King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 128 จุดเตรียมตัว
ณ จุดเตรียมตัวของสนามประลอง
หลังจากที่ผมจัดการเรื่องเดิมพันเสร็จผมก็ตรงมาที่นี่ทันทีเพราะตอนนี้มันเหลืออยู่ประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้แล้ว รอบตัวของผมตอนนี้เป็นห้องสี่เหลียมขนาดใหญ่พอตัว ถูกสร้างด้วยอิฐอย่างดีมีประตูเข้าออกเพียงทางเดียว
" ท่านแน่ใจนะครับองค์ชาย ว่าท่านจะใช้ขวานศึกออกไปประลองในงาน?!?! "
เอลฟ์ที่เป็นกรรมการตรวจสอบอาวุธด้านหน้าพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ขณะที่กำลังถือขวานศึกของผมอยู่ และตรวจสอบมันอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ สิ่งที่หมอนี่กำลังทำอยู่เรียกว่า ตรวจสอบอาวุธผู้แข่งขัน! ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอาจจะมีนักสู้ที่ใช้อุปกรณ์เวทย์มนต์เข้ามาช่วยสู้ มันก็เลยต้องมีกรรมการตรวจสอบอาวุธของผู้ลงแข่งแบบนี้
พวกประเทศอื่นระไม่เท่าไหร่ แต่ประเทศทาซัสขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เวทย์มนต์กันอยู่แล้ว ทำให้มีการตรวจสอบแบบนี้ แต่ตรวจแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ถึงจะไม่ดีมันก็ตรงที่หมอนี่กำลังดูถูกขวานศึกของมอยู่นี่แหละ เจอตลอดเลยคนแบบนี้!
" ใช่! ข้าจะใช้มันเป็นอาวุธลงแข่ง "
ผมยืนยันเรื่องขวานศึกออกไป
" อย่างเดียวเหรอครับ? "
" ใช่! "
" ข้าเกรงว่ามันจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นนะครับ ท่านเป็นถึงองค์ชานประเทศเมซัสแต่มาใช้ของแบบนี้เพื่เข้าสู้ ข้าคิดว่าน่าจะใช้เป็นดาบมากกว่า- "
" ไม่จำเป็น! เรื่องอาวุธยังไงก็ช่างขอแค่ชนะมันก็ทำช่ือเสียงให้กับประเทศได้แล้ว จริงไหม? "
ตามจริงมันก็อาจจะเป็นแบบที่หมอนี่พูดออกมานั่นแหละ หมอนี่พูดกับผมก็อาจจะเตือนเพราะความหวังดี ในสายตาคนบนโลกใบนี้ดาบเป็นอาวุธที่มีเกียติที่สุด แต่แล้วทำไมแค่ชนะได้ที่ 1 จะอาวุธแบบไหนมันก็ดีไปเองนั่นแหละ
" ถ้าท่านว่าแบบนั้นก็ได้ครับ... "
กรรมการพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหมดทางเลือก และก็ส่งขวานศึกที่อยู่ในมือคืนให้กับผมทันที จากนั้นก็ได้เริ่มพูดต่ออีกว่า " เชิญท่านออกไปได้เลยครับ ทางแชงค์เองก็น่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้วด้วย "
" อ่า! "
############
ณ สนามประลอง
" โอววว!!!! "
" โอวววว!!!! "
" โอววววว!!!! "
หลังจากที่ผมเดินออกมาจากทางฝั่งของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงของพวกคนที่อยู่ตามอัศจรรย์ดังขึ้นมาทันที เสียงโห่วร้องดังลั่นทั่วสนามประลองในตอนนี้ ส่วนตรงใจกลางของสนามประลองตอนนี้ก็มีแชงค์กับเดียโรกำลังยืนอยู่ก่อนแล้ว ตัวของเดียโรก็ทำสีหน้าแปลกใจออกมาให้เห็นทันทีหลังจากพยามกวาดสายตามองรอบตัวของผมสักพักเมื่อคู่
ซึ่งเรื่องที่หมอนั่นกำลังกวาดสายตาเพื่ออะไรอยู่มันก็เดาได้ไม่ยากหรอก หมอนั่นต้องกำลังพยามกวาดสายตาหาอาวุธอื่นนอกจากขวานศึกของผมแน่นอน แต่พอหาไม่เจอก็ทำสีหน้าออกมาแบบนั้นแทนเพราะแปลกใจ
เมื่อผมเดินถึงกลางสนาม
" องค์ชายท่านใช้ขวานศึกเพียงอย่างเดียวสู้เหรอ "
เดีนโรก็เริ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย และพูดไม่ดังมากโดยให้ผมได้ยินเท่านั้น ไม่ได้ใช้เวทย์เพิ่มเสียงแบบทุกครั้ง
" ใช่! "
" อะ.... อ่า ถ้าท่านยืนยันมาแบบนั้นตัวข้าเองก็ไม่มีอะไรคัดค้าน "
พูดจบเดียโรก็เริ่มใช้เวทย์ขยายเสียงอีกครั้ง แล้วเริ่มพูดต่อ " เอาละครับ เนื่องด้วยข้อมูลของนักสู้ต้องปกปิดเอาไว้ทางข้าก็เลยไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ในส่วนของแชงค์ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วเพราะเห็นเขาต่อสู้้มาก่อน ส่วนองค์ชายดรารอน์ทุกคนต้องลุ้นพลังของเขาเองนะครับ- "
ตามจริงพวกแกก็แค่ต้องการปิดบังพลังของฟารอสมันไม่ใช่หรือไง อ้างไปทั่วจริงๆ-
" ถ้างั้นพวกเรามาเตรียมดูการต่อสู้ของทั้งสองคนได้เลยครับ "
พูดจบเดียโรก็ถอยร่นลงไปเพื่อเว้นระยะห่างกับพวกนักสู้แบบทุกครั้งทันที เมื่อได้ระยะประมาณ 10 เมตร ก็เริ่มตะโกนออกมาว่า " เริ่มได้!!! "
ทันทีที่เริ่มเสียงสัญญาณขึ้น
" บอลไฟ!
แชงค์มันก็เริ่มใช้เวทย์ทันทีโดยชูสองมือออกมาด้านหน้าของมัน และปล่อยเวทย์บอลไฟขนาดประมาณหัวคนออกมาจากมือทั้งสองข้าง ไม่คิดเลยว่ามันจะเริ่มด้วยการโจมตีด้วยเวทย์แบบนี้
" กำแพงไฟ!
ผมเองก็เริ่มใช้เวทย์เหมือนกันโดยเวทย์ที่ผมใช้มันจะเป็นเหมือนกำแพงดิน แต่ว่ามันจะเป็นไฟแทน ทำให้ในตอนนี้มีไฟลุกขึ้นเป็นกำแพงสูงประมาณ 3 เมตร ที่ด้านหน้าของผม ตามจริงการป้องกันในระยะแบบนี้มันต้องใช้กำแพงดินป้องกันถึงจะได้ผลการป้องกันที่ดีที่สุด แต่ผมเขียนในใบข้อมูลไปว่ามีเวทย์ธาตุไฟก็เลยต้องเล่นให้เนียลที่สุด ถ้าไม่จำเป็นจริงก็ใช้แค่เวทย์ไฟก็พอ
ฟูม!!
ฟูม!!!
ฟูม!!!
เวทย์บอลไฟที่กำลังพุ่งเข้ามาตอนนี้มันก็พุ่งเข้ามาและหายไปหมด มันก็เหมือนกับโยนน้ำใส่น้ำนั่นแหละ ยังไงมันก็ทำอะไรกำแพงไฟของผมไม่ได้หรอก เหอะๆ
ณ จุดที่เดฟีเรียและแลนด์กรีสนั่งอยู่
" เดฟีเรียไอเวทย์ไฟเป็นกำแพงนั่นมันอะไร เจ้าเป็นคนสอนเหรอ??? "
แลนด์กรีสพรึมพรัมด้วยน้ำเสียงสงสัยหลังจากที่เห็นเวทย์กำแพงไฟของดรารอน์ตอนนี้ เพราะโดยปกติแล้วเวทย์ไฟจะไม่โดนเอามาใช้ป้องกันแต่จะเน้นโจมตี และเวทย์กำแพงไฟของดรารอน์ตอนนี้ก็ทำให้แลนด์กรีสแปลกใจมาก
" คิดว่าข้าใช้เวทย์อะไร จะไปสอนเวทย์ธาตุไฟแบบนั้นได้ยังไง "
เดฟีเรียตอบกลับด้วน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย
" นั่นสินะ งั้นก็แปลว่าเจ้านั่นมันคิดขึ้นมาเองนะสิ"
" มันก็คงเป็นแบบนั้นแหละ เห็นเฮสเฟียร์ที่เป็นร่างจำแรงอสูรของสัตว์เทพว่าสุดยอดแล้ว นึกว่ามันจะมีคู่แข่ง แต่พอเอามาเปรียบเทียบกับเจ้านี่มันก็คนละระดับอยู่ดี เฮ้อ~ "
เดฟีเรียพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ ขณะที่กำลังพูดถึงเรื่องของดรารอน์กับเฮสเฟียร์ตามจริงการที่เป็นร่างสัตว์เทพเหมือนกันมันก็ยังไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่า พลังเวทย์! ความสามารถ! ธาตุเวทย์! ดรารอน์อยู่เหนือกว่าทั้งหมด แถมยังสามารถคิดค้นเวทย์แปลกใหม่อย่างเวทย์กำแพงไฟได้อีก ทำให้เดฟีเรียสามารถพูดออกมาได้เต็มปากว่าดรารอน์เหนือกว่าเฮสเฟียร์
" นั่นสินะ!
แลนด์กรีสพูดด้วยน้ำเสียงเห็นด้วย เพราะตัวของแลนด์กรีสเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างจากเดฟีเรียสักเท่าไหร่นัก แล้วก็พรางคิดในใจไปด้วยขณะที่พูดออกมา ' ตามจริงก็อยากลงไปจัดกาเจ้าเด็กที่ชื่อแชงค์ด้วยตัวเองอยู่หรอก แต่ถ้าให้เจ้าดรารอน์มันจัดการก็คงวางใจได้ เพราะถ้ามันไม่แขนขาดสักข้างเราเองนี่แหละที่จะไปจัดการมันเอง ' ถึงแม้ว่าตอนนี้แลนด์กรีสจะเหมือนไม่ได้โกรธอะไรมากในตัวแชงค์ให้เห็น แต่ในความคิดตอนนี้มีความแค้นกับแชงค์อย่างมาก ถึงสิ่งที่ได้ทำกับเอเนเชียร์เอาไว้้พอสมควร!