บทที่ 279 คุณแม่แฟนคลับตัวยง❗️(ฟรี)
“ไม่มีอะไร” การแสดงออกของหรงซื่อนั้นสงบมาก อีกทั้งดวงตาลึกของเขาก็จับจ้องไปที่เธอแทบจะไม่กระพริบ เพราะเขาไม่ได้เจอเธอมาหลายวันแล้ว และตอนนี้เขาก็ได้เจอคนตรงหน้าซะที
น้องสาวเสี่ยวจิ่วยังคงน่ารักอยู่เหมือนเดิม
ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนจะน่ารักมากกว่าเธออีกแล้ว
ซูจิ่วรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นคนไม่ใส่ใจในตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาดูไม่ปกติอย่างที่เขาพูดออกมาเลย ดังนั้น เธอจึงพองแก้มเล็กๆและพูดว่า “พี่ชายโกหก มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแน่ๆ❗️ แต่ถ้านายไม่พูด ฉันก็จะไม่สนใจนายอีกต่อไป❗️”
และด้วยวิธีนี้ จึงทําให้หรงซื่อตื่นตระหนกได้อย่างง่ายดาย เขาจึงรีบบอกความจริงกับซูจิ่วทันที “ฉันเข้าโรงพยาบาลมา”
“ว่าไงนะ❓” ซูจิ่วอุทาน “แล้วทําไมนายถึงไม่ยอมบอกฉัน ฉันจะได้ไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาล❗️”
“ไม่จำเป็นสําหรับสิ่งนั้น หมอบอกว่าเด็กมีภูมิต้านทานต่ำ และจะติดเชื้อได้ง่าย แล้วถ้าเกิดเธอติดเชื้อขึ้นมาจะไม่เป็นผลดีกับเธอ”
ซูจิ่วหน้ามุ่ยทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ “แล้วพี่ชายอยู่โรงพยาบาลคนเดียวเหรอ❓ เหงามากไหม❓ คราวหน้าอย่าลืมบอกฉันนะ❗️ โอ้ จะต้องไม่มีครั้งต่อไปสิ นายจะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง❗️”
เด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้าพูดไม่ยอมหยุด และนั่นก็ทำให้มุมปากของหรงซื่อขยับขึ้นราวกับว่าเขาต้องการที่จะหัวเราะออกมา ซึ่งความเบื่อหน่ายของการอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ดูเหมือนจะถูกปัดเป่าจนไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอย
ซูจิ่วชวนวายร้ายน้อยมาที่บ้านของตัวเองอย่างอบอุ่นเพื่อมาทานอาหาร และเขาก็เห็นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงยังไง ซูเชิ่งจิ่งก็ยังไม่ชอบเจ้าเด็กข้างบ้านที่มากินข้าวบ้านของเขาอยู่ดี เพราะเจ้าเด็กคนนี้ชอบมารบกวนเขาและเกี๊ยวน้อย จึงทำให้ช่วงเวลาอันอบอุ่นระหว่างพ่อและลูกสาวที่ควรจะมีนั้นกลับหายไป
แต่พอได้ยินเกี๊ยวน้อยพูดว่าเจ้าเด็กเหลือขอติดเชื้อ และต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจนถึงปัจจุบัน และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะลูกสาวของเขา ดังนั้น เขาจะวางหัวใจที่เห็นแก่ตัวไว้ชั่วคราว และปรุงอาหารพิเศษเพิ่มอีกสองจาน
“พี่ชาย นายต้องกินให้เยอะๆกว่านี้ เพราะตอนนี้นายผอมมาก❗️” ซูจิ่วหยิบปีกไก่ไปให้หรงซื่อ และก็บังเอิญเหลือบไปเห็นความไม่พอใจที่ปรากฎบนใบหน้าของซูเชิ่งจิ่งเข้าพอดี เธอจึงต้องกลายเป็นน้ำฝนและน้ำค้างที่ตกอย่างเท่าเทียมกัน และเอื้อมมือไปหยิบเนื้อแล้วส่งให้กับผู้เป็นพ่อ
และอารมณ์ของซูเชิ่งจิ่งที่เป็นน้ำส้มสายชูที่มืดครึ้ม ก็เปลี่ยนเป็นแดดจ้าได้อย่างง่ายดาย
หรงซื่อมีความสุขกับการทานอาหารกับซูจิ่วมาก และเขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ ส่วนซูจิ่วก็สนุกกับมันเช่นเดียวกัน และทุกครั้งที่เธอเห็นวายร้ายน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอก็รู้สึกพอใจมาก
เธอคิดว่าตัวเองเป็นคุณแม่แฟนคลับตัวยง❗️
ยังไงก็ตาม ครึ่งทางของการทานอาหาร แขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนก็มาถึง
เมื่อกริ่งหน้าประตูดังขึ้นหลายครั้ง ซูเชิ่งจิ่งก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู และเมื่อเขาเห็นว่าเป็นซ่งจีเย่กับซ่งซินเหยียนที่ยืนอยู่นอกประตู เขาก็แปลกใจและพูดขึ้นว่า “เป็นคุณนั่นเอง”
“ใช่ผมเอง เมื่อสองวันก่อนที่ผมโทรหาคุณ และบอกว่าผมจะพาซินเหยียนมาหาเสี่ยวจิ่ว ซึ่งผมรู้สึกรําคาญลูกสาวของผมมาก แล้วพอดีว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ ผมก็เลยพาเธอมาที่นี่”
“สวัสดีค่ะคุณลุง” ซ่งซินเหยียนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังผู้เป็นพ่อ และพูดทักทายซูเชิ่งจิ่งอย่างเขินอายเล็กน้อย
ถึงยังไงซูเชิ่งจิ่งก็ชอบเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆมากกว่า ซึ่งทัศนคติของเขาค่อนข้างแตกต่างจากเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ดังนั้น เขาจึงส่งยิ้มให้กับซ่งซินเหยียนแล้วพูดขึ้นว่า “เข้ามาก่อนสิ”
เมื่อซ่งซินเหยียนเข้ามาแล้ว และทันทีที่เธอเห็นซูจิ่ว ใบหน้าเล็กๆของเธอก็กลายเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น แล้วเธอก็ตะโกนออกมาอย่างมีความสุข “น้องสาวเสี่ยวจิ่ว”
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ซูจิ่วก็ยิ้มและพูดทักทายทันที “พี่สาวคนสวย ~”
ซ่งซินเหยียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหรงซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆน้องสาว ซึ่งเธอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย นี่พี่ชายที่เธอเจอในโรงพยาบาลมาก่อนไม่ใช่เหรอ❓
เพราะเขาหล่อมาก ดังนั้น เธอจึงจําได้ในทันที❗️
ซ่งซินเหยียนเดินไปที่โต๊ะอาหาร พอเธอรวบรวมความกล้าแล้วก็เอ่ยทักทายหรงซื่อทันที “สวัสดีพี่ชาย”
หรงซื่อตอบกลับอย่างสุภาพ “สวัสดี”
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วนายรู้จักน้องสาวเสี่ยวจิ่วด้วยเหรอ❓”
หือ❓❓
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซูจิ่วก็รู้สึกว่าสิ่งต่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นางเอกกับวายร้ายน้อยเคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ❓ ไม่อย่างนั้น ทําไมเธอถึงถามออกมาแบบนั้น❓
บทที่ 280 ร่างกายทั้งหมดของเธอเป็นของฉัน
หรงซื่อพยักหน้า
ซ่งซินเหยียนคิดว่าตัวเองจะมีพี่ชายที่หน้าตาดี และจะได้เป็นเพื่อนกันในอนาคต ซึ่งมันจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน เธอจึงรีบกลับไปหาซ่งจีเย่แล้วหยิบของไว้ในมือ จากนั้น ก็วิ่งกลับไปวางไว้บนโต๊ะอาหารพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องสาวเสี่ยวจิ่ว พี่ชาย นี่เป็นของขวัญจากฉัน ฉันให้พวกเธอ”
มันเป็นถุงขนมและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังมีตุ๊กตาน่ารักที่เด็กผู้หญิงชอบอีกด้วย
ซูจิ่วไม่ลังเลที่จะรับของขวัญของอีกฝ่าย และพูดกับซ่งซินเหยียนอย่างอ่อนหวานว่า “ขอบคุณพี่สาว~ แล้วเธอกินอะไรมาหรือยัง”
“ฉันกินมาแล้ว” ซ่งซินเหยียนตอบกลับ แต่สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่หรงซื่อมากขึ้น ราวกับว่าเธอกำลังสนใจเขาอยู่ และหลังจากหยุดไปสองสามวินาที เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปว่า “พี่ชาย ฉันชื่อซ่งซินเหยียน แล้วนายล่ะชื่ออะไร”
ต่อหน้าเด็กหญิงตัวน้อยแสนสวยคนนี้ ใบหน้าของวายร้ายน้อยไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย และน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นก็แผ่วเบามาก “ฉันชื่อหรงซื่อ”
“หรงซื่อ❓ อันไหน หนึ่ง สอง สาม หรือสี่❓”
“ไม่ใช่”
“แล้วมันยังไงล่ะ❓”
ซูจิ่วไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนตระหนี่ แต่เมื่อเห็นนางเอกตัวน้อยพูดคุยกับวายร้ายน้อย จู่ๆเธอก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มันไม่ง่ายเลยที่จะชะลอกระบวนการของวายร้ายน้อยไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีดำ เธอจึงไม่ต้องการให้ปรากฏตัวแปรใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น เธอจึงหวังว่าตัวเองหรือวายร้ายน้อยจะไม่เข้าไปแทรกกลางระหว่างตัวเอกชายและหญิง
อย่างไรก็ตามได้มีบางอย่างเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะเบี่ยงเบนไปจากทิศทางเดิมแล้วก็ตาม
ไม่ ซ่งซินเหยียนในฐานะที่เป็นตัวเอกหญิง เธอจะต้องมีจิตสำนึกที่จะอยู่กับตัวเอกชาย และที่สำคัญ เธอไม่สามารถยั่วยุวายร้ายน้อยได้❗️
ในนวนิยายเรื่องนี้ หลี่โม่หานเป็นคนเย็นชา หยิ่งทะนง อีกทั้งยังมืดมน ที่สำคัญเขายังเป็นถังน้ำส้มสายชูขนาดใหญ่ และสายเส้นสุดคลาสสิกของเขาเหมือนกับประธานจอมเผด็จการที่มีอํานาจเหนือกว่าทุกคน “เธอเป็นผู้หญิงของฉัน และทั้งร่างกายของเธอก็เป็นของฉัน แม้แต่กระทั่งเส้นผมก็ใช่❗️”
## เสี่ยวจิ่วมาแล้ว รับรองสนุกไม่แพ้พี่สาวอีหลิง
“ถ้าฉันเห็นผู้ชายคนอื่นอยู่ใกล้เธอ หรือเธอไปอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น ฉันจะฆ่ามัน”
ถ้านางเอกทําให้เขาไม่พอใจ เธอจะถูกเขาลงโทษบนเตียง ส่วนผู้ชายที่ใกล้ชิดกับนางเอก พวกเขาก็จะมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก บางคนตกงาน บางคนก็ถึงขั้นล้มละลาย หรือไม่ก็ถูกส่งไปยังสถานที่ในแอฟริกาก็ยังมี แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเอกชายที่มีรัศมีแบบนั้น เขาสามารถทําอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
ในส่วนของความคิดของนวนิยายเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วย “อ๊ะ ฉันรักคุณมาก❗️” “ฉันมีเพื่อนที่อยากจะลองลิ้มรสชาติของคนพาลดูบ้างว่าจะเป็นยังไง” หรือไม่ก็ “เกียรติยศของคุณประธาน ฉันได้ทำความสะอาดตัวเองแล้วและกําลังรอคุณอยู่~”
และหลังจากที่วายร้ายดำมืดปรากฏตัวขึ้น ผู้อ่านทุกคนก็ด่าเขาว่าเป็นคนบิดเบี้ยว หรือไม่ก็คนบ้า และขอให้รีบๆตายไปซะ อย่าได้มาขัดขวางตัวเอกชายและตัวเอกหญิงของพวกเขา
ไม่ว่าวายร้ายจะแย่สักแค่ไหน แต่ในฐานะนักแสดงทบสมชาย เขาได้ถูกกําหนดให้มาต่อสู้กับตัวเอกชาย และสุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด
ซูจิ่วกําลังคิดหาวิธีว่าจะทําอย่างไรไม่ให้นางเอกตัวน้อยไปยั่วยุวายร้ายน้อยเข้า หรือเธอควรจะล่าถอยออกมา แทนที่จะเดินหน้าแล้วทำตัวแบบชาเขียว* แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงนั่งอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง และมองไปที่วายร้ายน้อยด้วยความอิจฉาและความคับข้องใจ❓
(綠茶 ชาเขียว* เป็นภาษาอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน หมายถึง คนที่ชอบแอ๊บหรือเป็นอินโนเซนส์เพื่อเรียกร้องความสนใจ)
ถ้าหากวายร้ายน้อยเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เขาจะรักษาระยะห่างจากนางเอกตัวน้อยใช่ไหม❓
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องรอให้ซูจิ่วได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง วายร้ายน้อยก็นำหน้าเธอไปหนึ่งก้าว เพื่อตัดความสัมพันธ์มิตรภาพที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้นกับนางเอกตัวน้อย
หรงซื่อไม่คุ้นเคยกับเด็กผู้หญิงคนอื่นที่พูดคุยกับเขา และมันก็ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงตอบคําถามของซ่งซินเหยียน แล้ววางตะเกียบลงพร้อมกับพูดกับซูจิ่วว่า “ฉันอิ่มแล้ว และถึงเวลาต้องกลับบ้านก่อน”
ซ่งซินเหยียนมองดูหรงซื่อลุกขึ้นและเดินจากไป และดวงตาของเธอดูเหมือนจะจับจ้องไปที่เขาแทบจะไม่กระพริบตา
ถึงแม้ว่าพี่ชายคนนี้จะไม่ชอบพูดหรือตอบเธอ แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดมันเลย
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว ซ่งซินเหยียนก็ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ “ทําไมพี่ชายคนนั้นถึงจากไปล่ะ”