King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 222 นักสู้ทั้งสาม
ตอนที่ 222 นักสู้ทั้งสาม
หลังผมถามไปทาร์เลียก็เบนสายตาไปทางอิคริสที่เดินนำอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง แล้วก็หันกลับมาที่ผมอีกครั้ง
“…ท่านจะสู้กับพวกนั้นจริงๆ งั้นเหรอ?...”
เสียงที่เธอพูดออกมาเป็นเสียงที่เบามาก ก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าจะถามยืนยันเพื่ออะไรในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันกำหนดไปแล้ว แต่ที่เธอถามออกมาแบบนี้ตัวเธอเองก็คงมีเหตุผลของเธออยู่แหละ
“…มันมีอะไรน่าเป็นห่วง?”
“…ก็พวกนั้นมันเป็นสามคนที่พลังสูงสุดในหมู่คนที่อายุไม่เกิน 20 กันเลยนะ พลังคนที่สามก็อยู่ขั้นตำนานช่วงต้นก็คืออิคเนอร์ ส่วนคนที่สองอยู่ขั้นตำนานช่วงกลางชื่อว่า แซคซอน ส่วนคนที่หนึ่งพลังไม่ต่ำกว่าแซคซอนมากเท่าไหร่แต่ฝีมือด้านการใช้อาวุธห่างชั้นกันพอสมควรชื่อว่า ทอมมอล…”
เป็นแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ ที่พลังพวกมันยังไม่เกินขั้นตำนาน เท่าที่เธอบอกมามันเป็นปัญหาอยู่เหมือนกันเพราะพวกมันพลังเหนือกว่าผมอยู่ทุกคน แต่ก็เท่านั้นแหละของพวกนี้มันไม่ได้ตัดสินกันที่พลังอย่างเดียวสักหน่อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าสามารถชนะได้แน่”
ผมยิ้มแบบมั่นใจให้กับเธอแล้วเบนหน้ากลับทางเดิมทันที ที่พูดชนะแน่นอนก็พูดไปเท่า แค่อิคเนอร์คงไม่ใช่ปัญหาอะไรมาก แต่ที่ต้องระวังนะคือทั้งสองคนที่เหลือต่างหาก เฮ้อ~ โลกนี้มันเป็นอะไรกับการต่อสู้มากไหม ไปที่ไหนก็ต้อง สู้ สู้ สู้ ตลอดเลยตั้งแต่ไปประเทศเอลฟ์แล้ว
…
….
…..
หลังจากที่เดินมาสักพักพวกเราทั้งสามก็เดินมาถึงสนามประลองในกลางเมืองของเผ่าราเมีย และตอนนี้ผมก็กำลังยืนมองหน้าของทั้งสามคนที่เป็นคู่ประลองของผมในครั้งนี้อยู่แบบคนละฝั่ง
ทั้งสามคนมีร่างกายไม่ต่างกันมากนัก เพราะเป็นราเมียผู้ชายแถมอายุก็ใกล้เคียงกัน ส่วนพลังก็เป็นแบบที่ทาร์เลียพูดเอาไว้
อิคเนอร์ ตำนานขั้นต่ำ
แซคซอน ตำนานขั้นกลาง
ทอมมอล ตำนานขั้นกลาง
พลังของพวกนี้สามคนสูงกว่ามาตรฐานพอสมควร
ส่วนสถานที่ที่ถูกเรียกว่าสนามประลองก็ตรงตามชื่อของมัน แต่มันเป็นเพียงสนามกว้างยาวประมาณ 20x20 เมตร เท่านั้น นับว่าขนาดของมันน้อยมากถ้าสูงด้วยเวทย์อย่างน้อยมันต้อง 50x50 เมตร ถึงจอพอดีต่อการสู้ แต่ทำไงได้ผมเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้นจะไปมีปัญหากับขนาดพื้นที่ก็ไม่ได้
และอีกอย่างที่แปลกตาก็คือสนามประลองเป็นเพียงดินเท่านั้น ไม่ได้มีหินอ่อนหรืออะไรมาสร้างเอาไว้แบบสนามประลองที่ผมเคยรู้จัก ส่วนเส้นแบ่งพื้นที่ก็เป็นเพียงเส้นที่ใช้ไม้ลากเอาไว้เพื่อระบุตำแหน่งเท่านั้น
ยังไงมันก็ถือว่าเป็นสนามประลองของเผ่าทำไมพวกมันไม่ทำให้มันดีๆ หน่อยนะ เหอะๆ แบบนี้คนอื่นมาเห็นได้หัวเราะเยาะแน่
ทางฝั่งคนดูเองก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่แปลกตาอีก เพราะคนดูไม่มีที่นั่งและยืนดูตามขอบเส้นที่แบ่งเอาไว้ เมื่อครู่ระหว่างกำลังเดินมาเห็นพวกนั้นเล่นพนันกันด้วยโดยอัตราต่อรองผมชนะทั้งสามคนอยู่ที่ 1:5 ผมก็เลยยืมเงินของทาร์เลียลงเดิมพันไปพอสมควรในการลงพนันไป แล้วเมื่อชนะก็ไม่ต้องเป็นห่วงการใช้ชีวิตในเมืองแห่งนี้ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน
หึหึ! รู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ ยังไงไม่รู้แฮะ
“เอาละในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ทาร์รอสเดินขึ้นมาบนเวทีแล้วเริ่มพูดโดยกวาดสายตามองเหล่าราเมียที่ยืนดูอยู่ไปด้วย อยากประลองกับมันแบบตัวต่อตัวจริงๆ แต่ถ้าสู้ไปตอนนี้ยังไงเราก็แพ้อยู่ดีเพราะงั้นใจเย็นเอาไว้
“วันนี้นักสู้ทั้งสามคนจะสู้กับแขกของเราตามลำดับ โดยถ้าสามารถสู้ชนะได้ทั้งสามคนแขกของเราก็จะอยู่ในเมืองของเราได้เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน …แล้วข้าก็หวังว่าทุกคนจะทำตามกฎด้วยถ้าแขกของเราชนะในการประลองครั้งนี้”
คำพูดของทาร์รอสช่วงท้ายเป็นคำพูดที่ฟังแล้วเสียงสันหลังจริงๆ เพราะพูดออกมาช้าๆ พร้อมแรงกดดันพลังเวทย์มหาศาล พวกราเมียรอบสนามเองก็เงียบไปเลยหลังจากที่ทาร์รอสพูดจบ นี่แหละโลกที่พลังคือทุกสิ่ง คนอ่อนแอทำได้เพียงเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งและเชื่อฟังเท่านั้น
“ถ้างั้นเรามาเริ่มเรียงตามลำดับคู่ต่อสู้กันเลย”
ทาร์รอสเดินเข้าไปหาทั้งสามคน และหยุดที่อิคเนอร์
“อันดับแรกนักสู้อันดับสามในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ของเผ่าเราอิคเนอร์จะเริ่มสู้ก่อน จากนั้นก็คือแซคซอนและทอมมอล โดยนักสู้แต่ละคนมีเวลาคนละ 30 นาที ถ้าไม่สามารถเอาชนะได้ก็แปลว่าแพ้ทันที ที่มีกฎแบบนี้ก็เป็นเพราะคู่ต่อสู้มีเพียงคนเดียว แต่ฝั่งนี้มีอยู่สามคนเลยต้องมีกฎพิเศษขึ้นมา”
โห่ว! ได้ยินกฎแบบนี้รู้สึกดีขึ้นมาเลย
หลังจากที่ทาร์รอสพูดได้ไม่นานหนึ่งราเมียที่ยืนอยู่รอบสนามก็ชี้นิ้วมาทางผม
อะไรแกชี้นิ้วมาเพื่ออะไร???