13 - ฉันแค่ทำให้แน่ใจว่าเขาจะตั้งใจเรียน
13 - ฉันแค่ทำให้แน่ใจว่าเขาจะตั้งใจเรียน
ในตอนนี้นักเรียนเกเรของโรงเรียนมัธยมกลางที่ 3 ก็คุยกันในกลุ่มแชทของพวกเขา พวกเขามีสมาชิกเพียงสิบคนในกลุ่มนี้
พวกเขาทั้งหมดถือได้ว่าเป็นหัวโจกเรื่องความเกเรของโรงเรียน
พวกเขาสนุกกับการกลั่นแกล้งเพื่อนนักเรียน แม้ว่าการกลั่นแกล้งเพื่อนนักเรียนของพวกเขาอาจจะทำให้พวกเขาเรียนไม่จบ แต่พวกเขาก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว
“เฉินหยางปี 3 ห้อง 2 มีใครรู้จักเขาหรือเปล่า?”
“ฉันรู้ ไอ้กะเทยนั่นน่ะเหรอ?”
“ตอนเที่ยงไอ้เหม็นถังเจี๋ยถูกเฉินหยางตี ฉันได้ยินจากเพื่อนของฉันว่าเฉินหยางทุบกำแพงตรอกหน้าโรงเรียนของเราด้วยหมัดจนกำแพงแตกเป็นรู ไอ้เหม็นถังเจี๋ยเกือบจะฉี่ราดแหน่ะ”
“เชี่ย! จริงดิ?”
"คนบ้าอะไรมันจะต่อยกำแพงเป็นรูได้แกฟังมาผิดหรือเปล่า"
"แกถูกต้มแล้วเพื่อน!"
“ไม่ใช่แน่นอน ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ไม่ควรไปยั่วโทสะไอ้บ้านั่นอีก”
“ไร้สาระน่า ถ้าเฉินหยางแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาจะถูกพวกเรารังแกมาหลายปีขนาดนี้ได้ยังไง”
"เรื่องไร้สาระอยู่แล้ว"
“พวกนายกำลังพูดถึงกำแพงนี้หรือเปล่า”
นักเรียนเกเรคนหนึ่งโพสต์รูปลงในกลุ่ม
“???”
"???"
"..."
“ไอ้เวร...”
แชทกลุ่มหยุดกะทันหัน ราวกับว่าโทรศัพท์ของทุกคนถูกไวรัสพร้อมกัน
“บ้านของฉันอยู่ที่หน้าโรงเรียน หลังจากที่ได้ยินพวกแกพูดฉันก็เดินไปถ่ายรูปนี้มา!”
ยังคงเงียบสนิทไม่มีใครสามารถตอบสนองต่อความตกใจนี้
ตามปกติแล้วคนกลุ่มนี้ทำตัวเป็นเด็กเหลือขอในโรงเรียน พวกเขากลั่นแกล้งกลุ่มผู้ด้อยโอกาสเพื่อความบันเทิงส่วนตัว
แต่ที่บ้าน พวกเขาส่วนมากก็เป็นเครื่องระบายอารมณ์ให้กับพ่อแม่ที่ไม่เคยเอาใจใส่
การรังแกคนอื่นจึงเป็นเรื่องสนุกและการระบายอารมณ์ไปในตัวของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาเจอตอที่แข็งหน่อย พวกเขาก็จะกลัวโดยธรรมชาติ
ในช่วงบ่ายหลินฟ่านรับเงินจากหญิงวัยกลางคนในขณะที่เขาเดินไปรอบๆร้านค้าใกล้ๆโรงพยาบาลโดยไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปเยี่ยมไข้
แม้ว่าเงิน 200 หยวนจะสามารถซื้อของได้มากมาย แต่เพื่อนนักเรียนกว่า 40 คนอยู่ในโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าเงิน 200 หยวนนี้จะห่างไกลจากคำว่า “พอ” เป็นอย่างมาก
เจ้าของร้านเห็นเขาเดินไปเดินมาจึงถามว่า
“น้องชาย เธอมาซื้อของฝากไปเยี่ยมไข้เหรอ?”
"ใช่."หลินฟ่านพยักหน้า
เจ้าของร้านพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ถ้าอย่างนั้นน้องชายก็ซื้อนมสักสองกล่องใหญ่สิ”
หลินฟ่านมองไปที่สองร้อยหยวนอีกครั้ง มันเพียงพอที่จะซื้อนม 2 กล่องใหญ่จริงเหรอ?
“ซื้อนม 2 กล่องใหญ่ ถ้าเงินเหลือก็เอาไส้กรอกทั้งหมด”
หลินฟ่านวางเงินสองร้อยหยวนไว้บนเคาน์เตอร์ เขารู้สึกว่าการแจกจ่ายแบบนี้ดีที่สุด
เจ้าของร้านหลินฟ่านด้วยความชื่นชมเล็กน้อย ลูกค้าแบบนี้ค่อนข้างหายาก
เธอเดินกลับเข้าไปหลังร้านก่อนจะห่อของทุกสิ่งทุกอย่างใส่ถุงกระดาษออกมาให้เขา
หลินฟ่านกอดนมสองกล่องกับไส้กรอกหลายชิ้นและเดินจากไป
“ช่างเป็นนักเรียนที่แปลกอะไรเช่นนี้”
เจ้าของร้านรู้สึกว่าหลินฟ่านมีพฤติกรรมแปลกอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าแปลกตรงไหน
……..
โรงพยาบาล.
หลินฟ่านไม่รู้ว่าเพื่อนนักเรียนของเขาเข้าพักอยู่วอร์ดไหน เขายืนครุ่นคิดอยู่นานที่ชั้นล่างในห้องผู้ป่วยใน
จากนั้นเขาก็กอดสิ่งของและเริ่มเดินขึ้นไปจากชั้นแรก โดยตั้งใจจะสำรวจทุกชั้น
ตราบใดที่เขาเริ่มเดินหาอย่างละเอียด เขาจะได้พบเพื่อนๆอย่างแน่นอน
จนกระทั่ง ชั้นที่สิบแปด
ในที่สุดเขาก็พบทุกคน
ภายในวอร์ด เพื่อนนักเรียนหลายคนกำลังคุยกัน พวกเขายังมึนงงอยู่เล็กน้อย จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงข้อสันนิษฐานจากหมอที่บอกว่าพวกเขาถูกไฟฟ้าช็อต
คำพูดดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นักเรียนพอใจ แต่พวกเขาก็จำอะไรไม่ได้ พวกเขาจำได้แต่เพียงว่าพวกเขาเห็นเพื่อนร่วมชั้นกำลังเต้นอยู่ พวกเขาก็เลยเข้าไปร่วมสนุกด้วย
หลังจากนั้นความทรงจำของพวกเขาก็ดำมืดไป
“หลี่หยวนฮ่าว ในตอนที่ฉันสัมผัสตัวนายฉันก็หมดสติทันที นายเป็นคนทำเรื่องนี้หรือเปล่า”
“โจวหยวน อย่าใส่ร้ายคน”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว เฉินหยางบอกว่าเขากำลังจะมาที่นี่ พวกเราทำห้องมาอยู่ในโรงพยาบาล แล้วทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไรเหมือนคนอื่น?”
“มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
ในขณะที่นักเรียนกำลังพูดคุยกันก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากประตูของวอร์ด
“สวัสดีเพื่อนๆ ฉันมาเยี่ยมพวกนายแล้ว” หลินฟ่านยืนอยู่ที่ประตูโดยกอดนมกล่องใหญ่และไส้กรอกจำนวนมาก
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นภายในห้องก็เงียบสนิท!
เพื่อนนักเรียนที่กำลังพูดอยู่จู่ๆร่างกายของพวกเขาก็หยุดชะงัก สำหรับพวกเขา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกเขาทั้งหมดอยู่ในโรงพยาบาล มีเพียงเฉินหยางเท่านั้นที่ยังปกติสุขอยู่
มิหนำซ้ำยังเอาของมาเยี่ยมไข้พวกเขาอีกด้วย
เรื่องนี้ดูน่ากลัวเล็กน้อย!
“อาการของพวกนายเป็นยังไงบ้าง? ครั้งต่อไปถ้าพวกนายเหนื่อยพวกนายก็ขออาจารย์กลับไปที่บ้านไม่ต้องนอนอยู่บนพื้นแบบนั้น”
หลินฟ่านวางนมและไส้กรอกลงบนเตียงที่อยู่ใกล้ๆ เขาหยิบแก้วที่อยู่ในตู้หัวเตียงออกมาพร้อมกับรินนมที่เขาซื้อมาแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ
"ดื่มนมก่อน"
หลินฟ่านมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
เพื่อนนักเรียนมองไปที่หลินฟ่านด้วยความประหลาดใจ เขาต้องการที่จะปฏิเสธ แต่บางสิ่งบางอย่างบอกกับเขาว่าหากเขาปฏิเสธเฉินหยางจะรู้สึกไม่พอใจมาก
และนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด!
"ขอบคุณ."
“ไม่เป็นไร ฉันมักจะให้ความช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่นตอนที่ฉันอยู่ในชิงซาน…”
หลินฟ่านหยุดพูดอย่างกระทันหัน เขาตระหนักว่าเขาไม่ควรพูดมากเกินไป ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนปกติซึ่งแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง
1 คน นม 1 แก้ว ไส้กรอกคนละชิ้น
แค่นั้นแหละ.
เขาส่งไปทีละคน
" ทานให้อร่อยนะ " หลินฟ่านมอบสิ่งของให้จางฮ่าว
จางฮ่าวรีบประสานมือขอบคุณอย่างมีมารยาท
“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆพี่เฉิน มันจริงหรือเปล่าที่วันนี้พี่เอาชนะถังเจี๋ยตอนเที่ยง เพื่อนๆในกลุ่มของฉันเล่าให้ฟัง”
"เพื่อนนักเรียนจางนายกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ทุบตีเขา ฉันแค่ทำให้แน่ใจว่าเขาจะตั้งใจเรียนในอนาคต" หลินฟ่านพูดอย่างเฉยเมย
แน่นอนว่าถังเจี๋ยถูกทุบตีอยู่แล้ว! นี่คือข้อสรุปจางฮ่าว
จางฮ่าวพยายามบอกตัวเองให้เชื่อคำพูดของเฉินหยาง เขาพยักหน้าหงึกหงักอย่างรวดเร็ว
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้านคนที่แข็งแกร่งกว่าและทำให้ตัวเองได้รับความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น
เฉินหยางทุบตีถังเจี๋ยอย่างน่าสังเวช แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ภาพผนังที่ถูกส่งเข้ามาในกลุ่มก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ได้หาเรื่องเฉินหยางมากไปกว่านี้
“พี่เฉิน ฉันอยากจะแข็งแกร่งเหมือนพี่ มันพอจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหม” จางฮ่าวถาม
หลินฟ่านทำหน้าสงสัยก่อนจะฉีกยิ้มด้วยความยินดี
“ยอดเยี่ยมไปเลย ฉันจะฝึกฝนให้นายแข็งแกร่งเหมือนฉันอย่างแน่นอน”
จางฮ่าวที่ได้ยินแบบนั้นก็ตื่นเต้นมาก
พี่เฉินจะเปิดเผยความลับที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของเขา
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเขากำลังพบเจอกับ..
การฝังเข็มแบบทางช้างเผือก!
การบำบัดด้วยไฟฟ้าช็อต!