้ามาบนกำแพงได้อีก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ปีนขึ้นมาและหนีพ้นระยะของเปลวเพลิง ซึ่งทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขึ้นไปด้านบนต่อเท่านั้น

ผู้เล่นไม่คิดมาก ตอนนี้มันเกินกว่าที่จะหันกลับ พวกเขาจึงเลือกจะสู้จนกว่าจะตายและสนุกกับเกมนี้ให้ได้มากที่สุด ส่วนที่เหลือของฝ่ายนครแสงเทวาที่ไม่ตายและก็ขึ้นไปบนกำแพงไม่ได้อีกเพราะมีเพลิงขวางกั้นอยู่ ในตอนนั้นก็มีสัญญาณดังขึ้นไปทั่วทั้งสนามรบเป็นการบอกให้พวกเขาถอยได้

ผู้เล่นที่พึ่งฟื้นคืนชีพมาและได้ยินเสียงสัญญาณถอยพวกเขาก็พอกันถอยกลับไปด้วยเช่นกัน

เคิร์ตที่เห็นก็ลังเลอยู่สักพักว่าจะตามถอยกลับไปด้วยหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ตามไปเพราะในตอนนี้หลังจากสงครามวันนี้จบลง เขาจะหาโอกาสหนีออกไปได้ง่ายกว่าการกลับไปที่ค่ายกิลด์พวกนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกลับไปและอาจจะโดนจับได้ว่ามีของหายไป ตอนนั้นคงยากที่จะออกจากค่ายของพวกผู้เล่นเหล่านั้นแล้ว

...

ด้านบนริมขอบกำแพง กายกำลังห้ำหั่นกับผู้เล่นฝ่ายศัตรูที่ปีนขึ้นมาด้านบนอย่างบ้าคลั่ง เพราะพวกผู้เล่นรู้ว่าไม่มีที่ให้ถอยจึงไม่มีอะไรจะเสียและสู้ตาย นั้นยิ่งทำให้พวกเขาอันตรายมากขึ้น เหมือนดังคำที่ว่า ‘หมาจนตรอก’

ถึงอย่างนั้นกายก็ไม่ได้เสียเปรียบ ตอนนี้เขาคือนักรบฝึกหัดขั้น 3 การรับมือกับผู้เล่นระดับ 2 หลายคนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ที่ต้องระวังคือพวกทหารจริง ๆ ของนครแสงเทวาที่แอบแฝงตัวเข้ามาและคอยโจมตีพวกเขา

“บ้าเอ๊ย...แค่โจมตีหยั่งเชิงพวกมันก็ทุ่มกำลังคนขนาดนี้แล้ว ดูท่าแล้วพวกนั้นคงได้กำไรจากสงครามเยอะน่าดู” กายพึมพำออกมา ขณะที่ทุบกะโหลกผู้เล่นคนหนึ่ง

ขณะเดียวกันสงครามหยั่งเชิงครั้งแรกก็กำลังจะจบลง เมื่อจำนวนของทหารและผู้เล่นฝ่ายศัตรูที่ไม่อาจจะเข้ามาเติมเต็มจำนวนได้ เพราะเส้นทางพวกเขาตัดขาดจากเพลิงนรกที่ด้านล่างกำแพงแล้ว

“ตั้งโล่” ในตอนนั้นเองเสียงของหัวหน้ากองพลเกลก็ดังขึ้น พวกทหารที่ถือโล่อยู่ต่างก็ยึดแนวสร้างเป็นกำแพงโล่บนกำแพงเหล็ก เมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตนตั้งแนวกำแพงโล่แล้ว หัวหน้ากองพลเกลก็สั่งการต่อทันที “แทง!!!”

“โอ้วววว แทง!!!” ทหารทั้งหมดก็ร้องคำรามออกมา รวมทั้งกาย มีอาและลิลี่ด้วย เขาเองก็ร้องตะโกนเช่นกัน

ก่อนที่ทหารโล่จะบิดตัวเปิดช่อง ทหารที่ถือดาบ หอก และอาวุธแทบจะทุกอย่างต่างก็ทั้งแทง ฟันและโจมตีใส่ผู้เล่นและทหารฝ่ายนครแสงเทวาที่อยู่บนกำแพงอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งพอโจมตีออกไปแล้วไม่สนใจว่าจะโดนหรือไม่ พวกเขาจะถอยกลับหลังโล่ และพลโล่จะปิดโล่กลับมาเป็นแนวกำแพงโล่ จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ศัตรูถอยหนีการโจมตีก้าวเท้าไปข้างหน้าและยึดพื้นที่บนกำแพงอย่างรวดเร็ว

ส่งผลให้ผู้เล่นฝ่ายนครแสงเทวาและทหารต่างก็ถูกผลักถอยไปริมขอบกำแพงเรื่อย ๆ และอีกไม่มีนานพวกเขาก็จะไม่มีที่ให้ยืน ทั้งยังไม่สามารถตอบโต้แบบพลีชีพลากคนตายตามไปด้วยได้ ซึ่งสิ่งที่รอหลังจากถูกผลักจนตกกำแพงคือเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ด้านล่างของกำแพง

“พวกเราทำได้แค่นี้”

“บ้าเอ๊ย! ทหารพวกนี้มันไม่โง่มาสู้กับเราตัวต่อตัว”

“อย่าพูดมาก! เจ้าสู้ตัวต่อตัวคงตายไปนานแล้ว เร็วพวกเรารีบจับกลับกันและฆ่าทหารให้ได้มากที่สุดอย่างน้อยการต่อสู้ครั้งหน้าจะง่ายขึ้นมาก”

“สู้เพื่อโบนัส!”

“สู้เพื่อโบนัส!!!”

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงเต็ม ในที่สุดผู้เล่นฝ่ายนครแสงเทวาคนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนกำแพงก็ถูกถีบลงกำแพงตกไปตายในกองไฟทำให้เป็นการจบการต่อสู้ครั้งนี้ลงได้

ลิลี่ที่แม้จะมีกำลังมาก แต่ก็อดทิ้งโล่เหล็กในมือและนั่งลงอย่างหมดแรงไม่ได้ เธอหอบหายใจสักพัก ก่อนจะเช็ดเลือดจากหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ “ในที่สุดก็จบ”

“ยังหรอก นี่แค่การโจมตีรอบแรกเพื่อประเมินพลังรบเราไปในตัว อีกอย่างพวกศัตรูส่วนใหญ่เป็นแค่มนุษย์ไฟเท่านั้น” มีอาเดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าลิลี่ ก่อนจะสะบัดดาบเอาเลือดออกและเก็บดาบเข้าที่

“ข้ายังแค่เด็กแท้ ๆ” ลิลี่ทำปากมุ่ย ก่อนจะยื่นมือมาให้มีอาช่วยดึงตัวเธอขึ้น มีอายื่นมือไปจับก่อนจะฉุดตัวลิลี่ขึ้นมา ซึ่งเธอแทบไม่ต้องออกแรงเนื่องจากลิลี่ตัวเล็ก

ด้านเดียวกัน กายยกค้อนสั่นสะเทือนที่ชุ่มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อออกจากพื้นบนกำแพง ก่อนจะเดินไปสำรวจรอบ ๆ เขาสนใจพวกของจากมนุษย์ไฟเป็นหลัก เพราะในตามกฎแล้วผู้เล่นพวกนี้ไม่นับรวมในทหารทั่วไปอย่างเป็นทางการ ทำให้เมื่อหาอะไรเจอก็เก็บไปได้เลย

ต่างจากทหารจริง ๆ ไม่ว่าจะฝ่ายนครแสงเทวาหรือนครดาราฟ้า ของที่เก็บมาได้คือสินสงครามจะถูกกองทัพเก็บต้อน โดยเฉพาะทหารฝ่ายพวกเขาทุกคนแทบจะไม่ขโมยของจากศพ แต่จะส่งคืนกองทัพและนำศพกลับไปส่งคืนบ้านเกิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด