453 - หลี่เหอซุย
.
อันเหมียวอี้มาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ และข่าวก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนหลั่งไหลมายังทางเข้าของตำหนักสราญรมย์คราวกับคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำไม่หยุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคืนนี้จะมีผู้คนมากมายเท่าไหร่มาป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณนี้
อันเหมียวอี้เข้าสู่โลกเป็นข่าวที่ตำหนักสราญรมย์ปล่อยออกมานานแล้ว
นี่คือหญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างตะวันออก การปรากฏตัวของนางย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ในยุคสมัยใหม่นั้นมีหญิงงามมากมาย แม้ว่าอันเหมียวอี้จะเป็นหญิงสาวที่มีความงามเป็นอย่างมาก แต่เย่ฟ่านที่เกิดอยู่ในยุคสมัยใหม่ก่อนจะข้ามมิติมาที่นี่ก็ตื่นเต้นไปกับคนอื่นเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เขาออกจากทะเลสาบแล้วเดินต่อไป สิ่งที่เขาปรารถนามีเพียงต้นกำเนิด การชื่นชมหญิงงามที่ไม่มีโอกาสครอบครองนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระอย่างแท้จริง
หลังจากที่ออกจากทะเลสาบแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในตรอกโบราณที่ปูด้วยหินสีเขียว ไม่ทราบว่าผ่านวันเวลามายาวนานแค่ไหนแล้วแม้แต่หินที่ปูบนพื้นก็ถูกเหยียบจนแทบจะเรียบลื่น
หลังจากเดินจนสุดตรอก เขาก็ทะลุออกมาที่ตลาดขนาดใหญ่และมีความคึกครื้นเป็นอย่างมาก
ย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าตลาดแห่งนี้จะค่อนข้างใหญ่แต่แผงขายของพวกเขากลับมีสภาพทรุดโทรม ทั้งที่บริเวณนี้ต่างก็ขายสินค้าดีๆมากมาย
เย่ฟ่านมองเห็นแก่นทองแดงเขียว ไขกระดูกหยกแดง เลือดศักดิ์สิทธิ์ หินดวงดาว ฯลฯ
วัตถุล้ำค่าหลายประเภทถูกจำหน่ายอยู่บนแผงสินค้า โดยเฉพาะวัสดุที่สามารถนำมาทำค่ายกลซึ่งโดยปกติทั่วไปจะหายากมาก
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านต้องถอนหายใจ เมืองศักดิ์สิทธ์สมควรที่จะเป็นศูนย์กลางของภาคเหนืออย่างแท้จริง แม้แต่ของวิเศษเช่นนี้ก็ยังถูกนำมาขายตามท้องถนน!
"ตราบใดที่เจ้ามีต้นกำเนิดเพียงพอ เจ้าสามารถซื้ออะไรก็ได้"
เขาถอนหายใจ แม้ว่าต้นกำเนิดจะไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้ แต่ก็มีของเพียงจำนวนน้อยนิดที่ไม่สามารถใช้ต้นกำเนิดซื้อ
เย่ฟ่านเดินไปจนครึ่งตลาดและมาถึงสถานที่ขายหิน แต่ละแผงขายหินเพียงไม่กี่ก้อนเท่านั้น พวกมันดูธรรมดามากและไม่มีอะไรผิดปกติ
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านที่เป็นประมาจารย์ต้นกำเนิดรู้สึกกลัวเล็กน้อย หินเหล่านี้ไม่ธรรมดา มันมีร่องรอยกลิ่นอายของเหมืองโบราณต้นกำเนิดอย่างชัดเจน และราคาของมันก็แพงจนน่าเหลือเชื่อ
ตลาดเสรีมีผู้คนมาและไปเป็นจำนวนมาก และผู้คนก็หยุดดูหินพวกนี้เป็นครั้งคราว
เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความสงสัย ที่นั่นมีพระราชวังขนาดใหญ่ลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
“ผู้อาวุโสไม่ทราบว่าที่นั่นคือที่ไหน?”
“เจ้ามาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรกเหรอ? นี่คือหอคอยสมบัติของวังสวรรค์ มันเป็นหนึ่งในเจ็ดโรงประมูลของเมืองศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงมักจะถูกนำไปขายที่นั่น” ชายชราที่อยู่ข้างๆแนะนำพวกเขาทางภาคภูมิใจ
“ต้นกำเนิดที่ขับเคลื่อนให้พวกมันลอยอยู่บนท้องฟ้าคงมากมายมหาศาลอย่างยิ่ง นี่เป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยจริงๆ…” เย่ฟ่านพูดไม่ออกครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า
“เคยมีคนเอาต้นกำเนิดสวรรค์มาประมูลหรือไม่?”
“ใช่ พวกมันถูกประมูลไปแล้วจริงๆ” ชายชราพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ซิ่ว” เย่ฟ่านสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ การที่เขามายังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชรากล่าวต่อไปว่า "ต้นกำเนิดสวรรค์ถูกนำมาประมูลไม่บ่อยครั้งนัก ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ว่ากันว่าต้นกำเนิดก้อนนั้นเมื่อถูกผ่าออก มันมีตำราวิเศษอยู่ด้านใน”
“อะไรนะ! พวกเขาผ่าเปิดต่อหน้าสาธารณชนเลยเหรอ เรื่องนี้มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
เย่ฟ่านตกตะลึงเเป็นอย่างมาก หากเขาเป็นเจ้าของต้นกำเนิดก้อนนั้นเขาจะต้องแอบเปิดมันเพียงคนเดียว
“นี่เป็นข้อกำหนดของผู้ขาย ว่ากันว่าเขาไม่กล้าเปิดมันด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคืออะไรดังนั้นเขาจึงทำข้อกำหนดเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรก”
ชายชราหัวเราะและพูดต่อไปว่า " ต้นกำเนิดสวรรค์เป็นเพียงของเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนี้ไม่กี่วันจะมีการประมูลทองคำมังกรดำอีกด้วย”
“ไม่มีทาง แม้แต่ของแบบนี้ก็สามารถประมูลได้ นั่นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้ผ่านไปหลายพันปีก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่จินเดียว!” หัวใจของเย่ฟ่านเต้นระรัว
“ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ทองคำมังกรดำที่จะนำมาประมูลนี้มีขนาดประมาณเล็บมือเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเอาไปสร้างเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้ว”
เย่ฟ่านรู้สึกสบายใจและพยักหน้า เขานึกถึงทองคำโลหิตหงส์ขนาดเท่ากำปั้นของเขา มันเพียงพอที่จะสร้างเป็นด้ามกระบี่เล่มหนึ่งอย่างแน่นอน
บางทีเมื่อจำเป็นจริงๆเขาอาจจะใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนกับต้นกำเนิดสวรรค์เพื่อทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะติดอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสี่หรือห้าตลอดไป
อย่างไรก็ตามเขาจะพยายามเก็บมันไว้ให้นานที่สุด ของชิ้นนี้วัตถุที่สามารถใช้สร้างเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วได้ เขาไม่รู้ว่าในชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสพบพวกมันอีกหรือไม่
หลังจากนั้นเย่ฟ่านก็ออกจากตลาดและเดินสำรวจอีกฝั่งหนึ่งของเมืองศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าจะผ่านไปนานหลายชั่วยาม แต่เย่ฟ่านก็เดินสำรวจได้เพียงพื้นที่เล็กๆเท่านั้น เมืองนี้ใหญ่เกินไปจริงๆ แม้ว่าเขาจะเดินเป็นระยะทางหลายร้อยลี้มันก็ยังไม่ครอบคลุมส่วนเล็กๆของเมืองด้วยซ้ำ
“ไม่ ข้าต้องไปหาหลี่เหอซุยไม่เช่นนั้นข้าต้องเดินจนเหนื่อยตายแน่ๆ”
เย่ฟ่านรู้สึกอ้างว้างเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เขาต้องการคนนำทางมากที่สุด ก่อนที่จะมาตู้เฟยได้บอกเขาว่าจะหาหลี่เหอซุยได้อย่างไร
ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตก เย่ฟ่านมาที่ตรอกโบราณ มีอาคารเล็กๆที่สร้างขึ้นจากหินซึ่งดูเหมือนจะมีอายุหลายพันปีตั้งอยู่ที่ปลายสุดของตรอกโบราณนี้ ในที่สุดเขาก็พบหลี่เหอซุย
หลี่เหอซุยมีใบหน้าที่ดำคล้ำและมีรูปร่างสูงใหญ่ เขาอายุยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี เขาเป็นหลานชายของมหาโจรคนที่แปดหลี่เหิง
ก่อนจะมาตู้เฟยบอกเขาว่าหลี่เหอซุยเป็นจอมวางแผน แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างใหญ่โตเหมือนคนไม่มีสมอง แต่แท้ที่จริงแล้วนั่นคือสิ่งที่เขาแสดงให้คนภายนอกเห็นเท่านั้น
สติปัญญาที่แท้จริงของเขาไม่มีลูกหลานของโจรผู้ยิ่งใหญ่คนใดเทียบได้
“น้องเย่ ตอนนี้เจ้าเป็นคนดังแล้ว ทุกคนในภาคเหนือรู้จักเจ้า ไม่ต้องกังวล ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์นี้ข้าเป็นงูเจ้าถิ่น ข้าสามารถให้ความคุ้มครองแก่เจ้าได้แน่นอน”
หลี่เหอซุยอ่านจดหมายของตู้เฟยและมีสีหน้าผ่อนคลาย
"เจ้าเป็นคนวางแผน ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง" เย่ฟ่านหัวเราะ
“เมืองศักดิ์สิทธิ์มีลานพนันอยู่หลายแห่ง ตำหนักสราญรมย์ เรือนพระจันทร์และหอคอยสุริยัน คือสามทางเลือกที่ดีที่สุดของเจ้า เจ้าสามารถตัดสินใจได้เลยว่าจะไปที่ไหน”
หลี่เหอซุยมีคิ้วหนาและตาโต ใบหน้าของเขามีสีเข้ม แม้ว่าเขาจะดูเรียบง่ายแต่จากสายตาสดใสของเขา มันเหมือนกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเย่ฟ่านจะเลือกที่ไหนเป็นสถานที่แรกในการลงมือ
"พวกเราไปหาสถานที่ดื่มและนั่งคุยกันด้วยเป็นอย่างไร" เย่ฟ่านพยายามแสดงมิตรภาพ
เหอซุ่ยโบกมือและพูดว่า: "นั่นไม่มีปัญหา ในฐานะพี่ใหญ่ข้าจะให้เจ้าออกเงินได้อย่างไร เมื่ออยู่กับข้าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไร้ปัญหา"
…………..
เมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความงดงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาค่ำคืนที่พวกเขาสามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจนตลอดทั้งปีทั้งชาติ
"เมืองศักดิ์สิทธิ์ทำให้พวกเรามองเห็นดวงดาวชัดเจนแบบนี้ได้อย่างไร?" เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย
“เจ้าชำนาญในการใช้ค่ายกลเพื่อหลบหนีไม่ใช่หรือ? เจ้าคิดว่าในโลกนี้มีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงอย่างเดียว” หลี่เหอซุยส่ายหน้า ไม่คิดว่าเย่ฟ่านจะไร้เดียงสาถึงขนาดนี้
"เมืองนี้วิเศษจริงๆ!" เย่ฟ่านทำได้เพียงถอนหายใจชื่นชม
“คืนนี้เราจะไปที่ตำหนักสราญรมย์ อันเหมียวอี้ออกสู่โลกภายนอกแล้ว สตรีที่งามที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออกปรากฏตัวขึ้นที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้อยๆก็ต้องมีเด็กปัญญาอ่อนหลายคนตีกันให้พวกเราดู”
หลี่เหอซุยพูดอย่างมีความสุข