King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 195 ตำแหน่งแสนยุ่งยาก
ตอนที่ 195 ตำแหน่งแสนยุ่งยาก
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่เฮสเฟียร์เล่ามาผมก็พอจับใจความได้หลายอย่าง แล้วก็ได้ทำให้หลายข้อสงสัยของผมหายไปเช่นกัน ตามเท่าที่รู้ได้ก็คือ การชิงตำแหน่งของราชินีภูติคนต่อไปจัดขึ้นแบบใครสมัครก็ได้ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือขุนนาง ขอเพียงแค่แข็งแกร่งก็ตามที่กำหนดก็พอ ซึ่งเงื่อนไขก็มีเพียงสองอย่าง
หนึ่งอายุไม่เกิน 20 ปี
สองพลังเวทย์ต้องไม่ต่ำกว่าขั้นกลาง
หลังจากได้ตัวผู้สมัครก็จะมีวิธีการคัดเลือกหลายต่อหลายอย่างเกิดขึ้น เพื่อคัดตัวผู้สมัครออกไปเรื่อยๆ แต่ทว่าพวกที่โดนคัดออกมาก็ยังมีสิทธิ์อยู่ถ้าผู้มีสิทธิ์ทำอะไรผิดพลาด หรือขาดความสามารถอะไรไปก็ขึ้นมาแทนได้ทันทีตามลำดับที่มีสิทธิ์ แล้วตอนนี้ตัวเฮสเฟียร์ก็ครองอันดับหนึ่งในผู้สืบทอดอยู่
ส่วนอันดับสองก็คือลูกของดยุคฮาฟที่พยามใส่ไฟให้ผมไปโจมตีกลุ่มเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งถ้าผมไปจริงทางเฮสเฟียร์ก็คงไม่อยู่เชยแล้วตามไปแน่เพื่อหยุดการต่อสู้ เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็คงจะไม่มีคุณสมบัติในการเป็นราชินีภูติ
หึหึ! แผนของมันเป็นแบบนี้เอง
“เข้าใจทั้งหมดแล้วใช่ไหม เพราะงั้นถ้านายทำอะไรฉันก็จะโดนไปด้วยอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นไป แต่ว่าพวกมันไม่มีใครรอดชีวิตคงไม่มีใครไปรายงานเรื่อง-”
“ใครบอกไม่มี!”
“เอ่ะ!?!?!?” เฮสเฟียร์อุทานแล้วทำหน้าตกใจ “นายกำลังพูดเรื่องอะไร พวกเราฆ่ามันไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอมันจะมีใครไปรายงาน”
ใบหน้าของเธอตอนถามเต็มไปด้วยความร้อนรน แต่ก็แน่ละจะที่แสดงอาการออกมาแบบนั้น เพราะระหว่างกำลังสู้เมื่อครู่ผมสัมผัสถึงพลังได้สองจุดเป็นพลังเวทย์ขั้นกลางทั้งสองคนตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเดินทางผ่านมา
แต่เมื่อผมเริ่มลงมือพวกมันก็รีบไปกันทันที โดยมีเป้าหมายลงไปทางทิศใต้หรือก็คือกำลังตรงไปยังเมืองหลวงนั่นเอง เฮ้อ~ ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วเชียว แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้คงช่วยไม่ได้
“เมื่อครู่หลังจากที่ข้าลงมือมีภูติสองคนหนีไป เป้าหมายของพวกมันน่าจะเป็นเมืองหลวง”
“ละ แล้วนายไปฆ่าพวกมันละ!!!”
เฮสเฟียร์ขมวดคิ้วมองผมได้สายตาไม่พอใจ
จะบ้าหรือไงยัยนี่! ถ้าเจอใครแล้วต้องฆ่าหมดฉันก็เป็นฆาตกรโรคจิตนะสิ อยากจะตอบออกไปแบบนี้อยู่หรอกแต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาเถียงกับเธอ เพราะพวกนั้นอาจจะแวะติดต่อข่าวเรื่องนี้ไปหาดยุคฮาฟตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ต้องจัดการพวกมันทั้งสองคนก่อนให้เร็วที่สุด
เมื่อคิดได้ผมก็เบนหน้าไปทางลาฟเชียร์ที่นอนหมดสติอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะแกะเชือกกับผ้าปิดปากออกแล้วแต่เธอก็ยังไม่ตื่น แต่เมื่อกี้ผมลองตรวจสอบร่างกายของเธอดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติอีกไม่นานก็น่าจะได้สติ เพราะงั้นหายห่วงเธอได้!
อีกอย่างการที่ไม่ตื่นมาตอนนี้ก็เป็นผลดีด้วย เพราะถ้าได้สติกลับมาตอนอยู่ในห้องตัวเองมันจะได้ไม่กระทบกับจิตใจของเธอมากนัก
“เธอพาลาฟเชียร์กลับไปบ้านก่อน เดี๋ยวข้าไปคิดบัญชีเรื่องนี้แล้วตามเก็บตามกวาดปัญหากับดยุคฮาฟให้เรียบร้อยแล้วจะตามไป”
“เดี๋ยวๆ!” เฮสเฟียร์ชูมือทั้งสองออกมา พร้อมเสียงสูง “นายกำลังจะบอกว่าจะไปจัดการกับดยุคฮาฟงั้นเหรอ?”
“ใช่!”
“ใช่บ้าอะไรละ! จำไม่ได้หรือไงก่อนที่พวกเราออกมาคุยอะไรกันเอาไว้ ห่ะ!!!”
ใบหน้าของเฮสเฟียร์บ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน
ยังจะกล้ามาพูดแบบนั้นอีก เรื่องทั้งหมดมันก็เกิดเพราะเธอที่ไม่สามารถสู้พวกนั้นได้ไม่ใช่หรือไง ชิ! ชักรำคาญยัยนี่แล้วสิ…
“ทำตามที่บอกสะ ข้าไปก็จริงแต่ก็แค่ไปฆ่ามันไม่ได้ทำลายทั้งตระกูล แล้วเพียงทำให้มันกลายเป็นฝีมือของนักฆ่าสะก็จบ”
“นักฆ่า?”
เฮสเฟียร์เอียงคอแบบสงสัย
การจัดการมันไม่จำเป็นที่ผมต้องแสดงตัวตนหรอก การปลอมตัวเป็นนักฆ่าไปจัดการกับมันก็ไม่ได้ยากเย็รนอะไรขนาดนั้น ถึงตัวมันจะเป็นดยุคก็ตาม แต่ถ้าโดนโจมตีโดยไม่รู้ตัวคงจัดการได้ไม่ยากเท่าไหร่
พลังของผมเองก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นด้วย ต่อให้ไม่ต้องใช้ร่างจำแลงอสูรในการต่อสู้ก็สามารถจัดการกับทหารระดับสูงหลักสิบคนได้ไม่ยากอะไร แต่ตอนนี้ต้องคุยกับเฮสเฟียร์ให้เข้าใจก่อน
“ไม่ต้องสงสัย เดี๋ยวยังไงถ้าจัดการเสร็จแล้วเธอก็รู้เองรับรองว่าพวกมันไม่มีทางสืบมาถึงข้าแน่นอน”
“แน่ใจงั้นเหรอ”
เฮสเฟียร์แสดงสีหน้าแบบไม่เชื่อ
“แน่นอน!”
เมื่อตอบยืนยันไปเฮสเฟียร์ก็เบนสายตาลงต่ำเล็กน้อยราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็เอาเถอะถ้ายัยนี่ไม่ตกลงผมก็ไปอยู่ดีนั่นแหละ แต่ถ้ายอมตกลงเรื่องมันก็ง่ายขึ้นเยอะในหลายต่อหลายอย่าง เพราะงั้นให้เวลาคิดหน่อยแล้วกัน
…
….
…..
ในเวลาต่อมา
ชักจะนานเกินไปแล้วนะ นี่คิดคำตอบหรือคิดแผนการรบกันแน่แม่คุณ เฮ้อ~
หลังจากที่เธอเริ่มคิดตอนนี้มันก็ผ่านมาประมาณสองถึงสามนาทีเข้าไปแล้ว ตอนแรกก็แสดงท่าทางเบนสายตาลงตำแต่ตอนนี้เอามือท้าวค้างต่อแบบคิดหนักมากไปอีก อีกอย่างหน้าตาของเธอก็จริงจังมากด้วยเหมือนกับสีหน้าของแม่ทัพวางแผนการรบเพื่อตัดสินในสงครามยังไงยังงั้น เหอะๆ
“อีกนานไหม…”
“ฉันกำลังตัดสินใจอยู่ นายคิดว่าเรื่องแบบนี้มันตัดสินใจง่ายหรือไง!!!”
เฮสเฟียร์ตะโกนเสียงดังเหมือนคนอารมณ์เสียเป็นการตอบกลับ แล้วก็อยู่ในท่ากำลังคิดต่อ
มันจะยากอะไร? ชักเริ่มหมดความอดทนที่ต้องรอการตัดสินใจแล้วสิ
“หมดเวลา! เธอพาลาฟเชียร์กลับไปบ้านข้าจะไปจัดการเอง ตอนนี้ไม่มีเวลามาเสียเวลาคิดแบบนี้แล้ว เพราะถ้าเจ้าสองคนที่หนีไปออกจากขอบเขตเวทย์ตรวจสอบของข้ามันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากในการตามตัว”
พูดจบผมก็กลายเป็นร่างจำแลงอสูรอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ปีกลอยตัวเองขึ้นฟ้าหันตรงไปยังทิศทางที่สัมผัสพลังของพวกมันได้ ส่วนทางเฮาเฟียร์ก็แสดงสีหน้าหนักใจระหว่างมองผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ถึงแม้ว่าจะพูดอะไรออกมาตอนนี้ก็หยุดอะไรผมไม่ได้อยู่ดี ซึ่งตัวเธอก็น่าจะรู้ดีเลยไม่พูดอะไรออกมาและได้แต่มองแบบสายตาหนักใจแบบนั้น
เอาละได้เวลาคิดบัญชีแล้ว รอก่อนนะ ดยุคฮาฟ!!!!