ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 127 จุดรับเดิมพัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 129 ป่าวประโยชน์

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 128 จุดเตรียมตัว


ณ จุดเตรียมตัวของสนามประลอง

หลังจากที่ผมจัดการเรื่องเดิมพันเสร็จผมก็ตรงมาที่นี่ทันทีเพราะตอนนี้มันเหลืออยู่ประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้แล้ว รอบตัวของผมตอนนี้เป็นห้องสี่เหลียมขนาดใหญ่พอตัว ถูกสร้างด้วยอิฐอย่างดีมีประตูเข้าออกเพียงทางเดียว

" ท่านแน่ใจนะครับองค์ชาย ว่าท่านจะใช้ขวานศึกออกไปประลองในงาน?!?! "

เอลฟ์ที่เป็นกรรมการตรวจสอบอาวุธด้านหน้าพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ขณะที่กำลังถือขวานศึกของผมอยู่ และตรวจสอบมันอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ สิ่งที่หมอนี่กำลังทำอยู่เรียกว่า ตรวจสอบอาวุธผู้แข่งขัน! ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอาจจะมีนักสู้ที่ใช้อุปกรณ์เวทย์มนต์เข้ามาช่วยสู้ มันก็เลยต้องมีกรรมการตรวจสอบอาวุธของผู้ลงแข่งแบบนี้

พวกประเทศอื่นระไม่เท่าไหร่ แต่ประเทศทาซัสขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เวทย์มนต์กันอยู่แล้ว ทำให้มีการตรวจสอบแบบนี้ แต่ตรวจแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ถึงจะไม่ดีมันก็ตรงที่หมอนี่กำลังดูถูกขวานศึกของมอยู่นี่แหละ เจอตลอดเลยคนแบบนี้!

" ใช่! ข้าจะใช้มันเป็นอาวุธลงแข่ง "

ผมยืนยันเรื่องขวานศึกออกไป

" อย่างเดียวเหรอครับ? "

" ใช่! "

" ข้าเกรงว่ามันจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นนะครับ ท่านเป็นถึงองค์ชานประเทศเมซัสแต่มาใช้ของแบบนี้เพื่เข้าสู้ ข้าคิดว่าน่าจะใช้เป็นดาบมากกว่า- "

" ไม่จำเป็น! เรื่องอาวุธยังไงก็ช่างขอแค่ชนะมันก็ทำช่ือเสียงให้กับประเทศได้แล้ว จริงไหม? "

ตามจริงมันก็อาจจะเป็นแบบที่หมอนี่พูดออกมานั่นแหละ หมอนี่พูดกับผมก็อาจจะเตือนเพราะความหวังดี ในสายตาคนบนโลกใบนี้ดาบเป็นอาวุธที่มีเกียติที่สุด แต่แล้วทำไมแค่ชนะได้ที่ 1 จะอาวุธแบบไหนมันก็ดีไปเองนั่นแหละ

" ถ้าท่านว่าแบบนั้นก็ได้ครับ... "

กรรมการพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหมดทางเลือก และก็ส่งขวานศึกที่อยู่ในมือคืนให้กับผมทันที จากนั้นก็ได้เริ่มพูดต่ออีกว่า " เชิญท่านออกไปได้เลยครับ ทางแชงค์เองก็น่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้วด้วย "

" อ่า! "

############

ณ สนามประลอง

" โอววว!!!! "

" โอวววว!!!! "

" โอววววว!!!! "

หลังจากที่ผมเดินออกมาจากทางฝั่งของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงของพวกคนที่อยู่ตามอัศจรรย์ดังขึ้นมาทันที เสียงโห่วร้องดังลั่นทั่วสนามประลองในตอนนี้ ส่วนตรงใจกลางของสนามประลองตอนนี้ก็มีแชงค์กับเดียโรกำลังยืนอยู่ก่อนแล้ว ตัวของเดียโรก็ทำสีหน้าแปลกใจออกมาให้เห็นทันทีหลังจากพยามกวาดสายตามองรอบตัวของผมสักพักเมื่อคู่

ซึ่งเรื่องที่หมอนั่นกำลังกวาดสายตาเพื่ออะไรอยู่มันก็เดาได้ไม่ยากหรอก หมอนั่นต้องกำลังพยามกวาดสายตาหาอาวุธอื่นนอกจากขวานศึกของผมแน่นอน แต่พอหาไม่เจอก็ทำสีหน้าออกมาแบบนั้นแทนเพราะแปลกใจ

เมื่อผมเดินถึงกลางสนาม

" องค์ชายท่านใช้ขวานศึกเพียงอย่างเดียวสู้เหรอ "

เดีนโรก็เริ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย และพูดไม่ดังมากโดยให้ผมได้ยินเท่านั้น ไม่ได้ใช้เวทย์เพิ่มเสียงแบบทุกครั้ง

" ใช่! "

" อะ.... อ่า ถ้าท่านยืนยันมาแบบนั้นตัวข้าเองก็ไม่มีอะไรคัดค้าน "

พูดจบเดียโรก็เริ่มใช้เวทย์ขยายเสียงอีกครั้ง แล้วเริ่มพูดต่อ " เอาละครับ เนื่องด้วยข้อมูลของนักสู้ต้องปกปิดเอาไว้ทางข้าก็เลยไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ในส่วนของแชงค์ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วเพราะเห็นเขาต่อสู้้มาก่อน ส่วนองค์ชายดรารอน์ทุกคนต้องลุ้นพลังของเขาเองนะครับ- "

ตามจริงพวกแกก็แค่ต้องการปิดบังพลังของฟารอสมันไม่ใช่หรือไง อ้างไปทั่วจริงๆ-

" ถ้างั้นพวกเรามาเตรียมดูการต่อสู้ของทั้งสองคนได้เลยครับ "

พูดจบเดียโรก็ถอยร่นลงไปเพื่อเว้นระยะห่างกับพวกนักสู้แบบทุกครั้งทันที เมื่อได้ระยะประมาณ 10 เมตร ก็เริ่มตะโกนออกมาว่า " เริ่มได้!!! "

ทันทีที่เริ่มเสียงสัญญาณขึ้น

" บอลไฟ!

แชงค์มันก็เริ่มใช้เวทย์ทันทีโดยชูสองมือออกมาด้านหน้าของมัน และปล่อยเวทย์บอลไฟขนาดประมาณหัวคนออกมาจากมือทั้งสองข้าง ไม่คิดเลยว่ามันจะเริ่มด้วยการโจมตีด้วยเวทย์แบบนี้

" กำแพงไฟ!

ผมเองก็เริ่มใช้เวทย์เหมือนกันโดยเวทย์ที่ผมใช้มันจะเป็นเหมือนกำแพงดิน แต่ว่ามันจะเป็นไฟแทน ทำให้ในตอนนี้มีไฟลุกขึ้นเป็นกำแพงสูงประมาณ 3 เมตร ที่ด้านหน้าของผม ตามจริงการป้องกันในระยะแบบนี้มันต้องใช้กำแพงดินป้องกันถึงจะได้ผลการป้องกันที่ดีที่สุด แต่ผมเขียนในใบข้อมูลไปว่ามีเวทย์ธาตุไฟก็เลยต้องเล่นให้เนียลที่สุด ถ้าไม่จำเป็นจริงก็ใช้แค่เวทย์ไฟก็พอ

ฟูม!!

ฟูม!!!

ฟูม!!!

เวทย์บอลไฟที่กำลังพุ่งเข้ามาตอนนี้มันก็พุ่งเข้ามาและหายไปหมด มันก็เหมือนกับโยนน้ำใส่น้ำนั่นแหละ ยังไงมันก็ทำอะไรกำแพงไฟของผมไม่ได้หรอก เหอะๆ

ณ จุดที่เดฟีเรียและแลนด์กรีสนั่งอยู่

" เดฟีเรียไอเวทย์ไฟเป็นกำแพงนั่นมันอะไร เจ้าเป็นคนสอนเหรอ??? "

แลนด์กรีสพรึมพรัมด้วยน้ำเสียงสงสัยหลังจากที่เห็นเวทย์กำแพงไฟของดรารอน์ตอนนี้ เพราะโดยปกติแล้วเวทย์ไฟจะไม่โดนเอามาใช้ป้องกันแต่จะเน้นโจมตี และเวทย์กำแพงไฟของดรารอน์ตอนนี้ก็ทำให้แลนด์กรีสแปลกใจมาก

" คิดว่าข้าใช้เวทย์อะไร จะไปสอนเวทย์ธาตุไฟแบบนั้นได้ยังไง "

เดฟีเรียตอบกลับด้วน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย

" นั่นสินะ งั้นก็แปลว่าเจ้านั่นมันคิดขึ้นมาเองนะสิ"

" มันก็คงเป็นแบบนั้นแหละ เห็นเฮสเฟียร์ที่เป็นร่างจำแรงอสูรของสัตว์เทพว่าสุดยอดแล้ว นึกว่ามันจะมีคู่แข่ง แต่พอเอามาเปรียบเทียบกับเจ้านี่มันก็คนละระดับอยู่ดี เฮ้อ~ "

เดฟีเรียพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ ขณะที่กำลังพูดถึงเรื่องของดรารอน์กับเฮสเฟียร์ตามจริงการที่เป็นร่างสัตว์เทพเหมือนกันมันก็ยังไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่า พลังเวทย์! ความสามารถ! ธาตุเวทย์! ดรารอน์อยู่เหนือกว่าทั้งหมด แถมยังสามารถคิดค้นเวทย์แปลกใหม่อย่างเวทย์กำแพงไฟได้อีก ทำให้เดฟีเรียสามารถพูดออกมาได้เต็มปากว่าดรารอน์เหนือกว่าเฮสเฟียร์

" นั่นสินะ!

แลนด์กรีสพูดด้วยน้ำเสียงเห็นด้วย เพราะตัวของแลนด์กรีสเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างจากเดฟีเรียสักเท่าไหร่นัก แล้วก็พรางคิดในใจไปด้วยขณะที่พูดออกมา ' ตามจริงก็อยากลงไปจัดกาเจ้าเด็กที่ชื่อแชงค์ด้วยตัวเองอยู่หรอก แต่ถ้าให้เจ้าดรารอน์มันจัดการก็คงวางใจได้ เพราะถ้ามันไม่แขนขาดสักข้างเราเองนี่แหละที่จะไปจัดการมันเอง ' ถึงแม้ว่าตอนนี้แลนด์กรีสจะเหมือนไม่ได้โกรธอะไรมากในตัวแชงค์ให้เห็น แต่ในความคิดตอนนี้มีความแค้นกับแชงค์อย่างมาก ถึงสิ่งที่ได้ทำกับเอเนเชียร์เอาไว้้พอสมควร!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด