King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 243 ผลงาน
ตอนที่ 243 ผลงาน
สามเดือนต่อมา
ณ สนามฝึกซ้อมของโรงเรียน
ช่วงเวลาสามเดือนตั้งแต่ที่ผมเดินทางมาถึงโรงเรียนมันได้ผ่านมารวดเร็วจริงๆ เผลอแปบเดียวเวลาก็ผ่านมาขนาดนี้แล้ว พวกที่เอามาฝึกเองพลังก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผมยืนคิดในใจกับผลงานกับตัวเองด้านหน้า เพราะตอนนี้พวกนักเรียนทั้ง 9 คน ร่วมถึงเอเนเชียร์พลังขึ้นอย่างมาก แล้วในตอนนี้พวกนั้นก็กำลังนั่งดูดซับคริสตันกันอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดทุกวันในสามเดือนที่ผ่านมา
เอเนเชียร์จากพลังขั้นสูงตอนนี้ก็ขั้นสูงสุด
พวกนักเรียนเองพลังเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเอเนเชียร์เท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าผลงานครั้งนี้เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ หึหึ!
“เฮ้อ~ ข้าชักเริ่มเบื่อแล้วสิ”
เสียงถอนหายใจกับน้ำเสียงน่าเบื่อดังมาจากด้านหลังของผม พอให้ไปมองก็เจอกับทาร์เลียที่ถือหอกและสวมเกราะเอาไว้อยู่
“ก็ไหนบอกว่าชอบการต่อสู้ไง”
“มันก็จริงอยู่หรอกที่ข้าชอบการต่อสู้ แต่นี่ท่านเล่นให้ข้าสู้เกือบทั้งวันแถมยังไม่ให้ฆ่าอีก… ถ้าสู้แบบฆ่าได้ก็คงสนุกกว่านี้แท้ๆ”
ความคิดยัยนี่น่ากลัวจริงๆ
ส่วนเหตุผลที่ทาร์เลียกำลังบ่นอยู่ตอนนี้ก็คือการต่อสู้กับพวกนักเรียนที่มาขอเข้ารับการฝึกกับผมเพราะเห็นว่าพวกที่ได้ฝึกพลังเพิ่มขึ้นมาก ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไปนั่นแหละแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็มาเรื่อยๆ บางคนถึงกับเอาเงินมาให้ด้วยซ้ำเพื่อที่จะได้เข้ารับการฝึก
แล้วพอปฏิเสธไม่ไหวผมก็เลยตั้งกฎขั้นมาหนึ่งข้อ
กฎที่ตั้งมาก็คือให้สู้กับทาร์เลียแบบ 1:1 ถ้าใครชนะก็สามารถเข้ารับการฝึกได้แต่แล้วมันก็เป็นไปตามที่คิด ไม่มีใครชนะได้เลยตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา หึหึ!
“เอาน่าอดทนเอาไว้ก่อนเดี๋ยวพวกนั้นก็เลิกไปเอง”
“ชิ ท่านไม่ได้มาสู้เองไม่รู้หรอกคะ”
ถ้าข้าลงไปจัดการเองจะตั้งกฎทำไมละ อีกอย่างถ้าสู้เองก็คงไม่มีคนผ่านอยู่ดี
“ที่เธอมาบ่นแบบนี้ต้องการค่าอาหารเพิ่มใช่ไหม?”
“แหมๆ สมแล้วที่เป็นท่านดรารอน์”
ทาร์เลียยิ้มอ่อนๆ ขณะพูดก็เอามือขวาเก้าหลังหัวไปด้วย
แต่เรื่องนี้ผมก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่ายัยนี่ไม่ได้เบื่อการต่อสู้หรอก ถึงแบบนั้นก็เถอะตอนนี้ก็ให้เธอกินอาหารวันละหนึ่งเหรียญทองที่โรงอาหารแล้วนะ ถ้าให้มากกว่านี้เงินที่เก็บเอาไว้ใช้ชีวิตแสนสุขของดรารอน์ก็อันตรายเหมือนกัน เพราะมันต้องมีรายจ่ายหลายเรื่องในอนาคต
แต่ว่า… ถ้าไม่ให้ยัยนี่ต้องไม่ทำงานแน่ เฮ้อ~
“ช่วยไม่ได้ข้าให้เพิ่มอีกยี่สิบเหรียญเงินก็แล้วกัน”
“…น้อยจัง….”
ทาร์เลียพูดค่อยๆ
น้อยบ้านเธอสิ! ปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เอลฟ์หรือภูติเขาก็กินอาหารวันละไม่ถึงสิบเหรียญเงินกันหรอกเธอมันไม่ปกติแบบสุดๆ ต่างหาก
“จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ไม่เพิ่ม”
“ค่ะ~ เอาแบบนั้นก็ได้ เฮ้อ~”
ถอนหายใจ นี่เธอถอนหายใจงั้นเหรอคนที่ต้องถอนหายใจมันต้องเป็นข้าสิ ระหว่างรู้สึกไม่สบอารมณ์กับน้ำเสียงถอนหายใจที่ได้ยินทาร์เลียก็พูดออกมาอีก
“งั้นข้าไปก่อนนะคะ วันนี้มีลงชื่อไว้ตั้ง 100 คน”
พูดจบเธอก็เดินไปด้วยท่าทางห่อเหี่ยวใจ ตรงไปยังจุดรับการทดสอบที่มองไปแล้วเห็นพวกนักเรียนกลุ่มใหญ่ยืนกันอยู่
ตอนแรกผมก็จะบ่นเธอเพราะถอนหายใจอยู่หรอกแต่พอได้ยินจำนวน 100 คน ก็พูดไม่ออกเลย ก็จริงอยู่ที่พวกนั้นสามารถจัดการได้ง่ายๆ แต่มันก็ต้องใช้เวลาและการควบคุมแรงเพื่อไม่ให้บาดเจ็บถึงชีวิตด้วย
เฮ้อ~
รู้สึกว่าเราต้องหาทางจัดการใหม่แล้วสิ!
คิดได้ผมก็เริ่มหาทางใหม่เพื่อช่วยลดภาระให้ทาร์เลีย แต่ระหว่างกำลังคิดหาทางหางตาของผมก็มองไปเห็นลาฟเชียร์เดินเข้ามาหาจากทางเข้าสนามประลอง
ทำไมวันนี้มาตัวเปล่า???
ปกติแล้วช่วงเช้า กลางวันและเย็น ลาฟเชียร์จะรับหน้าที่นำอาหารมาให้ผมและพวกที่เข้าร่วมการฝึกที่ผมฝึกอยู่ ส่วนเหตุผลก็เป็นเพราะผมไม่อยากเสียเวลาโดยไม่จำเป็นก็เลยต้องควบคุมเวลาทั้งหมดร่วมถึงเวลานอนด้วย
เพราะแบบนี้การที่เธอเดินมาแบบไม่มีข้าวเลยเป็นเรื่องที่แปลก คนที่แปลกใจตอนนี้ไม่ได้มีแต่ผม… ไม่สิ! จะเรียกว่าแปลกใจไม่ได้ต้องเรียกว่าตกใจต่างหาก เพราะพวกที่ฝึกอยู่เมื่อเห็นลาฟเชียร์เดินมาก็เหมือนกับว่าเป็นช่วงพักผ่อนของการฝึก และได้กินอาหารเพื่อให้ท้องอิ่ม
แต่เมื่อไม่มีอาหารมาด้วยอาการตกใจก็แสดงออกมาทางใบหน้าชัดเจน ไม่เว้นแม้แต่เอเนเชียร์ที่ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เหอะๆ
“วันนี้ทำไมไม่เอาอาหารมา?”
ผมเริ่มถามเมื่อลาฟเชียร์เข้ามาใกล้
“นี่ท่านให้ข้าเป็นแค่คนส่งอาหารหรือไง แล้วมันยังไม่ถึงเวลาสักหน่อยเหลืออเวลาอีกตั้งยี่สิบนาทีนะคะ”
“ออ…”
ก็ไม่ต้องตรงขนาดนั้นก็ได้มั้ง
“แล้วที่เธอมาก่อนเวลาแบบนี้เรื่องอะไร”
“ท่านโดนเรียกตัวคะ!”
เรียกตัว???
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เอเนเชียร์ส่ายหน้าไปมา “เมื่อกี้ระหว่างที่ข้าเตรียมอาหารผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาแล้วบอกให้ตามท่านไปพบที่ห้องให้หน่อย”
คงเป็นเรื่องที่เราขอเอาไว้สินะ ในที่สุดก็ถึงเวลาสักทีเล่นให้รอสะนานเลย
“เข้าใจแล้ว”
หลังตอบผมเริ่มออกเดินทันที แล้วถ้าเรื่องที่โซฟีเรียกผมเป็นแบบที่ผมขอเอาไว้จริงๆ มันก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี หึหึ!