King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 203 สมควรแล้ว
ตอนที่ 203 สมควรแล้ว
บูม!!!!!
เสียงดังขึ้นมาพร้อมแรงลมจำนวนมหาศาลที่กระหน่ำเข้ามาทางผม หลังจากที่เวทย์ศรลมของราชินีภูติปะทะเข้ากับเวทย์ป้องกันที่ร่ายเอาไว้ พวกทหารด้านล่างบ้างก็สามารถยืนใช้เวทย์ป้องกันได้ทัน แต่บางคนก็กระเด็นไปเพราะแรงลมมหาศาลที่เกิดขึ้น
บ้าจริง! เรื่องแบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ยัยราชินีภูติทำบ้าอะไรอยู่ ชิ! อย่างน้อยถ้ามองไม่เห็นด้านในหรือได้ยินเสียงมันก็สามารถสัมผัสพลังเวทย์อยู่ไม่ได้หรือไง
เวลานี้เวทย์ป้องกันก็โดนทำลายไปแล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่เป็นจุดอ่อนของมันเพราะเมื่อมีจุดไหนจุดเดียวโดนทำลาย เวทย์ทั้งหมดก็จะพังทันที ถึงจะเป็นเพียงการโดนทำลายนิดเดียวก็ตาม
จากนั้นไม่นานราชินีภูติก็ลอยลงมาด้านหน้าของผม หลังจากที่แรงลมเริ่มสงบลง
“นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมถึงได้มีของประหลาดเหมือนของพวกประเทศทอซัสใช้เพื่อป้องกันมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้” ราชินีภูติเอ่ยถามเสียงสงสัย ซึ่งเป้าหมายที่กำลังถามอยู่มันก็น่าจะเป็นผมนั่นแหละ แต่ของพวกนั้นกับเวทย์ป้องกันนี่มันคนละอย่างกันไม่ดูสีกับพลังป้องกันของมันหรือไง เวทย์ป้องกันของฉันมันดีกว่าตั้งหลายเท่า
“ข้าเป็นคนสร้างเอาไว้เอง”
“เจ้าสร้าง??? เพื่ออะไร ทำไมต้องสร้างของแบบนี้ด้วย แล้วทำไมไม่แจ้งอะไรข้าเลย”
มาเป็นชุดเลยนะ คนที่แจ้งเธอมันต้องเป็นเฮสเฟียร์ไม่ใช่หรือไงทำไมมาถามฉัน ถ้างั้นสรุปปัญหามันเกิดเพราะเฮสเฟียร์งั้นสินะ เฮ้อ~
“เรื่องนี้เฮสเฟียร์ไม่ได้แจ้งท่านงั้นเหรอ”
“ไม่ได้บอกอะไรเลย บอกเพียงว่าสามารถหยุดปัญหาที่เจ้าไปก่อกวนเมืองหลวงได้เพราะการช่วยเหลือจากโดตอล แล้วก็เรื่องไร้สาระไม่เห็นเคยได้ยินกับสิ่งที่ทำลายไปเมื่อครู่เลย”
หยุดบ้าหยุดบออะไร ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลยสักอย่างแถมยังไม่สามารถสู้พวกทหารของดยุคฮาฟได้อีก แต่ก็ช่างเถอะ ถึงจะมาเถียงกันแบบนี้ก็ไม่ได้อะไรรีบกลับบ้านก่อนดีกว่า ข้าวก็ยังไม่ได้กินหิวจะแย่อยู่แล้ว
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปพักเถอะครับ ท่านเดินทางมาไกลคงเหนื่อยแล้ว”
“อื้ม!”
จากนั้นผมกับราชินีภูติก็เดินทางกลับไปยังบ้านพักทันที พวกทหารภูติที่ได้รับผลกระทบจากเวทย์เองก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บมาก จึงไม่ต้องรีบรักษาอะไรเป็นพิเศษ
#############
ณ บ้านของดรารอน์
เมื่อพวกเราสองคนบินมาถึงหน้าบ้านผมก็กลับเข้าสู่ร่างของมนุษย์ปกติแบบที่เคยเป็น แล้วคนที่กำลังยืนรออยู่หน้าบ้านก็คือเฮสเฟียร์กับลาฟเชียร์ ที่กำลังมองไปทางราชินีภูติด้วยสายตาแปลกใจ
ยังอีกๆ สายตาแบบนั้นมันอะไรเธอยังไม่รู้ที่ปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นมาเลยหรือไง ยัยตัวป่วน!
“องค์ราชินีท่านมาอยู่นี่ได้ยังไง???” เฮสเฟียร์เดินเข้าใกล้ราชินีภูติแล้วเริ่มเอ่ยถาม
แต่ทางราชินีภูติ “….” ก็กำลังยืนมองเธอด้วยหน้าตาหมดอารมณ์จะตอบ เอาเถอะถ้าเป็นผมผมก็คงไม่ตอบหรอก แถมยังลงโทษอีกต่างหากที่พลาดข้อมูลเรื่องสำคัญแบบนี้
“เจ้าลืมรายงานเรื่องเวทย์ป้องกันกับข้าหรือเปล่า?”
“ไม่ได้ลืมค่ะ ข้าก็บอกท่านไปแล้วว่าองค์ชายดรารอน์เริ่มทำอะไรแปลกๆ อีกแล้ว แต่ท่านก็บอกว่า [เด็กนั่นมันแปลกอยู่แล้วช่างมันแล้วกัน] ข้าก็เลยไม่ได้รายงานต่อ”
อะไรละนั่นของแบบนั้นเรียกว่ารายงานแล้วเหรอ อีกอย่างความคิดของราชินีภูติมองเราเป็นยังไงละเนี่ย เกมส์พลิกงั้นเหรอ???
“มันใช่เรื่องไหม!!!” ราชินีภูติตะโกนเสียงดันลั่นพร้อมใบหน้ากำลังโมโห ส่วนทางเฮสเฟียร์ก็กำลังหลับตาแล้วเอามือปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้ พร้อมก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อย
ท่าทางแบบนั้นแปลว่ารู้แล้วสินะว่าตัวเองต้องโดนอะไร แต่นี่แหละดีแล้วอย่างยัยนี่ต้องโดนสะบ้าง
จากนั้นการบ่นแสนน่ารำคาญก็เริ่มต้นขึ้น ตัวเฮสเฟียร์ก็ต้องเอามือที่ปิดหูออกแล้วโดนบ่นยาวนานกว่า 30 นาที ตัวผมกับลาฟเชียร์เองก็ต้องยืนฟังด้วยเพราะพวกเรารู้ดีว่าถ้าเดินออกไปตอนนี้จะกลายเป็นจุดสนใจของราชินีภูติได้ เพราะงั้นการยืนฟังแบบนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด
“เฮ้อ~” ราชินีภูติถอนหายใจขณะมองเฮาเฟียร์อยู่ แล้วหันมองมาทางผม “เรื่องเวทย์ป้องกันช่างมันก็แล้วกัน เพราะข้ากลับมาแล้วมันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป-”
ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ พูดยังกับว่าเธอจะอยู่ปกป้องลาฟเชียร์ตลอดเวลางั้นแหละ เหอะๆ! แต่ก็เอาเถอะเดี๋ยวร่ายใหม่ก็ได้ จบก็จบเพราะเราเองก็ไม่อยากไปโดนบ่นแบบนั้นด้วย
“ว่าแต่ว่าเจ้าละสามารถเก็บรวบรวมคริสตันเวทย์ตามที่ข้าบอกเอาไว้ได้ไหม”
“ครับ ได้ครบตามที่ท่านบอกเอาไว้”
“ดีมากงั้นก็มาเริ่มกันเลย เพราะหลังจากนี้ข้าต้องไปทำอะไรที่เมืองหลวงนิดหน่อย ต้องเอายัยไม่ได้เรื่องนี้กลับไปทำงานสะบ้างไม่งั้นก็คงต้องเปลี่ยนตัวผู้สืบทอดทางขุนนางยศสูงหลายคนก็เริ่มออกหน้าไม่ยอมรับกันบ้างแล้ว”
“ทะ ทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ” เฮสเฟียร์สวนขึ้นมาทันทีแบบแน่วแน่
“ทำไมจะไม่ได้ก็ข้าจะทำสะอย่าง ถ้าปล่อยประเทศนี้เอาไว้กับเจ้ามีหวังโดนทำลายหรือไม่ก็โดนพวกขุนนางก่อกบฏกันแน่”
หลังโดนสวนไปสายตาท่าทางแน่วแน่ของเฮสเฟียร์ก็หายไป แล้วก้มหน้ามองลงต่ำอีกครั้ง ไอความมั่นใจในคำพูดไม่ได้เมื่อกี้มันหายไปไหนหมด แต่เอาเถอะเรื่องนี้เองทางผมก็เห็นด้วยเหมือนกันเพราะเฮลเฟียร์ต้องไปฝึกอีกเยอะ เรื่องการต่อสู้นะได้หมดแล้วเรียกว่าอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ แต่เรื่องสามัญสำนึกกับมารยาทต้องเอาไปดัดใหม่ทั้งหมด สมควรแล้ว!
“คือว่า… ข้าขอเวลาสัก 10 นาที ได้ไหม?”
“อะไรอีก”
ราชินีภูติส่วนกลับทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ… ไม่สิ! ไม่ใช่แค่น้ำเสียงแต่สีหน้าของเธอเองก็แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน อารมณ์เสียกับเฮสเฟียร์ก็อารมณ์เสียคนเดียวสิอย่ามาเหมารวมฉันเข้าไปด้วย
“ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลย ระหว่างกินก็เกิดเรื่องก่อน”
“ออ! พูดออกมาแต่แรกก็จบแล้วงั้นก็รีบกินรีบออกมา”
“ครับ”
“ข้าเองก็ยังไม่ได้กินเพรา-”
“เจ้าอยู่นี่ข้ากับเจ้ามีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายเรื่อง”
“ค่ะ…” เฮสเฟียร์ตอบแบบเสียงอ่อนแล้วส่งสายตาน่าสงสารมองมาทางผมแบบหางตา ราวกับว่ากำลังจะขอให้ช่วย
แต่เสียใจด้วยนะ เวลานี้เธอต้องช่วยตัวเองแล้วละ