King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 238 ตัวการ
ตอนที่ 238 ตัวการ
“อื้ม… ถ้าเป็นคนปกติพูดข้าก็คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกนะ”
โซฟีพูดโดยหยักหน้าขึ้นลงไปด้วยในท่าทางเอาจริงหลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟัง เรื่องที่ผมบอกเธอไปมันก็เป็นเรื่องส่วนมากที่บอกราชินีภูติไปไม่ได้มากไปกว่านั้น แต่ก็พยามปิดเรื่องของทาร์เลียเอาไว้อยู่ โดยบอกว่าเธอเป็นคนรับใช้และต้องปกปิดตัวตนเพื่อมาปกป้องผม
ตอนแรกเธอก็ไม่เชื่อแต่พอให้ทาร์เลียปล่อยพลังขั้นตำนานออกมาเพื่อยืนยันเธอก็เชื่อทันทีว่าทาร์เลียมาเพื่อปกป้องผม
“ถ้าท่านเข้าใจแล้วก็ช่วยตอบคำถามของขะ-”
“ไม่ต้องถามหรอก”
โซฟีพูดออกมาก่อนที่ผมจะพูดจบแล้วเอามือขวายืนออกมาด้านหน้า จากนั้นเธอก็ “เฮ้อ~” ถอนหายใจด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ ก่อนจะพูดออกมาอีกว่า
“ท่านกำลังจะถามเรื่องสองฝ่ายในโรงเรียนใช่ไหม?”
“ครับ”
“ข้าคิดเอาไว้แล้ว เพราะงั้นเดี๋ยวข้าไปตามตัวการมาให้ท่านเอง ทางข้าเองก็อยากให้เรื่องนี้มันจบๆ ไปเหมือนกัน”
พูดจบโซฟีก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วเดินไปที่ประตูทางออก เมื่อถึงหน้าประตูเธอก็หันกลับมาทางผมอีกครั้ง
“รอในนี่ก่อนนะ”
“ครับ…”
ยัยนี่คิดว่าเราจะหนีหรือไง
ถึงตอนนี้จะยังสงสัยกับสิ่งที่โซฟีพูดออกมาอยู่ก็เถอะที่บอกจะไปตามตัวการมาให้ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรกลับ เพราะถ้ามันเป็นแบบที่เธอบอกจริงๆ มันก็ง่ายสำหรับผมด้วยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาเอง
แต่ว่า
มันก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่-
“แปลกจังเลยนะคะ…”
ทาร์เลียด้านข้างพรึมพรำออกมาเสียงเบาๆ จากนั้นเธอก็หันมองมาทางผมแล้วเริ่มพูดออกมาต่ออีก
“ถ้าเธอรู้แล้วว่าใครเป็นตัวการทำไมไม่จัดการเองไปเลย???”
“ถามข้าแล้วข้าจะไปถามใครละ”
เรื่องนี่แหละที่ผมบอกว่ายังมีเรื่องไม่เข้าใจ เพราะตัวของโซฟีที่เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนก็อยากให้การแบ่งฝ่ายถูกยกเลิกไป แต่ถึงแบบนั้นต่อให้รู้ตัวอยู่แล้วยังไม่จัดการอีก มันไม่สมเหตุสมผลยังไงไม่รู้???
…แต่ถ้าให้ผมเดาตอนนี้มันก็สามารถเดาออกมาได้หนึ่งอย่าง ซึ่งที่ผมคิดได้ตอนนี้ก็คือ คนที่เป็นตัวการไม่ใช่คนที่เธอจะเข้าไปแตะต้องหรือใช้อำนาจในการควบคุมได้
ชิ! แบบนี้ชักเป็นเรื่องแล้วสิ ถ้าเป็นคนที่ผู้อำนวยการอย่างเธอยังไม่สามารถแตะต้องได้เราก็คงทำอะไรรุนแรงไม่ได้ ไม่ชอบเลยแบบนี้
…
….
…..
หลังจากที่นั่งรอในห้องได้ไม่นานและพยามคิดหาทางจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นโซฟีก็เดินเข้ามาพร้อมกับตัวการทั้งสองคน
“คือว่า…”
“นี่แหละตัวการ!”
ผมชี้นิ้วไปที่สองคนที่เข้ามาในห้องและถามไป แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรโซฟีก็ยืนยันออกมาก่อน
บ้าจริง! ไม่คิดเลยจะเป็นแบบนี้
ตัวการทั้งสองคนที่ยืนต่อหน้าของผมตอนนี้ก็คือ เอเนเชียร์ที่สวมเสื้อคาดสีแดง และลาฟเชียร์ที่สวมเสื้อคาดสีเขียว
???? มันยังไงละเนี่ย
ตอนนี้พูดตามตรงเลยผมไม่รู้จะเริ่มถามอะไรออกไปเพราะมันผิดคาดจริงๆ ที่ตัวการที่ทำให้ผมปวดหัวทำไมถึงได้กลายเป็นพวกเธอสองคนได้
“คือว่าท่านช่วยออกไปก่อนได้ไหม”
ผมหันไปพูดกับโซฟี จากนั้นเธอก็พยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ประตูทางออก เห็นแบบนั้นผมก็หันไปทางทาร์เลียด้านข้างต่อ
“เธอก็ออกไปด้วย”
“เอ่ะ?!?!?! ข้าด้วยเหรอ”
“ใช่!”
ถึงจะมีท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยทาร์เลียก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปตามโซฟีแบบไม่พูดอะไร หรือไม่ถามอะไรมากมายแบบปกติที่เป็น แต่แบบนี้ก็ง่ายขึ้นเยอะ
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกไปผมก็ทำใบหน้าปั้นยิ้มเพื่อพยามเก็บอารมณ์เอาไว้แล้วหันไปทางสองคนที่ยืนอยู่
“เอาละ …พวกเธอสองคนไปนั่งฝั่งตรงข้ามของข้าก่อน แล้วก็เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะข้าคิดว่าพวกเราสามคนคงมีเรื่องที่คุยกันเยอะเลยละ” -_-+
“ค่ะ…” ลาฟเชียร์ตอบเสียงอ่อน
“อะ อ่า…” เอเนเชียร์ตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด
เมื่อนั่งลงพวกเธอสองคนก็ไม่มีใครพูดออกมาก่อน ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองผมสักคน เอาตามจริงตอนนี้ก็พอเดาได้แล้วว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่จะด่วนสรุปตามสิ่งที่ผมคิดเลยก็ไม่ได้เพราะงั้นถามให้แน่ใจก่อนดีกว่า
“เอาละงั้นเอเนเชียน์เธอเป็นคนเล่าออกมาก่อน”
“เห่ะ???? ทะ ทำไมต้องข้าด้วยให้ลาฟชะ-”
“นี่ไม่ใช่คำถาม!!! …แต่มันเป็นคำสั่ง”
ผมพูดขัดเสียงแข็งก่อนที่เอเนเชียร์จะพูดจบ เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมกำลังพูดมันไม่ใช่การถามแต่ต้องการรู้สาเหตุจริงๆ ว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ แต่เอาตามตรงก็ไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดเอาไว้เท่าไหร่หรอก
“ข้าเล่าเองคะ…”
ลาฟเชียร์พูดแทรกขึ้นมาพร้อมดวงตาที่มองมาทางผมแบบจริงจัง เฮ้อ~ ตอนแรกว่าจะให้เอเนเชียร์เล่าก่อนเพราะยัยนั่นโกหกไม่เก่งก็เถอะ
แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ยังไงก็นั่งอยู่ด้วยกันสองคนถ้าใครเล่าอะไรไม่เป็นความจริงออกมาพวกนี้ก็คงพูดขัดกันเองนั่นแหละ เพราะงั้นใครเล่าก็ช่างมันแล้วกัน
“เอาแบบนั้นก็ได้ เล่ามาเลย”
“ค่ะ!”