King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 242 เอาจริง
ตอนที่ 242 เอาจริง
ร่างจำแลงอสูร ในตอนนี้เอเนเชียร์กำลังแปลงร่างจำแลงอสูรแถมยังเป็นถึงร่างระดับ 3 ถ้านับตามปกติพลังของเธอไม่สามารถสู้ทาร์เลียได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เธอมันเปลี่ยนไปแล้ว
“เวทย์ป้องกัน”
ผมเริ่มใช่เวทย์ป้องกันทั้งตัวผมและลาฟเชียร์เพื่อความปลอดภัย ตัวเวทย์ป้องกันเป็นเวทย์ลมสีเขียวป้องกันพวกเราเอาไว้ และเวทย์ป้องกันเองก็ป้องกันพวกนักเรียนที่สลบอยู่ด้วยเช่นกัน
เรื่องครั้งนี้ชักน่าสนุกแล้วสิ!
ผ่านไปได้สักพักเอเนเชียร์ก็อยู่ในร่างสมบูรณ์ของระดับสาม และการต่อสู้ของทั้งสองคนก็เริ่มต้นขึ้น
“เวทย์ดาบแสง!”
เอเนเชียร์เริ่มใช้เวทย์ออกมาก่อน เมื่อเธอเริ่มใช่เวทย์ก็มีดาบสีขาวลอยบนฟ้าด้านหลังของเธอนับสิบเล่น ส่วนทางทาร์เลียก็ยังไม่ได้ขยับอะไรได้แต่ยืนเตรียมตั้งรับเวทย์ดาบแสงที่กำลังเข้าหาตัว
ผ่านไปได้ไม่นาน
ทาร์เลียก็เริ่มเข้าโจมตีก่อน โดยเธอกระโดดซ้ายทีขวาถือเพื่อไม่ให้เอเนเชียร์ได้มีโอกาสโจมตีโดน
ในตอนนี้เองทางเอเนเชียร์ก็เริ่มโจมตีแล้วเช่นกัน
ตูม!!!
ตูม!!!
ตูม!!!
ดาบแสงของเธอโจมตีและปะทะกับพื้นปูนอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรเอเนเชียร์ได้เลยสักครั้ง
“ชิ โดดไปโดดมาน่ารำคาญจริงๆ”
เอเนเชียร์ชี้นิ้วใส่ทาร์เลียที่หลบไปมา
“อย่าพูดไร้สาระ ข้าหลบมันก็เป็นเรื่องปกติ”
“ได้งั้นมาลองกันว่าเธอจะหลบได้อีกสักเท่าไหร่ หึ”
พูดจบที่ด้านหลังของเอเนเชียร์ก็ปรากฏดาบแสงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จำนวนของมันมีประมาณ 50 – 60 เล่ม มากกว่าเมื่อกี้หลายเท่า เมื่อดาบปรากฏออกมาเอเนเชียร์ก็แสยะยิ้มก่อนจะพูดทั้งแบบนั้นว่า
“อยากจะรู้จริงๆ ครั้งนี้เธอจะ-”
“หยุดการต่อสู้!!!!”
“เอ่ะ?!?!?! ดรารอน์นี่มันหมายความว่ายังไง???”
เอเนเชียร์หันมาถามผมทันทีหลังตะโกนออกไปแบบนั้น ส่วนเหตุผลที่ผมหยุดมันก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะถ้ามากกว่านี้มันจะอันตรายกับชีวิตได้
“ผลครั้งนี้มันออกมาแล้วว่าทาร์เลียชนะ จะสู้ต่อไปทำไม”
“จะบ้าหรือไง!!! ไม่เห็นดาบเวทย์งั้นเหรอ นายกำลังจะบอกว่าต่อให้ดาบพวกนี้พุ่งเข้าไปยัยนั้นก็สามารถหลบได้หรือไง”
ตอนนี้เอเนเชียร์ที่ตะโกนออกมาก็มองผมด้วยใบหน้าอารมณ์เสียแบบสุดๆ แต่แล้วผมยังไม่ได้ตอบอะไรเสียงของลาฟเชียร์ก็ดังขึ้นมาก่อน
“เธอมองดูที่พื้นดินสิเอเนเชียร์”
“อะไร?” เอเนเชียร์ก้มมองแบบไม่คิดอะไร แต่หลังจากมองพื้นดินด้านล่างใบหน้าที่กำลังโกรธของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกใจแทน “ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”
“ก็ตอนที่เธอมั่วแต่มันใจกับดาบแสงไร้ประโยชน์นั่นนะสิ”
ทาร์เลียตอบพร้อมรอยยิ้มของผู้ชนะ
ส่วนเรื่องที่ทำให้เธอมีใบหน้าแปลกใจตอนนี้ก็คือพื้นดินรอบช่วงร่างของเธอมันได้กลายเป็นหนามแหลมเตรียมพุ่งชนใส่เธอได้ทุกเมื่อ แล้วมันก็ไม่ได้มีเพียงชิ้นสองชิ้นแต่มีหลายสิบชิ้นไม่ต่างจากดาบแสงของเธอเลย
แล้วเมื่อยอมรับผลเรียบร้อย
การต่อสู้ระหว่างทั้งทาร์เลียและพวกทดสอบฝีมือก็จบลง โดยผลที่ออกมาก็เป็นเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด ส่วนพวกที่หมดสภาพก็โดนส่งตัวไปยังห้องพยาบาลเพื่อรักษา
แล้วทางผมเองก็เริ่มเล่าเรื่องของทาร์เลียให้ทั้งสองคนฟังว่ามันเป็นมายังไงเธอถึงได้มาอยู่กับผม โดยบอกให้ทั้งสองเก็บเป็นความลับเอาไว้ เพราะเรื่องนี้ถ้าคนอื่นรู้มันต้องกลายเป็นปัญหาแน่นอน
“จริงสิลาฟเชียร์”
ผมหันไปหาลาฟเชียร์เพราะคิดอะไรขึ้นมาได้
“ค่ะ???”
“เทเลอร์กับเนสก้ายังสบายดีไหม”
“ออ~ ตอนนี้ท่านพี่กำลังจัดเตรียมจัดงานหมั่นที่เมืองหลวงของประเทศ ส่วนเนสก้าเห็นว่าท่านเดฟีเรียพาตัวไปฝึกเพื่อเตรียมพร้อมอะไรบางอย่างคะ”
เดฟีเรียเองก็คงเอาเธอไปฝึกเพื่อเตรียมตัวแน่
เพราะงั้นถึงเธอจะไม่ได้เข้าโรงเรียนก็ไม่มีปัญหา แต่ว่า
“เธอพูดว่าเทเลอร์กำลังจัดงานหมั่นงั้นเหรอ?”
“ค่ะ”
“กับใคร”
“อืม…. ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่เห็นว่าเป็นลูกสาวของตระกูลดยุคทที่ใกล้ล่มสลายของเมืองหลวงคะ เพราะท่านพี่ตอนนี้ได้เป็นลูกศิษย์ของท่านเดฟีเรียแถมยังมีความสามารถเอามากๆ ก็เลยมีคนต้องการไม่ใช่น้อย”
อื้ม!
มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ
สำหรับคนที่ได้รับเลือกเป็นลูกศิษย์ของคนที่ได้ชื่อว่าตำนานที่ยังมีชีวิตพวกขุนนางต่างต้องการตัวเข้าตระกูลกันทั้งนั้น แต่ทำไมถึงได้เป็นตระกูลดยุคที่ใกล้ล่มสลายกันละ????
เอาเถอะ หมอนั่นอาจจะชอบลูกสาวของขุนนางนั่นก็ได้เลยเป็นแบบนั้น
“แล้วงานจัดวันไหน?”
“วันนี่คะ พึ่งจัดไปเอง”
“เอ่ะ?!!?!? เดี๋ยวก่อนนะแล้วทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”
“ตอนแรกข้าจะไปงานแล้วแต่ท่านโซฟีบอกว่าท่านจะมาข้าเลยไม่ได้ไป แล้วเรื่องมันก็ยาวมาจนถึงตอนนี้”
ขอโทษด้วยนะเทเลอร์ที่รั้งน้องของนายเอาไว้
เฮ้อ~
แต่เอาเถอะเอาไว้วันหลังไปขอโทษหมอนั่นก็แล้วกัน ตอนนี้เราไม่มีเวลาเพื่อกลับไปประเทศเมซัส… ไม่สิ! กลับไม่ได้ต่างหาก ถ้ากลับไปตอนนี้แล้วถ้ามีใครรู้พลังพวกหมายเลข 1 - 4 ต้องเริ่มเคลื่อนไหวกันแน่
คิดได้ผมก็หันไปหาเอเนเชียน์ที่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ต่อทันที
“เอเนเชียร์”
“ว่า”
“เธอคิดว่าอีกกี่วันที่เธอจะฟื้นตัวแล้วพวกที่โดนอัดไปจะฟื้นตัว”
“ประมาณ 1 – 3 วัน พลังน่าจะฟื้น”
“อ่อนแอจริงๆ เฮ้อ~”
ทาร์เลียพูดขึ้นพร้อมกับท่าทางส่ายหน้าด้วยความผิดหวังเหมือนกับว่าพยามกวนประสาทเอเนเชียร์
ตัวผมเองก็คิดไม่ต่างจากเธอหรอกเพราะแผลแค่นั้นถ้าเป็นผมแค่วันเดียว … ไม่สิ! ครึ่งวันก็ฟื้นแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ยังไงก็ต้องรอเท่านั้น
“เข้าใจแล้วอีก 3 วัน พวกเราจะเริ่มฝึกกัน!”