ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 229 การมาของ...
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 231 ถึงเวลา

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 230 ไม่มีทางเลือก


ตอนที่ 230 ไม่มีทางเลือก

ณ ห้องโถงของทาร์รอส

หลังจากที่ผมกับทาร์เลียลงมาจากกำแพงก็ตรงมาที่ห้องนี้ทันที ส่วนทางทาร์อสก็กำลังมองผมแบบแววตาหนักใจอยู่ แววตาแบบนั้นคงรู้อยู่แล้วว่าทำไมผมต้องมาหาแบบนี้

ทอสรอสได้เบนสายตาเบนไปมาระหว่างผมกับทาร์เลีย ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นว่า

“มีอะไรเจ้าสองคนเข้ามาทำไม”

ยังมาถามอีกนะ เฮ้อ~

“ข้ามาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงข้าสามารถจัดการได้ เจ้าแค่ทำตามข้อตกลงที่ได้คุยกันเอาไว้ก็พอ อีกไม่กี่วันเจ้าเองก็ต้องไปแล้วเมื่อถึงเวลานั้นพวกเผ่ามังกรมาถึงยังไงก็ไม่เจอเจ้าอยู่ที่นี้หรอก”

“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นละครับ”

ทาร์รอสยืนเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับเพราะระดับหมอนี่คงรู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นแบบนั้นพวกเผ่ามังกรมันจะทำอะไรกับเผ่าราเมียแห่งนี้ถ้าไม่เจอกับผม คงไม่ต้องอธิบายหรอก “ถ้าข้าไปแล้วท่านคิดว่าพวกเผ่ามังกรจะยอมจบเรื่องนี้เหรอ”

“เฮ้อ~” ทาร์รอสถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา และเบนสายตาไปทางทาร์เลียด้านซ้ายของผม “ทาร์เลีย…”

“คะ ค่ะ!”

“ลูกไปกับดรารอน์สะ อีกสามปีเดี๋ยวลูกก็รู้ความจริงทุกอย่างเอง เพราะงั้นตอนนี้ลูกจงตั้งใจฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งก็พอ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น”

“เอ่ะ?!?!?!”

ทาร์เลียเอียงคอด้วยสีหน้าสงสัย “ท่านพ่อกำลังพูดถึงเรื่องอะไร???”

เธอถามต่อในใบหน้าที่กำลังสงสัยอยู่แบบนั้น แต่ท่าทาร์รอสก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วเบนหน้ามาทางผม

“แบบนี้ใช่ไหมที่นายต้องการ”

“ครับ!”

“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ?”

ทาร์เลียพูดแล้วลับตาไปมาระหว่างผมกับทาร์รอสด้วยใบหน้าสงสัย ถึงแม้ว่าตอนนี้อยากจะบอกเธอไปเลยก็ตามแต่อย่าดีกว่า อีกอย่างการที่มาครั้งนี้ผมก็ไม่ได้มาช่วยแก้ปัญหาของเผ่าราเมียด้วย แต่มาเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับต่างหาก เพราะถ้าเกิดอยู่ที่นี่ต่อชีวิตผมจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อพวกเผ่ามังกรมาถึง ตอนนี้หนีได้ควรหนี

แล้วในเมื่อต้องเดินทางกลับก็ต้องเอาทาร์เลียกลับไปด้วยตามข้อตกลง เพราะงั้นเป้าหมายที่มาครั้งนี้คือมาบอกทาร์รอสเกี่ยวกับเรื่องนี้นั่นเอง แต่ไม่ต้องบอกหมอนี่ก็เข้าใจได้เองแบบนี้ช่วยได้เยอะเลยจริงๆ

ผมยืนมองหน้าทาร์รอสสักพักเพื่อรอให้อธิบายให้ทาร์เลียฟัง แต่ทางนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักอย่าง ก่อนจะหันไปพูดกับทาร์เลียว่า

“พวกเราจะออกเดินทางกันเลยเมื่อเตรียมของเสร็จ”

“เดี๋ยวนี้???”

“ใช่ ไปเตรียมตัวกันได้แล้ว”

พูดจบผมก็เดินตรงออกจากห้องทันที ส่วนทาร์เลียก็ไม่ยอมเดินตามมาและยืนมองทาร์รอสด้วยสีหน้าเป็นห่วง ตอนนี้ผมรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปเพราะบรรยากาศบอกได้ชัดเจน เพราะงั้นปล่อยไปก่อนดีกว่า

คิดได้ผมก็เดินออกจากห้องทันทีปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามภาษาพ่อลูกไปแบบนั้น เรื่องต่อจากนี้มันอยู่ที่ทาร์รอสแล้วว่าจะเอาไง!

แต่ในระหว่างที่กำลังจะออกจากห้อง ผมก็หันกลับไปหาทาร์เลียอีกครั้ง

“เสร็จแล้วก็ไปรอที่ด้านหน้าประตูเมืองละ พวกเราต้องไปให้เร็วที่สุด”

############

2 ชั่วโมงต่อมา

ณ ด้านหน้าประตูเมือง

ทันทีที่เตรียมของเรียบร้อยผมก็มารอเธออยู่ที่ด้านหน้าประตูเองตามที่ได้บอกเอาไว้ ที่ด้านข้างของผมก็มีประเป๋าใบใหญ่มากวางพิงกับผนังของกำแพงเมื่อเอาไว้

ของในนั้นมีของจำเป็นมากมายอย่างน้ำและอาหาร แล้วก็ของที่ขาดไม่ได้อย่างแร่ที่สร้างอาวุธเปลี่ยนแปลงสภาพได้จำนวนหนึ่ง เพราะถ้าเอาไปแล้วหาแร่คล้ายมัน หรือสร้างของเรียนแบบขึ้นมาได้ละก็ โฉมหน้าเรื่องอาวุธของทวีปเดเชียต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ในขณะเดียวกัน

ระหว่างที่ผมกำลังยืนอยู่แบบนี้สายตาไม่พอใจของเหล่าราเมียก็ทิ่มแทงมาที่ผมอย่างช่วยไม่ได้มีทั้งทหารและชาวเมือง ส่วนเหตุผลก็ไม่ต้องพูดถึงว่าเพราะอะไรยังไงมันก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ก็คือเรื่องไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่พวกซาราแมนเดอร์บุกมา

….

…..

รอได้ไม่นานนักทาร์เลียก็มาถึง

“ขอโทษจริงๆ ที่ให้ท่านรอแบบนี้”

“อ่า ไม่เป็นอะไร”

“ค่ะ งั้นพวกเราก็ไปกันเลยถ้าอยู่นานมันจะอันตรายแบบท่านบอกจริง ....แต่ว่าพวกเราจะไปไหนกันเพราะละ?”

ตามจริงตอนนี้ก็อยากถามเธออยู่หรอกว่าทาร์รอสบอกอะไรมาบ้าง แต่ในเมื่อเธอเลือกไม่พูดอะไรแบบนี้ก็อย่าถามเลยดีกว่า

อีกอย่างหมอนั่นก็คงยังไม่ได้บอกเกี่ยวกับโอกาสที่เผ่าราเมียจะโดนกำจัดทิ้งกับเธอหรอก เพราะถ้าบอกอาจจะทำให้เธอไม่ยอมไปกับเราก็ได้ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงเรื่องนั้นมันก็เป็นเรื่องของอนาคต

“พวกเราจะไปที่ถ้ำแห่งนั้น!”

“ออ!”

ทาร์เลียใช้มือสองข้างประกบกัน แล้วทำสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดออกมาต่อว่า “ถ้าเป็นที่นั่นข้าคิดว่าต่อให้เป็นพวกเผ่ามังกรก็คงคาดไม่ถึงแน่นอน สมแล้วที่เป็นท่านดรารอน์”

“งั้นก็ไปกันเถอะ!”

“ค่ะ”

ระหว่างกำลังจะออกจากประตูเมืองผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เกี่ยวกับสิ่งผิดปกติของทาร์เลียที่คุยเมื่อครู่ แล้วหันไปมองเธอที่ด้านหลังอีกครั้งแบบละเอียดอีกครั้ง หลังแน่ใจแล้วว่าผมไม่ได้คิดไปเอง จึงได้ถามออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เธอว่า

“ของเธออยู่ไหน?”

“ของ? ท่านหมายถึงของอะไร?”

อาหาร! น้ำ! เสื้อผ้า! และ-”

“อยู่ในนี้หมดแล้วคะ”

ทาร์เลียยืนมือขวาของเธอออกมา พร้อมกับแหวนที่อยู่ในนิ้วนาง ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เธอบอกมาสักพัก ก่อนจะถามออกไปต่ออีกครั้ง โดยชี้ลงไปที่แหวนบนนิ้วของเธอที่ยืนมาด้วย

“อย่าบอกนะว่าแหวนมิติ?”

“ถูกต้องแล้ว ท่านพ่อพึงให้มาเมื่อกี้เอง” ทาร์เลียยืดแบบภูมิใจระหว่างตอบคำถาม

เอาจริงเหรอเนี่ย สมบัติของเผ่าราเมียให้กันง่ายๆ แบบนี้เลย เหอะๆ สำหรับแหวนมิติที่อยู่ในมือของเธอนั่นถึงจะเป็นทวีปแห่งนี้ก็ตามแต่จำนวนของมันก็มีจำกัด ตามข้อมูลที่ผมรู้มันจะเป็นเพียงของตกทอดของหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่าของทวีปเท่านั้น

แต่เมื่อมันเป็นแบบนี้ก็พอเข้าใจอยู่หรอกที่เธอได้แหวนมา เพราะถ้าทาร์รอสตายพวกที่ได้มันก็คือเผ่ามังกร แล้วเมื่อเป็นแบบนั้นการมอบให้ทาร์เลียเอาไปใช้ประโยชน์มันก็ดีกว่าหลายเท่า

หมอนั่นคิดจะตายจริงๆ สินะ…

“ถ้ามีแหวนก็ช่วยเก็บให้ข้าด้วยสิ”

“ค่ะ… ขอโทษคะ”

ทาร์เลียตอบเสียงอ่อนๆ แบบรู้สึกผิดและเดินไปดูดกระเป๋าขนาดใหญ่เข้าแหวนของเธอย่างง่ายดาย มันดีจริงๆ ไอ้แหวนนี้ ดีกว่าเวทย์มิติที่ต้องใช้พลังเวทย์จำนวนมากในการเก็บมันเยอะเลย สุดยอด!

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ”

เมื่อเรียบร้อยผมก็เปลี่ยนร่างเป็นร่างจำแลงอสูรระดับสี่แล้วอุ้มทาร์เลียแบบที่คุยอุ้มมา ส่วนเหตุผลที่ต้องใช้ร่างสี่ก็เพราะว่าขนาดตัวมันเล็กเท่ากับมนุษย์จึงสามารถเดินทางได้ไม่ผิดสังเกตเท่าไหร่

จากนั้นผมก็มุ่งตรงไปยังถ้ำที่ว่าทันทีด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะต้องระวังพวกซาราแมนเดอร์ตามมาก็เลยต้องใช้ความเร็วสูงสุด ถึงจะกินพลังเวทย์เยอะก็ตาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด