King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 166 บททดสอบแรก
ตอนที่ 166 บททอสอบแรก
ณ ห้องครัวของคฤหาสน์
หลังจากที่ผมเดินตามเอ็ดเน่มาสกพักเธอก็พาลาฟเชียร์ดินมาถึงห้องครัว โดยมีพวกผมสามคนกำลังยืนดูอยู่ห่างๆ ภายในห้องตอนนี้ก็มีพวกเมดรับใช้ที่กำลังทำอาหารอยู่ต่างก็พากันมองด้วยความสงสัยกัน
ระหว่างนั้นเทเลอร์ถามขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่กำลังมองไปทางลาฟเชียร์ด้วยท่าทางเป็นห่วงว่า “ท่านดรารอน์ปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีเหรอครับ?”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะเข้าไปหยุดได้ยังไง”
“นะ… นั่นสินะครับ”
ยังไงตอนนี้ก็ปล่อยให้เอ็ดเน่ทำตามใจไปก่อนก็แล้วกัน เพราะยังไงสะมันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกถ้าเธอทำแบบนี้อย่างมากมันก็แค่การทดสอบทำอาหารเท่านั้นแหละ
ทางด้านของลาฟเชียร์ ตอนนี้ก็กำลังมองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัยอะไรบางอย่างกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้ด้วย แต่ก็แอบยิ้มอ่อนๆ ออกมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
เหมือนดับว่ากำลังชอบใจอยู่
“ท่านเอ็ดเน่ ท่านกำลังจะทดสอบอะไรคะ???”
“เธอต้องทำอาหารให้ข้าดู และจะมีคนกำหนดเมนูอาหารให้”
“อาหาร”
“ถูกต้อง เพราะเธอบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าสามารถทำงานบ้านได้ทั้งหมด เพราะงั้นเรื่องของอาหารเองก็ต้องทำเป็นเหมือนกัน”
เอ็ดเน่พูดพร้อมกับใบหน้ายิ้มอ่อนๆ
ตามจริงสิ่งที่เอ็ดเน่จะทำมันก็ดีเหมือนกันเพราะถ้าลาฟเชียร์สามารถทำอาการได้คนที่จะได้รับผลประโยชน์มันก็เป็นผมนี่แหละ
เพราะอยู่ที่นั่นผมจะได้มีเวลาในการฝึกและดูดซับพลังแบบเต็มที่ ไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องอาหารเอง เพราะยังไงสะการมีคนของตัวเองทำอาหารให้มันก็สบายใจและถูกปากว่าคนของราชินีภูติทำให้แน่นอน
แล้วอีกอย่าง ก็เคยได้ยินมาด้วยว่าอาหารประเทศภูติ มันไม่อร่อยเลย!
อื้ม!
ถ้างั้นก็ไม่ต้องเข้าไปหยุดดีกว่า จะได้เห็นวิธีทำอาหารของเธอด้วย
“เรื่องอาหารก็พอเข้าใจนะคะ แต่ท่านต้องการให้ข้าทำอาหารแบบไหน แบบขุนนาง แบบสามัญชน แบบอาหารต้อนรับ แบบอาหารชีวิตประจำวัน แบบอาหารหน้าหนาว หรือแบบอาหารประเทศอื่น หรือจะเอา-”
“ยะ… หยุดก่อน”
ระหว่างที่ลาฟเชียร์กำลังถาม เอ็ดเน่ก็หยุดเอาไว้ก่อนพร้อมกับใบหน้าเจ็บใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้ชนิดอาหารที่ลาฟเชียร์ถามตนอยู่ จบกัน! ตอนแรกจะมาทดสอบเขาแต่ตอนนี้กลับมีความรู้ด้านอาหารไม่เท่าสะนิ
เฮ้อ~
“หะ… หัวหน้าเมด”
“ค่ะ องค์หญิง”
“ฝากจัดการทดสอบผู้หญิงคนนี้ด้วย เอาแบบที่สามารถแต่งงานได้เลย”
“รับทราบคะ”
เอ๋~
สุดท้ายก็ให้หัวหน้าเมดมารับผิดชอบเหรอเนี่ย
เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นก็คงโดนบ่นไปแล้วละ แต่นี่เป็นเจ้าหญิงไงทุกคนก็เลยไม่มีใครพูดออกมา ขนาดทางลาฟเชียร์ยังยิ้มอ่อนๆ ออกมาเลย
พวกเมดรับใช้ที่กำลังทำอาหารกันก็กำลังหัวเราะกันออกมาด้วย เหอะๆ
สำหรับหัวหน้าเมดที่เอ็ดเน่เรียกเข้ามาช่วยนั้นเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 50 ปี ผมสีดำ ร่างกายสมส่วน สวมชุดเมดเหมือนกับคนอื่นแต่ผ้ากันเปื้อนคาดเอวเป็นสีดำแสดงความแตกต่างจากเมดรับใช้คนอื่น และก็เป็นคนที่เชียวฉานเรื่องการทำอาหารที่สุดในคฤหาสน์นี้ด้วย
จากนั้น
“ท่านลาฟเชียร์สินะคะ”
“ค่ะ คุณหัวหน้าเมด”
“ดิฉันก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับท่านหรอกนนะคะ แต่วในเมื่อมันเป็นคำสั่งของท่านเอ็ดเน่แบบนี้ทางดิฉันเองก็ไม่สามารถออมมือให้ได้ เตรียมใจเอาไว้ด้วยคะ”
มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลคะ ทางฉันเองก็ไม่ได้หวังให้ออมมือให้อยู่แล้วเช่นกัน”
หว่า~
ไม่คิดเลยว่าลาฟเชียร์จะแสดงด้านแบบนี้ออกมาได้ด้วย คำพูดแบบนี้ผมเข้าใจดีเลยเพราะเคยเจอมาบ่อยในชาติก่อน มันเป็นคำพูดของคนที่มั่นใจในตัวเองมาก อย่างเช่นตอนนี้ ลาฟเชียร์ก็คงมั่นใจตัวเองมากว่าเธอจะสามารถทำอาหารได้ แล้วผ่านตามที่เอ็ดเน่เสนอไปเมื่อครู่ แถมยังพูดกับหัวหน้าเมดอบบธรรมชาติแบบนั้นอีก
ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ!
จากนั้นทั้งหัวหน้าเมดและลาฟเชียร์ก็เดินตรงไปที่ครัว และหยุดอยู่ที่ด้านหน้าตู้เก็บวัตถุดิบกันสองคน ส่วนทางเอ็ดเน่ก็กำลังมองไปทางลาฟเชียร์ด้วยท่าทางแบบผู้ชนะ ซึ่งหน้าตาแบบนั้นมันก็ไม่ได้เกินจริงไปหรอกกับกฏที่ตั้ง ที่ว่าต้องทำอาหารที่ทุกคนในห้องยอมรับ
เท่าที่ดูคนในห้องนี้ก็มีเกือบ 20 คน
แล้วอีกอย่าง
หัวหน้าเมดของคฤหาสน์แห่งนี้มีฉายาที่เรียกกันว่า ‘เจ้าแม่แห่งการทดสอบ’ เพราะก่อนที่ใครจะเข้าทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้ต้องผ่านเธอก่อน เพื่อตรวจสอบทั้งหมดทุกเรื่องว่ามีความสามารถพอไหม
อย่างเมื่อเดือนก่อน
มีคนเดินทางเข้ามาสมัครทำงาน 100 คน เธอก็ทดสอบจนรับมาแค่ 1 คน เพียงเท่านั้น
ส่วนหนึ่งคนที่รับเข้ามาทำงานก็เก่งมากด้วย ทั้งเรื่องอาหาร ทำความสะอาด การพูดจาและท่าทางการวางตัวในการทำงาน
“ท่านลาฟเชียร์ต้องการทำอาหารแบบไหนคะ”
“ซุปคะ!”
“โห่ว! รู้สึกว่าทางท่านก็ทำการบ้านเกี่ยวกับท่านดรารอน์มาเหมือนกันสินะคะ ที่รู้ว่าท่านดรารอน์ชอบกินซุบช่วงเช้าและช่วงเย็นของทุกวัน”
“แน่นอนคะ”
เอ่ะ!
พวกนั้นกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ จำไม่ได้เลยว่าเราไปชอบกินซุปตอนไหน ก็เห็นว่ามันวางใกล้มือเท่านั้นแหละก็เลยเอามากิน และเห็นทุกคนกินด้วยก็เลยกินตามไปบวกกับรสชาติของมันไม่ได้แย่ก็เลยกินเท่านั้นเอง เข้าใจผิดกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นสักหน่อย???
ส่วนทางเอ็ดเน่ตอนนี้ก็กำลังมองมาทางผมด้วยแววตาไม่พอใจอะไรบางอย่าง อะไรมองพี่แบบนั้นมันหมายความว่ายังไงอีก ทางพี่เองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักหน่อย อันนั้นหัวหน้าเมดกับลาฟเชียร์คิดเองนะ
“ชิ” เนสก้าด้านข้างผมพูดขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มพรึมพรำต่อเหมือนกับว่าพูดคนเดียว “ขนาดตัวเราเองยังไม่รู้เลยว่าท่านดรารอน์ชอบกินซุป ทำไมสองคนั้นถึงได้รู้กันขนาดนี้”
ใจเย็นสิเนสก้า
ความคิดของเธอมันดังออกมาจนฉันได้ยินแล้วนะ แล้วอีกอย่า งฉันเองก็ไม่ได้ชอบกินซุปแบบที่ทั้งสองคนเข้าใจกันสักหน่อยเธอก็อย่าเข้าใจผิดตามพวกนั้นไปสิ เฮ้อ~
“เอาละคะท่านลาฟเชียร์ถ้างั้นพวกเราจะมาทำซุปเห็ดกันนะคะ เพราะมันจะช่วยเรื่องของการบำรุงร่างกายได้ ท่านสามารถทำได้ใช่ไหม”
“ตามที่คุณหัวหน้าเมดกำหนดมาเลยคะ ทางฉันสามารถทำได้หมดเมื่อท่านต้องการที่จะทดสอบ พะ… เพราะข้า…ตะ เตรียมตัวทุกอย่างมาก็พะ…เพื่อวะ… วันแบบนี้”
ปัดโถ่!
เกือบจะเทห์สะแล้วสิถ้าไม่ติดขัดตอนท้าย เมื่อกี้ระหว่างที่กำลังพูดออกมาเมื่อกี้ลาฟเชียร์ก็เบนสายตามองมาทางผมเล็กน้อยขณะที่กำลังพูดประโยคช่วงสุดท้ายด้วยท่าทางเขินอายอีกแล้ว
มันจะอะไรขนาดนั้น
จากนั้นทางเอ็ดเน่ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางที่กำลังยืนกอดอกที่เต็มด้วยความไม่พอใจว่า “ห้ามทำซุปอะไรพวกนั้น ต้องทำอาหารจากสิ่งนั้นจนข้าและคนอื่นในห้องนี้ยอมรับได้เท่านั้น ไม่งั้นก็ถือว่าไม่ผ่าน”
ส่วนสิ่งที่นิ้วของเอ็ดเน่กำลังชี้ไปที่ตอนี้ก็คือ ไข่!