WS บทที่ 380 การประชุมสุดยอด PART 5
ในสนามประลอง เมอร์ลินและเบิร์กส์กำลังเพ่งมองกันและกัน
เบิร์กส์ เป็นชายหนุ่มมีรูปร่างที่ดีและหนวดเคราบางอยู่บนใบหน้าของเขา ใบหน้าของเขาดู ‘แห้งกร้าน’ เขาดูเหมือนช่างตีเหล็กธรรมดามากกว่านักเวทย์ผู้ทรงพลัง
ในภาษามอลต้า ชื่อของเบิร์กส์มีความหมายว่า ‘ปกป้อง’ และปราการเทอร์ร่าเป็นองค์กรที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญในคาถาป้องกันธาตุดิน ดังนั้นคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดของเบิร์กส์ควรเป็นคาถาป้องกันธาตุดิน
หากคู่ต่อสู้ไม่สามารถเอาชนคาถาป้องกันของเบิร์กส์ได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ นักเวทย์ส่วนใหญ่ในปราการเทอร์ร่าใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้ พวกเขาจะเน้นการสร้างคาถาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาไม่ได้ต้องการโจมตีที่ทรงพลังเพราะพวกเขาต้องเชี่ยวชาญคาถาป้องกันที่น่าเกรงขามที่สุดก่อน
ด้วยรูปลักษณ์ของเบิร์กส์ทำให้คนทั่วไปคิดว่า เขาเป็นอัธยาศัยดี อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักเวทย์ ไม่มีใครในพวกเขา ‘อัธยาศัยดี’ แววตาของเบิร์กส์ในครั้งคราวแสดงให้เห็นถึงความลึกล้ำออกมา
“พ่อมดเมอร์ลิน ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของคุณมานานแล้ว คุณคือนักเวทย์อัจฉริยะที่สุดแห่งดินแดนมนต์ดำ นักเวทย์หกธาตุผู้ครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่า!”
เบิร์กส์พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบและดูเหมือนรู้เรื่องเกี่ยวกับเมอร์ลินมาก
เมอร์ลินค่อนข้างแปลกใจ ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักเฉพาะในกลุ่มองค์กรขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น เขาไม่คิดว่าจะมีใครในปราการเทอร์ร่าซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งหมื่นไมล์จะรู้จักเขา
บางทีอาจไม่ใช่ว่าปราการเทอร์ร่ารู้จักเขาแต่เบิร์กส์อาจจะทำการสอบถามข้อมูลอย่างแข็งขัน หากเป็นกรณีนี้ เบิร์กส์จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากเพราะเขาเตรียมการเพียงพอสำหรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นนี้แล้ว
ในตอนนี้ รอบที่สองได้จบลงแล้ว ยกเว้นการต่อสู้ระหว่างเมอร์ลินและเบิร์กส์ ดังนั้น เหล่านักเวทย์ที่ทรงพลังสองสามตัวจึงมุ่งความสนใจไปที่สนามประลองแห่งนี้
พวกเขาอาจไม่รู้จักเมอร์ลินแต่พวกเขารู้จักกับเบิร์กส์เป็นอย่างดี เนื่องจากเขาเป็นอัจฉริยะจากองค์กรนักเวทย์ขนาดกลาง
“นี่ควรจะเป็นชัยชนะที่ง่ายสำหรับเบิร์กส์ใช่ไหม? เบิร์กส์มีความสามารถที่คู่ควรกับรอบที่สามหรือแม้แต่รอบที่สี่ คาถาป้องกันของเขาสามารถใช้ร่วมกับพลังปีศาจแพนโดร่า มีเพียงนักเวทย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำลายมันได้!”
นักเวทย์ส่วนใหญ่รับร็ถึงสถานะของเบิร์กส์ เขาในฐานะอัจฉริยะระดับแนวหน้าในองค์กรนักเวทย์ขนาดกลาง เขามีชื่อเสียงมาพอสมควรแล้ว
บนที่นั่งอันห่างไกล นักเวทย์แห่งนครปาฏิหาริย์กำลังเฝ้าดูเมอร์ลินและเบิร์กส์อย่างเบื่อหน่าย เด็กอัศจรรย์รู้จักเบิร์กส์เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่เขาต่อสู้ เบิร์กส์จะร่ายเวทย์ป้องกันทันที ทำให้คู่ต่อสู้ของเขาโจมตีได้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ หากคู่ต่อสู้สามารถทำลายแนวรับของเขาได้ เบิร์กส์ก็จะยอมจำนนทันที
วิธีการต่อสู้นี้ค่อนข้างแปลกตา อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ เบิร์กส์ได้พบกับพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์ขนาดกลางในรอบแรกเท่านั้น เขายอมให้คู่ต่อสู้ใช้ทุกกระบวนท่าในการโจมตีต่อเนื่องยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมง ในท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถเอาชนะการป้องกันของเบิร์กส์ได้และทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น
กลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้เบิร์กส์กลายเป็น ‘ดาวเด่น’ ของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้ชมจำนวนมาก
“มาดูกันว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เมอร์ลินจะประกาศยอมแพ้”
นักเวทย์แห่งนครปาฏิหาริย์แสดงท่าทางร่าเริง พวกเขาจะเข้าร่วมในรอบที่สามทันที นี่คือ ‘สิทธิ์’ ขององค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่
ไม่ใช่แค่ทางนครปาฏิหาริย์ที่กำลังเฝ้าดูอยู่ นักเวทย์แห่งป้อมปราการทรายดำและหนามแห่งเงาต่างก็จ้องมองไปยังลานประลองที่เบิร์กส์และเมอร์ลินกำลังต่อสู้กันอยู่ พวกเขาให้ความสนใจกับเบิร์กส์เป็นส่วนใหญ่
ท้ายที่สุด เขาเป็นนักเวทย์ที่มีความสามารถในการเข้าสู่รอบที่สามหรือแม้แต่รอบที่สี่และเป็นคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพ ยิ่งพวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับเขาตอนนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งพร้อมมากขึ้นเท่านั้น
“ดีมาก ตอนนี้เมอร์ลินกำลังเผชิญหน้ากับเบิร์กส์ ช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร ฮ่าฮ่า! เป็นความจริงที่เมอร์ลินแข็งแกร่งพอสมควรและอาจผ่านเข้ารอบที่สามได้ แต่ช่างโชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือเบิร์กส์ เขาไม่เหลือความหวังแล้ว! ทีนี้เขาก็จะได้รู้ถึงสถานะของตัวเองซะที ต่อให้เป็นอัจฉริยะแต่ก็เป็นได้แค่อัจฉริยะจากองค์กรเล็ก ๆ เท่านั้น ช่างไม่ต่างจากกบในบ่อน้ำ ฮ่าฮ่า!”
นักเวทย์สองคนจากป้อมปราการทรายดำที่นำนักเวทย์จากดินแดนมนต์ดำเข้าก่อนหน้านี้ พวกเขายังคงมีความแค้นต่อดินแดนมนต์ดำ พวกเขายินดีในความโชคร้ายของเมอร์ลินเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือเบิร์กส์
ในสนามประลอง สีหน้าของเมอร์ลินยังคงนิ่งเฉย ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมของเขา เขาสามารถได้ยินการสนทนาที่เกิดขึ้นในฝูงชนรอบ ๆ สนามประลอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา ตอนนี้เขาให้ความสนใจกับเบิร์กส์ทั้งหมด
เบิร์กส์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอันอบอุ่นของเขา เขาพูดเบา ๆ “พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าคุณสามารถทำลายคาถาป้องกันของฉันได้ ฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้ทันที!”
หลังจากสิ้นเสียง ม่านแสงสีเหลืองขนาดใหญ่จึงค่อย ๆ ลอยขึ้นเหนือเบิร์กส์ พื้นผิวของม่านแสงนี้เป็นเหมือนน้ำนิ่งเป็นลูกคลื่นตลอดเวลาและทำให้เกิดคลื่นระลอกคลื่น
นี่คือคาถาธาตุดินระดับสามเกราะแห่งเทอร์ร่า มันเป็นคาถาที่ค่อนข้างทรงพลังและซับซ้อนในหมู่คาถาธาตุดิน ระดับสาม
นักเวทย์ที่สามารถสร้างคาถานี้ต้องมีความสามารถสูงในการสร้างคาถา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเกราะแห่งเทอร์ร่าจะเป็นคาถาที่น่าเกรงขาม แต่ก็ยังด้อยกว่าเกราะสัมบูรณ์ของเมอร์ลินเล็กน้อย ท้ายที่สุด เกราะสัมบูรณ์เป็นหนึ่งในคาถาระดับสามที่แข็งแกร่งที่สุดที่สร้างขึ้นโดยสมาชิกของราชวงศ์ ทรัพยากรของราชวงศ์ยังคงมีมากกว่าองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งและอาจถือได้ว่าตัวราชวงศ์เป็นองค์กรนักเวทย์ชั้นหนึ่ง
*วิ้ง วิ้ง วิ้ง*
ในไม่ช้า ชั้นสีเหลืองของเกราะแห่งเทอร์ร่าก็ค่อย ๆ เปลี่ยนสีเมื่อมันกลายเป็นโปร่งแสงจาง ๆ เมอร์ลินรู้สึกว่ามีพลังอย่างอื่น
“พลังปีศาจแพนโดร่า?”
เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อย ตัวเขาเองได้ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่ามามากมายและมีความคุ้นเคยกับการมีอยู่ของพวกมัน ก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวของพลังปีศาจแพนโดร่าได้ปรากฏอยู่ในเกราะแห่งเทอร์ร่า นี่หมายความว่าเบิร์กส์มีพลังปีศาจแพนโดร่าซึ่งสามารถหลอมรวมกับคาถาได้
เบิร์กส์วางใจในพลังปีศาจแพนโดร่าซึ่งผสานเข้ากับเกราะแห่งเทอร์ร่า นอกเหนือจากคาถาป้องกันซึ่งปราการเทอร์ร่าเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้วยแล้ว เขามีวิธีการพิเศษในการเสริมพลังคาถาป้องกันของเขาอีกด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เบิร์กส์ถึงมีความมั่นใจมากและยังท้าให้คู่ต่อสู้ของเขาโจมตีเขาได้ตามใจชอบ
ถ้าไม่มีการโจมตีที่รุนแรงเป็นพิเศษ ก็คงไม่มีทางเอาชนะคาถาป้องกันของเบิร์กส์ได้!
“พ่อมดเมอร์ลิน อย่างที่ฉันพูดไป ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณซะ ถ้าคุณสามารถทำลายคาถาป้องกันของฉันได้ ฉันจะยอมจำนนโดยทันที!”
เบิร์กส์ถูกปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเกราะแห่งเทอร์ร่าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องกังวาน
“ทำลายคาถาป้องกันของคุณ?”
เมอร์ลินสังเกตคาถาป้องกันที่เบิร์กส์ใช้อย่างระมัดระวัง มันทรงพลังจริง ๆ ถ้าเขาต้องการที่จะเอาชนะมันด้วยกำลัง เมอร์ลินจะต้องใช้เพลิงวินาศที่หลอมรวมกับคาถาระดับสามหลอมเปลวเพลิงซึ่งด้วยพลังระเบิดอันน่าสะพรึงกลัว เขาก็สามารถเอาชนะการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงรอบที่สองของการประชุมสุดยอด ถ้าเขาทุ่มพละที่มีทั้งหมดของเขา มันก็เหมือนกับการใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบน็อตให้แตก ในความเป็นจริง ไม่ยากสำหรับเขาที่จะเอาชนะเบิร์กส์
*พรึ่บ*
เมอร์ลินยกมือขึ้นทันทีและชี้ไปทางเบิร์กส์โดยไม่พูดอะไร
*หวู่ม*
กระแสน้ำวนสีดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นทันทีหลังเบิร์กส์ กระแสน้ำวนสีดำนี้เปิดกว้างในขณะที่มันกินพลังจิตของเบิร์กส์อย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาตกอยู่ในภาพลวงตา
“วังวนน้ำแห่งความมืด? ไม่สิ มันคือวังวนแห่งความมืดที่เสริมพลังด้วยดวงใจแห่งความมืด!”
ตรงที่นั่งอันห่างไกล ลาเนียแห่งหอคอบอเวจีซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ เมื่อเขาเผชิญหน้ากับเมอร์ลิน เขาได้ร่ายวังวนแห่งความมืดเช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นคาถาอันเดียวกันแต่คาถาของเมอร์ลินก็แข็งแกร่งกว่าของลาเนียอย่างเห็นได้ชัด พลังของมันนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่ลาเนียเองก็ไม่สามารถรับมือได้
เมื่อเขาสังเกตอย่างใกล้ชิด เขาเห็นว่าเป็นเพราะวังวนแห่งความมืดของเมอร์ลินได้รับการเสริมพลังด้วยดวงใจแห่งความมืด แม้แต่พลังจิตระดับหกก็ไม่มีทางต้านทานวังวนแห่งความมืดที่ถูกร่ายโดยเมอร์ลินได้
ใบหน้าของเบิร์กส์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คาถาของเขาแข็งแกร่งมากแถมยังมีพลังปีศาจแพนโดร่า มีน้อยคนนักที่จะเอาชนะการป้องกันของเขาได้ ดังนั้นเขาควรจะสามารถทะลุเข้าสู่รอบที่สามหรือรอบที่สี่ได้
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การต่อสู้ของเขามีจุดอ่อนและข้อบกพร่องร้ายแรงของมันคือนักเวทย์ธาตุมืด!
นักเวทย์ธาตุมืดสามารถร่ายเวทย์มนตร์ลวงตาและดักจับเขาไว้ในภาพลวงตาได้ ถ้าเบิร์กส์ถูกจับในภาพลวงตา มันก็ไม่สำคัญว่าเวทมนตร์ป้องกันของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเพราะเขาจะไม่สามารถร่ายมันได้เลย
เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสภาพแวดล้อมของเขา เบิร์กส์ก็เห็นว่าเขาอยู่กลางทะเลทรายที่แห้งแล้ง เขารู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร เขาติดอยู่ในภาพลวงตา เขาตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลาเพราะว่าลูกไฟธรรมดาจากเมอร์ลินจะสามารถเอาชนะเขาได้
“ฉันขอยอมแพ้!”
เบิร์กส์ประกาศอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่คาถาป้องกันของเขาในปัจจุบันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาเลย นักเวทย์ธาตุมืดเป็นกลุ่มนักเวทย์ที่ค่อนข้างน่ากลัว ถ้าหอคอยอเวจีสามารถผลิตนักเวทย์จำนวนมากที่มีดวงใจแห่งความมืดได้เหมือนเมื่อก่อนล่ะก็ พวกเขาจะเป็นองค์กรที่ทรงพลังอย่างแน่นอน พลังธาตุมืดเป็นสิ่งที่ไม่ว่ามีใครต้องห้ามประมาท
เบิร์กส์ยอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้นเมอร์ลินจึงขับไล่ความมืดมิดออกไปในทันที ในทันทีนั้น กระแสน้ำวนขนาดมหึมาในเวทีก็ค่อย ๆ หายไปก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะที่วังวนแห่งความมืดสลายไป เบิร์กส์ก็ฟื้นคืนสติของเขาอีกครั้ง ขณะที่เขามองดูท่าทางผ่อนคลายของเมอร์ลิน เขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้ในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ
“พ่อมดเมอร์ลิน แม้ว่าฉันจะรู้ว่าคุณสร้างคาถาธาตุมืดแต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะเชี่ยวชาญมันมากขนาดนี้ ด้วยคาถาธาตุมืดของคุณเพียงอย่างเดียว คุณก็สามารถเข้าสู่รอบที่สามและสี่ได้แล้ว ฉันขอยอมจำนนด้วยความเต็มใจ!”
โดยธรรมชาติแล้ว เบิร์กส์สามารถเห็นได้ว่าเมอร์ลินมีพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุมืด ด้วยการเสริมพลังของมันทำให้นักเวทย์ธาตุมืดที่ได้เปรียบอยู่แล้วและกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง! ตราบใดที่ไม่มีพลังจิตที่น่าเกรงขาม คน ๆ นั้นจะไม่มีทางต้านทานภาพลวงตาของคาถาธาตุมืดของเมอร์ลินได้ เมื่อคนหนึ่งติดอยู่ในภาพลวงตา คน ๆ นั้นก็จะหยุดนิ่งไร้ทางป้องกันตัวเอง
ดังนั้น ถึงจะเจอนักเวทย์ธาตุมืดทั่วไป มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังพอรับมือได้แต่ถ้าคาถาของพวกเขารวมกับพลังปีศาจแพนโดร่า นักเวทย์ธาตุมืดก็จะกลายเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่น่ากลัวที่สุดในทันที!