King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 210 ผิดพลาดเกือบหมด
ตอนที่ 210 ผิดพลาดเกือบหมด
ณ พระราชวังประเทศภูติ
หลังจากที่เดินทางมาจากหมู่บ้าน ผมก็ไปส่งลาฟเชียร์ที่ห้องเคลื่อนย้ายเพื่อกลับประเทศเรียบร้อย และทางราชินีภูติก็พาผมเดินทางมาในห้องแห่งนี้ต่อแบบทันทีโดยไม่รออะไร
ตัวห้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ แต่มีแสงปล่อยออกมาจากตามมุมห้อง ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแสงของพระอาทิตย์ หรือไม่ก็แสงของคริสตันนั่นแหละ แต่อย่าไปสนใจเรื่องหยิบย่อยพวกนั้นเลยมาสนใจของด้านหน้าก่อนดีกว่า
ภายในห้องที่ผมเดินเข้ามาก็ผมกับแผนที่ขนาดใหญ่มากกว่า 100 เมตร กลางติดเอาไว้ที่ผนังห้องอยู่ แล้วก็มีพวกภูติที่สวมชุดคลุมร่างกายคล้ายทหารจอมเวทย์กำลังเขียนมันอยู่สองคน
ด้านล่างเองก็มีภูติกว่า 20 คน กำลังร่ายเวทย์เพื่อตรวจสอบและบอกให้คนที่ยืนด้านบนเขียนแผนที่ตามที่คนด้านล่างบอก ซึ่งเมื่อดูแล้วมันก็คือแผนที่ที่มันเหมือนกับของที่ผมมีอยู่นั่นแหละ แต่ในส่วนของเมืองหรือว่าอะไรที่เขียนชื่อเอาไว้เหมือนกับว่าจะไม่โดนเขียนลงไป อย่างพวกอาณาเขตของ เฮาร์แมนหรือของมังกร
“นี่เป็นแผนที่บางส่วนที่เราสามารถตรวจสอบได้ เพราะตามที่ดูเหมือนกับว่ามันจะแตกต่างกับแผนที่ของเจ้านิดหน่อย”
ระหว่างกำลังมองแผนที่ด้านหน้าอยู่ราชินีภูติก็เอ่ยออกมา ระหว่างที่สายตาของเธอกำลังมองแผนที่อยู่ ซึ่งมันก็ตรงตามที่เธอบอกมาจะเรียกว่าเหมือนมันก็ว่าเหมือนไม่ได้หรอก ดูๆ จากที่เขียนก็คงเหมือนราว 70% ได้อยู่
หลังจากพูดกับผมจบราชินีภูติก็มองไปทางเหล่าทหารที่เขียนแผนที่กันอยู่
“เลิกเขียนกันได้แล้ว”
พวกภูติที่กำลังทำงานกันอยู่ต่างก็หันมองเธอด้วยใบหน้าสงสัยกันทั้งนั้น ก็แน่ละ กำลังทำงานที่เหมือนกับว่ามันสำคัญมากอยู่ดีๆ แต่กลับโดนพูดใส่อย่างนั้นก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
“-องค์ราชินีพวกเราใกล้ตรวจสอบเสร็จแล้วนะครับ”
ใกล้บ้าใกล้บออะไร แผนที่พวกถ้าเอาไปใช้มันแทบใช้ไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง
“ข้าบอกให้หยุดก็หยุด ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วเพราะข้าได้แผนที่จริงๆ ของทวีปแห่งนั่นมาแล้ว”
ซุบซิบ ซุบซิบ ซุบซิบ
เสียงซุบซิบของพวกทหารดังขึ้นทันทีเมื่อราชินีภูติบอกไป จากนั้นผมก็จำใจต้องเอาแผนที่ออกมาแล้วส่งให้พวกทหารได้คัดลอกมันเอาไว้ ในตอนแรกพวกนั้นก็แสดงท่าทางไม่เชื่อแล้วมองมาทางผมแบบไม่ชอบใจกันอยู่หรอก
แต่ภายในเวลาไม่นานก็เอาไปเขียนตามแบบที่ผมส่งให้ไป โดยทำลายอันเก่าทิ้งแล้วเริ่มเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพราะถ้าแก้มันยุ่งยากกว่าที่จะเขียนขึ้นมาใหม่สะอีก
…
….
……
ในเวลาต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณ 30 นาที แผนที่ขนาดใหญ่ก็ถูกเขียนขึ้นมาเรียบร้อย อื้ม! มามองแบบนี้แล้วเห็นภาพมากกว่าเก่าเยอะเลย พวกนี้มันทำเรื่องมีประโยชน์ให้เราจริงๆ
ระหว่างที่กำลังมองแผนที่อยู่เสียงของราชินีภูติก็ดังขึ้น
“เอาละเมื่อแผนที่เรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวเดินทางไปได้เลย”
“ไป? นี่ท่านกำลังจะบอกให้ข้าเดินทางไปเลยเหรอ”
“แล้วจะรอให้มันเสียเวลาทำไม ตอนนี้ถ้ายิ่งเร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือไง”
เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก แต่เธอไม่คิดว่าสมควรให้เวลาฉันเตรียมใจหน่อยเหรอ เฮ้อ~
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้นะครับ ไปเลยก็ไป”
“มันต้องแบบนั้นแหละ หึหึ!”
หลังจากตอบตกลงไปราชินีภูติก็แสยะยิ้มออกมาแบบชอบใจ บางครั้งก็แอบคิดเหมือนกันว่ายัยนี่อยากกำจัดผมหรือเปล่า ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้หรืออยากทำผมให้พ้นทางไมนะ แต่ถึงจะมาคิดอะไรตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเลยไม่ได้ถามอะไรไป
จากนั้นพวกทหารภูติก็ได้รับคำสั่งจากราชินีภูติแล้วเริ่มพากันไปวางแผนทันที โดยจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มขนาดเล็กทั้งสี่คน ซึ่งดูจากชุดที่มีสีต่างจากพวกทหารภูติคนอื่นพวกมันก็น่าจะเป็นหัวหน้านั่นแหละ
จนผ่านไปได้ไม่นานหนึ่งในพวกที่วางแผนก็เดินเข้ามาหาผมกับราชินีภูติที่ยืนอยู่ มาแล้วสินะ! ตามตรงก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ให้เราไปประชุมตัดสินใจด้วยเพราะคนต้องเสี่ยงชีวิตมันเป็นเรา พวกมันก็น่าจะมาคุยกับเราสิ แต่ลองฟังความคิดของพวกมันหน่อยแล้วกัน
“-พวกเราวางแผนกันเรียบร้อยแล้วครับท่าน พวกเราจะส่งองค์ชายไปตอนกลางของทวีปเพื่อสืบเผ่าที่น่าจะเป็นภัยที่สุดอย่างเผ่ามังกรครับ และจุดรับกลับจะเป็นทางใต้ของทวีปในอีก 1 เดือน”
ทหารเริ่มพูดออกมาแล้วชี้นิ้วไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ด้านหน้าตามที่ได้พูดมา โดยจุดที่ชี้ก็เป็นอาณาเขตที่เป็นของเผ่ามังกรลงลากยาวมาจนถึงเผ่าอสูรกระดูก นี่มันกำลังล้อเล่นกับเราอยู่หรือไง ให้ไปโผ่ลกลางวงของศัตรูแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับเข้าไปตายนะสิ!
เดี๋ยวเสนอเอาพวกแกทั้งสี่คนไปด้วยเลยนิ ชิ!
และในระหว่างที่ผมกำลังโมโหกับแผนแสนเสี่ยงภัยของพวกมันอยู่นั้น“คิดออกมาได้ยังไง ตำแหน่งวางแผนพวกเจ้าทั้งสี่คนจับฉลากได้มาเหรอ” ราชินีภูติก็บิดในสิ่งที่ผมไม่คิดจะได้ยินกับทหารด้านหน้าของตน
เป็นคำพูดที่ดีๆ ขอโทษด้วยนะที่เผลอคิดไปว่าเธอต้องการจะกำจัดฉัน!
“-องค์ราชินีแต่นี่เป็นทางที่ได้ผลที่สุดแล้วนะครับ ถ้ารีบไปรีบกลับมันก็น่าจะดีกับท่านดรารอน์ด้วย เพราะงั้นการเอาข้อมูลพวกที่น่าจะเป็นภัยที่สุดมันเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก”
ทหารรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่สิ่งที่มันพูดมาก็ไม่ผิดกับความคิดที่รีบไปรีบกลับอย่างนั้น แต่มันเสียงเกินไป!
“เจ้าไปกับมันไหมล่ะ ถ้าพูดแบบนั้น”
“คะ คือว่าเรื่องนั้น…”
“เห็นไหมขนาดเจ้าเองยังคิดว่าอันตรายเลย รู้ไหมถ้าหมอนั่นตายข้าต้องลำบากเขียนจดหมายขอโทษพ่อมันอีก!!!”
งั้นเหรอ! ที่กังวลแล้วด่าลูกน้องแบบนั้นเป็นเพราะขี้เกียจเขียนจดหมายไปขอโทษดิวนีสันต์สินะ ไม่ได้เป็นห่วงชีวิตของฉันสินะ
“ไปคิดมาใหม่เอาแบบที่รอดกลับมาได้ มันต้องมีทางที่ดีกว่านี่แน่”
“ครับ…”
ทหารตอบเสียงเบาๆ แล้วหันหลังเดินกลับไป ช่วยไม่ได้งั้นเราคงต้องออกโรงเองแล้วละในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ถ้าให้มันคิดอีกมีหวังคงออกมาไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่แน่เพราะพวกมันคิดแต่ผลประโยชน์สูงสุดที่ได้รับ โดยไม่ค่อยสนความปลอดภัยของเราเลย ไม่ไหวๆ
ไม่อยากคิดเลยถ้าเราไม่เสนอตัวแล้วให้ทหารภูติไปสำรวจแทนจะเป็นยังไง มีหวังตายตั้งแต่เดินทางไปแน่ เมื่อคิดได้ผมก็พูดถึงแผนของตัวเองที่คิดเอาไว้ออกไปว่า….