MDB ตอนที่ 16 อยู่ในมือของปรมาจารย์แล้ว
นั่นคือท่าทางของปรมาจารย์งั้นหรือ?
โดยปกติแล้วบุคคลที่มีท่าทีอย่างเช่น 'คุณต้องการให้ฉันช่วยคุณหรือไม่? แน่นอนแต่คุณต้องขอร้องฉันและครั้งเดียวไม่เพียงพอ อันที่จริงฉันจะทำให้คุณแน่นอนตราบใดคุณจ่ายเงินให้ฉันและคุณต้องสะดุ้งเพราะกลัวทุกการเคลื่อนไหวของฉันและเมื่อฉันปฏิบัติ ฉันจะบอกว่าฉันทำด้วยความเอื้ออาทร’
สิ่งพวกนั้นคือท่าทางของปรมาจารย์
ถ้าหลินจินจะทำเงินได้มากในช่วงเวลาสั้น ๆ นี่เป็นบทบาททีเขาต้องแสดง
ดังนั้นเขาจึงลูบหัวเสือดาว เมื่อลูบเสร็จ เขาถอนหายใจและจากไปโดยไม่พูดอะไร
แผนนี้ได้ผลดีแต่ก็เสี่ยงเช่นกัน
ถ้าคน ๆ นั้นมองการกระทำของหลินจินไม่ออก มันก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่าแต่ในทางกลับกัน ถ้าคน ๆ นั้นมองว่านี่เป็นโอกาสที่ได้เจอกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือโลกหล้านี้ เขาจะต้องรั้งตัวหลินจินไว้อย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกเขาสนใจ แผนของหลินจินก็จะได้ผล
ตอนนี้หลินจินไม่มีงาน ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรจะเสีย ถ้ามันไม่ได้ผล ทั้งหมดที่เขาทำได้คือเปลี่ยนเป้าหมายของเขา
ขณะที่ หลินจินก้าวย่างไปก้าวที่สิบ เฉียนโหย่วเต๋ออดทนไม่ได้อีกต่อไป เขาตะโกนออกมาว่า “เอ่อ…ได้โปรดอย่าเพิ่งไป!”
หลินจินยิ้ม ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เดินเพียงลำพัง เขาจะไม่หยุดเพียงแค่เมื่อคุณขอให้เขาทำ ดังนั้นหลินจินจึงไปเร็วขึ้นสองเท่าแทนที่จะหยุด
เฉียนโหย่วเต๋อเห็นสิ่งนี้และไล่ตามหลินจินอย่างรวดเร็วพร้อมกับลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขา เขากลัวที่จะสูญเสียโอกาสนี้ไป เหตุผลหลักที่ทำให้เขาไล่ตามหลินจินเพราะเขาเห็นว่าหลินจินสามารถควบคุมสัตว์เลี้ยงของเขาไว้อย่างง่ายดาย
หลินจินเลี้ยวหลายรอบในขณะที่เดินเร็วด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แต่เฉียนโหย่วเต๋อและลูกน้องของเขายังสามารถติดตามได้
'แค่นี้น่าจะเพียงพอแล้ว' หลินจินรู้สึกโล่งอก แผนสำเร็จแล้ว เป็นการดีที่สุดที่จะไม่หักโหมและทำให้เฉียนโหย่วเต๋อหมดความอดทน
หลินจินได้อ่านหนังสือและงานเขียนมากมายที่เขาเคยอ่านในโลกสมัยใหม่ เขาเข้าใจหลักจิตวิทยาในการเข้าใจถึงเจตนาของบุคคลอย่างเต็มที่
หลินจินหยุดอยู่กับที่ เขายังไม่หันหลังกลับและถามอีกฝ่ายว่า “เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มต่ำแต่มั่นใจของเขาก้องไปทั่วตรอกแคบ ๆ ภาพเงาที่ทอดไกลของฉายชัดขึ้น สายลมพัดผ่านเสื้อผ้าของเขาอย่างน่าทึ่ง
ภาพตรงหน้าทำให้เฉียนโหย่วเต๋อเข้าใจว่า
นี่มันปรมาจารย์ไร้เทียมทาน
แม้ว่าเขาจะหมดแรง เขาไม่ได้โกรธเลยสักนิดแต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความชื่นชม ลูกน้องสองคนของเขางงงวย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายของพวกเขาถึงสิ้นหวังในการติดตามขอทานที่ดูเหมือนโรคจิตคนนี้
“นายท่านเฉียน คนตรงเขาแต่งตัวเหมือนขอทาน ต้องมีบางอย่างผิดปกติในหัวของเขา…”
ก่อนที่ลูกน้องคนใดคนหนึ่งจะพูดจบ เฉียนโหย่วเต๋อก็ตัดบทเขาทันที
“เจ้ามีตาหามีแววไม่! ปรมาจารย์ในตำนานที่ข้าเคยอ่านในชีวประวัติ พวกเขามักจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ เสมอ”
"แต่…"
"แต่อะไร? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาทำให้จินหม่านเชื่องโดยเพียงแค่ยื่นมือออกไป ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไม่รู้ถึงนิสัยของจินหม่านหรือไง มันไม่ยอมให้ใครนอกจากข้าจับทั้งนั้น ดังนั้น เจ้าควรรู้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นคนพิเศษ พวกเจ้ามันไม่ได้เรื่อง หนังสือหนังหาไม่เคยอ่าน ขาดการศึกษาและไม่มีความรู้อันแตกฉาน ฉะนั้นอย่าขัดจังหวะข้า!” เฉียนโหย่วเต๋อโบกมือให้พวกเขาด้วยความรังเกียจและดูถูกบนใบหน้าของเขา
ลูกน้องสองคนแอบดูถูกเขาในใจว่า 'ทำอย่างกับว่าแกอ่านออกอย่างั้นแหละ'
เฉียนโหย่วเต๋อมีงานอดิเรกไม่กี่อย่าง รวมถึงการเดินเล่นกับจินหม่าน หาเงิน ฟังนิยายเพราะในความเป็นจริง เขาขอให้คนอ่านนิยายให้เขาฟังในขณะที่เขาฟัง
เพราะเขาไม่รู้หนังสือ
แต่สิ่งนี้ไม่ได้หยุดจินตนาการอันบ้าคลั่งของเฉียนโหย่วเต๋อเพราะเขาแน่ใจอยู่แล้วว่าเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ผู้เคร่งขรึม
ดังนั้นเขาจึงทำในสิ่งที่หนังสือบอกและพูดกับหลินจินโดยเลียนแบบคำพูดที่ใช้เมื่อพบกับปรมาอาจารย์
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเฉียนโหย่วเต๋อ ขอแสดงความนับถือต่อท่าน”
หลินจินพูดกับตัวเองว่า 'โอ้? ดูเหมือนว่าฉันจะได้พบกับคนที่พูดรู้เรื่องเข้าให้แล้ว'
เขามีสคริปต์และฉากที่เตรียมจะแสดงออกมา แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเชื่อในตัวเขาอย่างสนิทใจแล้ว
นั่นมันง่ายเกินไป
แม้เขาอาจจะแปลกใจ แต่การแสดงต้องดำเนินต่อไป
“เจ้าตามข้ามาเพราะเสือดาวตัวนั้นใช่หรือไม่?” หลินจินกล่าวในขณะที่เขายังคงเสียงต่ำและหยาบเอาไว้
“ใช่แล้ว สัตว์เลี้ยงของข้า มัน….เจอปัญหาเล็กน้อยเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ท่านสามารถบอกอาการส่วนใหญ่ของมันได้ ท่านสามารถหาทางแก้ให้ข้าได้หรือไม่?” เฉียนโหย่วเต๋อคิดว่าหลินจินเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แต่เขาไม่ได้โง่ เขาเก็บอาการป่วยของสัตว์เลี้ยงไว้เพื่อทดสอบหลินจิน เพื่อดูว่าหลินจินเก่งจะเก่งอย่างที่เขาแสดงออกมาหรือไม่
หลินจินลดเสียงและหัวเราะเบา ๆ “ปัญหาเล็กน้อย? เสือดาวตัวนี้ได้สุ่มกินของต่าง ๆ และบังเอิญได้กลืนน้ำดีของงูเพลิงเข้าไป เสือดาวของเจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงธาตุทอง มันเป็นพิษสำหรับมันที่จะกินทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับไฟเนื่องจากระดับของมันไม่สูงพอที่จะย่อยมันได้ ดังนั้นมันจึงป่วยและเกือบเสียชีวิต จริงไหม?”
เฉียนโหย่วเต๋อขนลุกก่อตัวขึ้นทั่ว ขณะที่เขาตัวสั่นด้วยความกลัว
สิ่งที่ 'ปรมาจารย์' ทำทั้งหมดคือคือทักเขาด้วยความรำคาญและลูบหัวสัตว์เลี้ยงของเขาแต่เขาสามารถวินิจฉัยทุกรายละเอียดของมันได้ สิ่งนี้ทำให้เขาเชื่อว่าหลินจินเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่หลินจินพูดเหมือนกับหัวหน้าหวังจี ในระหว่างที่เขาอยู่ที่สมาคม
หลินจินกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเพราะสามารถรักษาได้ด้วยการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือคนที่รักษามันได้จ่ายยาแบบสุ่ม แม้ว่าอาการส่วนใหญ่จะหายขาดโดยบังเอิญ แต่อาการขนร่วงกลับแย่ลง ดูจากรูปลักษณ์แล้ว มันอาจจะกลายเป็นเสือดาวหัวโล้นในเวลาอีกประมาณสองวันนับจากนี้ก็ได้”
หนึ่งในลูกน้องที่ยืนฟังอยู่ได้พูดเบา ๆ ว่า “จินหม่านได้รับการดูแลโดยหัวหน้าหวังจี เขากล้าพูดได้อย่างไรว่าหัวหน้าหวังจีกำลังรักษามันแบบสุ่ม ๆ”
ลูกน้องอีกคนส่ายหัวและตอบว่า “แต่หัวหน้าหวังไม่สามารถรักษาอาการขนร่วงได้จริง ๆ…”
เฉียนโหย่วเต๋อได้ยินการสนทนาของพวกเขาซึ่งยืนยันเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดของเขาเกี่ยวกับหลินจิน
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านช่างมีสายตาแหลมคม ท่านพอจะรู้วิธีรักษาอาการนี้หรือไม่?”
เฉียนโหย่วเต๋อเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตลอดไปมากกว่าที่จะเดินเล่นกับเสือดาวหัวโล้น ดังนั้นเขาจึงหมดหวังอย่างมาก
หลินจินนิ่งเงียบและเฝ้าดูว่าเฉียนโหย่วเต๋องับเหยื่อหรือไม่
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนโหย่วเต๋อก็สังเกตเห็นบางอย่างผ่านความเงียบ เขาเป็นพ่อค้า เขาตอบสนองต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้ดี
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเจ้าสามารถรักษาอาการขนร่วงของจิหม่านได้ ข้าจะเสนอรางวัลมากมายให้ท่านอย่างแน่นอน!” เฉียนโหย่วเต๋อสัญญา
หลินจินหัวเราะเยาะขณะที่เขาคิดกับตัวเองว่า ‘ใคร ๆ ก็พูดคำใหญ่คำโตได้ เมื่อได้ของแล้วก็ออกไปโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เรื่องนี้มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง'
เขาตัดสินใจที่จะเพิ่มการกระทำของเขาอีกเล็กน้อยและกล่าวว่า “การสูญเสียขนเป็นเรื่องเล็กแต่ข้าจะใช้เวลามากในการรักษามัน…นอกจากนี้ ข้าได้รักษาสัตว์เลี้ยงจำนวนมากในช่วงวัยหนุ่มของข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าข้าควรจะเกษียณและเดินทางไปทั่วโลก มันคงไม่ดีสำหรับข้าที่จะทำลายการตัดสินใจของตัวเอง เจ้าควรหาคนอื่นมารักษาจะดีกว่า”
เขาทำเสร็จแล้วแสร้งทำเป็นเดินจากไป
เฉียนโหย่วเต๋อเริ่มหมดความอดทน
แม้ว่า 'ปรมาอาจารย์' คนนี้จะเป็นของปลอมเล็กน้อยแต่เฉียนโหย่วเต๋อก็อดคิดไม่ได้ว่า 'จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาสามารถรักษามันได้จริง ๆ ? อย่างไรเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับข้าอยู่ดี'
เฉียนโหย่วเต๋อคว้ากองเงินและเดินตามหลินจินอย่างรวดเร็ว เขายัดเงินเข้าไปในกระเป๋าของหลินจินโดยพลการ
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นเพียงของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้า มันคงเป็นโชคชะตาที่เราได้พบกัน ดังนั้นได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
หลินจินมองที่กระเป๋าของเขาด้วยหางตา
เฉียนโหย่วเต๋อค่อนข้างใจกว้าง กองเงินนั้นมีเหรียญจำนวนมาก หลินจินสามารถซื้อรถจักรยานยนต์เพื่อแลกกับจักรยานด้วยเงินที่เขาได้รับมา อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้เขามีเงินพอที่จะซื้อส่วนผสมยาแล้ว
เพื่อระงับความตื่นเต้นในใจ หลินจินจึงลดเสียงลงและกล่าวว่า “ใช่แล้ว การเผชิญหน้าทุกครั้งล้วนเป็นสัญญาณแห่งโชคชะตาอย่างแท้จริง เนื่องจากเรามีโชคชะตาร่วมกัน ดังนั้นข้าควรจะให้ข้อยกเว้นสำหรับวันนี้ไป”
หลังจากหันกลับมา หลินจินก็เห็นว่าลูกน้องของเฉียนโหย่วเต๋ออยู่ที่นั่นตลอดเวลา ทั้งสองคนล้อมรอบหลินจินโดยยืนอยู่คนละข้าง
หลินจินยิ้มเบา ๆ
เฉียนโหย่วเต๋อไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้เขาคงกำลังคิดว่าถ้าหลินจินเป็นนักต้มตุ๋นและไม่สามารถรักษาจินหม่านได้ เขาจะสั่งให้ลูกน้องของเขาทุบตีเขาและรับเงินที่เขาเสนอกลับคืนมา นั่นคือสิ่งที่เขาคิดจะทำ
เฉียนโหย่วเต๋อเป็นพ่อค้า ดังนั้นถึงแม้ดูแปลก ๆ ไปบ้างแต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขามีแผนสำรองอยู่เสมอ
หลินจินไม่สนใจพวกเขาในขณะที่เขาเดินไปหาจินหม่านและกดมือของเขาลงบนมัน เฉียนโหย่วเต๋อไม่เข้าใจสิ่งที่หลินจินกำลังทำ หนึ่งในลูกน้องของเขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“ไม่มียาที่จำเป็นสำหรับการรักษาหรือไม่? อย่างน้อยก็ไม่ควรใช้ยาหรืออะไรบางอย่าง…”
ลูกน้องหยุดพูดทันทีเมื่อเฉียนโหย่วเต๋อสั่งให้เขาหุบปาก
หลินจินใช้นิ้วของเขาเป็นใบมีดเพื่อรวบรวมพลังงานทางวิญญาณและกดลงบนจุดสำคัญสองสามจุดด้วยความแม่นยำ นี่เป็นหนึ่งในทักษะไม่กี่อย่างที่เจ้าของร่างเก่าของเขาได้ทิ้งไว้ มันเรียกว่า 'หัตถ์จุดจิตวิญญาณ' มันเป็นทักษะศิลปะการป้องกันตัวที่มักใช้กับสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นการป้องกันตัวในกรณีฉุกเฉิน
จากทักษะที่สืบทอดมานี้ ด้วยปลายนิ้วของเขาเต็มไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ ในเสี้ยววินาที เลือดถูกดึงออกมาจากรูหลายรูบนร่างของเสือดาว
เฉียนโหย่วเต๋อรู้สึกกังวล เขาจะรักษาหรือฆ่ามัน?